กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
โพลชี้เยาวชนอยากมีเซ็กซ์วาเลนไทน์
สังคมไทยน่าห่วง! เอแบคโพลล์ ชี้แนวโน้มเยาวชนวัย12-19ปี 21.4% อยากมีเพศสัมพันธ์วันวาเลนไทน์ แค่ 21.1 % ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยโครงการวิจัยเพื่อเฝ้าระวังรักษาคุณภาพเด็กและเยาวชนหัวข้อ"ความรักวันวาเลนไทน์ ดารา นักการเมืองและประชาธิปไตยในมุมมองของเด็กและเยาวชน กรณีศึกษาเด็กเยาวชนอายุ 12 - 19 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2,384 ตัวอย่าง
ดำเนินโครงการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม ระหว่างวันที่ 1 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา พบว่าเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.6 จะปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.4 ยอมรับอาจจะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ออกตามระดับของแนวคิดรักนวลสงวนตัว พบว่า ในกลุ่มเด็กที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัว ร้อยละ 48.9 ยอมรับอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์
ขณะที่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มองว่าต้องรักนวลสงวนตัวส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.1 ปฏิเสธมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด และผลการทดสอบค่าสถิติวิจัยด้วยค่า Odd Ratio พบว่ามีค่าเท่ากับ 5.924 และค่าสูงสุดอยู่ที่ 8.324 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
หมายความว่า เด็กและเยาวชนที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัวมีโอกาสยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์มากสุดประมาณ 8 เท่าของกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีทัศนคติว่าต้องรักนวลสงวนตัวและรอจนกว่าจะถึงวันแต่งงานเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วง คือ ผลประมาณการเด็กและเยาวชนที่เอนเอียงยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ พบว่า ในกลุ่มเด็กและเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 1,327,055 คนที่กำลังพักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจะมีผู้ที่เอนเอียงอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์จำนวน 283,990 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 21.4 ของทั้งหมด
หัวหน้าศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า ข้อมูลที่สะท้อนภาพเชิงบวกคือเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.6 ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่ร้อยละ 15.4 เคยมี แต่ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่กำลังเสี่ยงต่อการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เพราะผลวิจัยพบว่า มีเพียงร้อยละ 21.1 เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.8 ใช้บางครั้ง และประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 20.1 ไม่เคยใช้เลย
นอกจากนี้ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.4 ระบุว่า การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาของเด็กและเยาวชนได้ รองลงมาคือ ร้อยละ 32.3 ระบุการเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมของผู้ใหญ่ในสังคมเป็นทางออก ร้อยละ 30.5 ระบุการมีแบบอย่างที่ดีในสถาบันการศึกษา
ร้อยละ 28.4 ระบุสื่อมวลชนเสนอบุคคลที่ดีเป็นตัวอย่างคือทางแก้ปัญหา ในขณะที่ร้อยละ 24.3 ระบุการขจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งในและรอบสถาบันการศึกษา และร้อยละ 23.5 ระบุการเพิ่มพื้นที่และสิ่งที่ดีๆ ทั้งในและรอบสถาบันการศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาของเด็กและเยาวชนได้
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|