• รูดม่าน คมช. |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 07 ก.พ. 51 เวลา 15:41:14 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
รูดม่าน คมช. "ชลิต" แถลงจบภารกิจ ชี้นำพาชาติพ้นวิกฤติส่งถึงฝั่งตามระบอบประชาธิปไตย - คืนอำนาจให้ประชาชน ยันไม่เคยก้าวก่ายรัฐบาล - ฝ่ายกฎหมาย พร้อมรับผลไม่เป็นตามเป้า
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พร้อมด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และสมาชิก คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลชาธิการ คมช. เข้าร่วมหารือ และรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน ก่อนจะมีการแถลงยุติบทบาทของ คมช.อย่างเป็นทางการ ขาดเพียงพล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และสมาชิก คมช. ที่ติดภารกิจการตรวจเยี่ยม จึงได้ส่ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมหารือแทน
จากนั้น พล.อ.อ.ชลิต พร้อมสมาชิก คมช. ทั้งหมดได้ร่วมทำพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) โดย พล.อ.อ.ชลิต กล่าวปฏิญาณต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ว่า คมช. ปฏิรูปการปกครองไม่ได้มีเจตนาที่จะบริหารราชการแผ่นดิน และขณะนี้ได้ปฏิบัติภารกิจของประเทศสำเร็จแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมราชจักรีวงศ์ตราบชั่วชีวิต ขอเดชะพระบารมีอันแผ่ไพศาลของพระองค์ได้โปรดประทานพรให้แก่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ด้วยความรักสมัครสมานสามัคคี เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ร่วมมือร่วมใจพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรือง ดำรงคงอยู่เป็นมรดกทอดชั่วลูกหลานไทย ตามพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตลอดไป
หลังเสร็จพิธี พล.อ.อ.ชลิต กล่าวในโอกาสจบภารกิจว่า บัดนี้ประเทศไทยได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตย ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จนกระทั่งสามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีร่วมกันและการก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างราบรื่นเรียบร้อย
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า สถานการณ์ก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นที่ทราบว่าสังคมไทยเกิดปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝ่าย แตกความสามัคคีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน การบริหารราชการแผ่นดิน องค์กรอิสระ ประสบปัญหาในการทำงาน มีการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ เกิดการเผชิญหน้าของกลุ่มมวลชนที่ขัดแย้งความคิดด้านการเมือง และล่อแหลมต่อการเกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งยากที่จะหาทางออกด้วยวิธีการประชาธิปไตย นับเป็นภัยคุกคามการปกครองระบอบประชาธิปไตยทั้งระบอบ
“คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พลเรือน ซึ่งมีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ จำเป็นต้องใช้อำนาจเด็ดขาด เข้ายุติให้สถานการณ์ลุกลามขยายตัวจนเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประเทศ แล้วขอเวลาที่เกิดช่องว่างนั้น จัดระเบียบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเสียใหม่ เพื่อให้สังคมไทยเกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งยืนยันมาตลอดว่าไม่มีเจตนาจะเข้ามาเป็นผู้กุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน และจะคืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตยกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยโดยเร็วที่สุด” พล.อ.อ.ชลิต กล่าว
รักษาการประธานคมช. กล่าวว่า ภายหลังการปฏิรูปเพียง 11 วัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ได้ประกาศใช้เพื่อกำหนดกลไกชั่วคราวที่เหมาะสม สำหรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ การจัดตั้งรัฐบาล การจัดตั้งองค์กรอิสระต่างๆ ที่ขาดอยู่ การแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 โดยให้ประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง มีโอกาสออกเสียงลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2550 จนนำไปสู่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2550 และคืนอำนาจให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550
พล.อ.อ.ชลิต กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งได้แปรสภาพมาเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติในภายหลัง มิได้เข้าไปก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งฝ่ายบริหารคือ รัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติ ฝ่ายตุลาการคือ ศาลต่างๆ แม้จะมีเสียงเรียกร้องอยู่บ้างทั้งนี้ก็เพื่อให้การคืนอำนาจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้กลับคืนสู่ปวงชนชาวทายอย่างเรียบร่อยและเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างบนพื้นฐานของความถูกต้อง มีกฎหมายรองรับและเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้คงเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนชาวไทยทุกคนเป็นอย่างดี
“คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ยอมรับว่าในภาพรวมยังไม่สามารถทำให้เกิดผลสูงสุดตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ทุกประการ เพราะหลายปัญหาจำเป็นต้องใช้เวลา กลไก ทั้งทางกฎหมายและองค์กรของรัฐ ตลอดจนความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทำให้ไม่สามารถเห็นผลได้ในระยะเวลาอันสั้น” รักษาการประธานคมช. กล่าว
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1140 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 07 ก.พ. 51
เวลา 15:41:14
|