| • ตั้งเต็นท์ล่าชื่อถอดถอน ไชยา |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 07 มี.ค. 51 เวลา 10:06:37 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
|
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวต่อต้าน รมว.สาธารณสุข ของกลุ่มผู้ปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ วานนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้านหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวง มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายเภสัชกรชนบท เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ประมาณ 50 คน ตั้งเต็นท์ชั่วคราวสำหรับให้ข้าราชการและประชาชนร่วมลงชื่อถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข โดยทางเครือข่ายภาคประชาชนได้นำเอกสารลงชื่อถอดถอน ระบุเหตุผลที่ต้องถอดถอนนายไชยา 4 ข้อ เพื่อขอให้ วุฒิสภาถอดถอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเครือข่ายได้ตั้งโต๊ะลงชื่อถึงเวลาประมาณ 15.30 น. ก็ได้ทยอยเดินทางกลับ โดยมีประชาชนและข้าราชการเดินทางมาร่วมลงรายชื่อถอดถอนนายไชยาออกจากตำแหน่งประมาณ 200 คน แต่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขจำนวนเท่าใด เนื่องจากส่วนใหญ่แต่งกายในชุดธรรมดา ขณะเดียวกันมีประชาชนสนใจบริจาคเงินเพื่อเสียค่าปรับสำหรับการใช้เครื่องขยายเสียงรบกวนในสถานที่ราชการและสำหรับเป็นกองทุนในการถอดถอนนายไชยาต่อไป
จี้ย้าย “พงศ์เทพ” มาอยู่หน้าห้อง
ด้านนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาเกี่ยวกับ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท หนึ่งในแกนนำที่ร่วมดำเนินการลงชื่อถอดถอนนายไชยา ให้มาทำงานหน้าห้อง รมต. โดยได้ให้ นพ.ปราชญ์เป็นผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนตนเองออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุขนั้นก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลในการดำเนินการ
“นพ.พงศ์เทพ” ฮึดต้านคำสั่งย้าย
ด้าน นพ.พงศ์เทพกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำสั่งโยกย้ายให้มาช่วยราชการที่หน้าห้องทำงาน รมว. สาธารณสุข จะต้องขอดูเหตุผลการโยกย้ายว่าคืออะไร และต้องถามว่าจะให้ไปเป็นหน้าห้องทำหน้าที่อะไร หากเป็นเสมียนทำหน้าที่เอกสาร ตนเป็นหมอจะให้มานั่งทำงานเอกสารถือว่าใช้คนไม่เหมาะกับงาน ที่ผ่านมา นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข เคยสั่งสอนพวกเราว่าให้ดูแล สธ. อะไรถูกว่าไปตามถูก อะไรผิดว่าผิด ซึ่งตนจะดูแลกระทรวง อะไรผิดหรือถูกจะว่าไปตามนั้น จะไม่นิ่งดูดาย และยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากระบบราชการ โดยจะสู้ถึงที่สุด
ปลัด สธ.อ้างเรื่องเข้าใจผิด
ขณะที่ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็ก อย่าเอามาทำให้เป็นประเด็น ให้อภัยกัน ตอนนี้ต้องสมานฉันท์ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการสั่งย้ายจริงหรือไม่ นพ.ปราชญ์ได้เดินหนี และกล่าวว่า ให้ไปถามโฆษกกระทรวง และจะเรียก นพ.พงศ์เทพมาคุยเอง ไม่มีอะไร เป็นเรื่องเข้าใจผิด ตอนนี้ นพ.พงศ์เทพก็มาช่วยราชการที่กระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว ถ้าจะย้ายอีกก็ไม่รู้จะย้ายไปไหน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยา สะสมทรัพย์ ได้สั่งการให้ นพ.ปราชญ์โยกย้าย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ นายแพทย์ 8 สำนักงานพัฒนาสุขภาพชุมชน กระทรวงสาธารณสุข มาเป็นเลขาฯหน้าห้องนายไชยา อย่างกะทันหัน เมื่อคืนวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก นพ.พงศ์เทพได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โจมตีนายไชยาในรายการตอบโจทย์ โดยนายไชยาได้ร่วมออกอากาศสดด้วย
หมอทำ จม.ถึงนายกฯย้าย “ไชยา”
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.30 น. ที่โรงพยาบาลหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ผอ.โรงพยาบาลหลังสวน อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท ทำหน้าที่แทนประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้เปิดแถลงข่าวร่อนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาปรับเปลี่ยน รมว.กระทรวงสาธารณสุข ว่า เป็นหนังสือที่ออกในนามชมรมแพทย์ชนบท ได้ส่งแฟกซ์ไปถึงหน้าห้องนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีแล้ว การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะเราถูกกดดันห้ามลาพัก ลากิจ ในช่วงนี้ จึงต้องใช้วิธีทำจดหมายเปิดผนึก พวกเราทำกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อคนยากคนจนมาตลอด ในขณะที่ รมว.สาธารณสุข กลับทำอะไรที่ตรงกันข้ามกับที่สังคมเห็นด้วยมาตลอด และยังท้าทายตอกลิ่มถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้เห็นลางร้ายของรัฐนาวาในรัฐบาลชุดนี้ ขอให้นายกรัฐมนตรีปรับเปลี่ยนตัว รมว.กระทรวงสาธารณสุข เสียโดยเร็ว ถ้าไม่รีบดำเนินการ จะมีแนวโน้มขยายวงกว้างต่อไป
ซัดรัฐบาลเก่าทำลายระบบราชการ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดการก่อตั้งสหภาพข้าราชการว่า รัฐบาลจากการเลือกตั้งถูกควบคุมโดยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาอยู่แล้ว การสร้างกลไกเพิ่มเติมจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมหรือมีความระแวงไม่ไว้ใจหรือไม่ เพราะรัฐบาลถูกตรวจสอบทางสังคม การเมืองและกฎหมายอยู่แล้ว ปัญหาทั้งหมดสั่งสมมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ใช้ระบบข้าราชการประจำจนเกินเลย กลายเป็นบ่อนทำลายประชาธิปไตยไปในตัว รัฐบาลชุดนี้ต้องแก้ไข ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลขัดขวางสิทธิเสรีภาพของการตั้งสหภาพที่ควรจะมีหรือไม่
นายจักรภพตอบว่ารัฐบาลมีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วย แต่ไม่ได้แปลว่า ไม่ให้ทำ แต่เมื่อเพื่อนร่วมงานของเรามีความรู้สึกเช่นนี้ก็อยากจะเชิญมาคุยกัน ยอมรับว่า ไม่มีทางที่รัฐบาลจะบริหารประเทศโดยไม่มีความวิตกอยู่ในใจ รัฐบาลทุกชุดต้องนำความทุกข์ประชาชนมาเป็นหลัก ต้องเริ่มต้นมองโลกแง่ร้ายแล้วรีบแก้ไข การที่จะให้ทุกคน อยู่ด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจ และสัญญาว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นโลกในอุดมคติ ที่เป็นไปไม่ได้
ครม.เงาเห็นด้วยรัฐลดภาษี
ทางด้านความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเงา โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธาน ทั้งนี้ นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการวิเคราะห์ถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดย ครม.เงาเห็นด้วยกับมาตรการลดภาษี แต่เห็นว่ายังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องเสียภาษี จึงต้องช่วยกลุ่มคนเหล่านี้ โดยที่ประชุมเสนอให้มีการใช้เงินของภาครัฐผ่านทางงบประมาณกลางปีจำนวน 40,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อให้เงินถึงมือประชาชนโดยตรง เพื่อให้มีอำนาจการใช้จ่ายมากขึ้น จึงเห็นว่า รัฐบาลไม่ต้องห่วงเรื่องงบประมาณ สามารถขาดดุลได้เพิ่มจากเดิมอีก 200,000 ล้านบาท โดยในวันที่ 7 มี.ค.นี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังเงาและนายสรรเสริฐ สะมะลาภา รมช.คลังเงา จะเข้าพบ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพื่อเสนอให้ใช้งบประมาณสมทบจากงบประมาณปี 51
“อภิสิทธิ์” เตือนกองทัพวางตัวให้ดี
ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีระบุว่า การโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาลนี้น้อยกว่าสมัยรัฐบาล คมช.ว่า จะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจว่าระบบราชการเป็นระบบที่ยึดคุณธรรม การโยกย้ายของแต่ละรัฐบาลจะเป็นการโยกย้ายเมื่อถึงฤดูกาล สิ่งที่เกิดขึ้นปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการโยกย้ายที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมากกว่าประโยชน์ในการบริหาร เพราะรัฐบาลเพิ่งบริหารราชการแผ่นดินไม่นาน จึงไม่น่าจะบอกได้ว่า ข้าราชการเหล่านี้บริหารงานดีหรือไม่ ส่วนรัฐบาลอื่นจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ แต่รัฐบาลนี้มีหน้าที่ทำให้ระบบถูกต้อง เมื่อถามว่า นายกฯมีนัดหารือกับ ผบ.เหล่าทัพเพื่อจัดโผทหาร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขอให้ยึดระบบคุณธรรมและคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ควรทำให้เกิดความแตกแยกไม่ว่าจะอยู่ในวงราชการหรือในสังคม โดยเฉพาะกองทัพ ถ้าสามารถทำให้เป็นกองทัพอาชีพไม่ถูกการเมืองแทรกแซงจะดีที่สุด
ตอกรัฐดูบทเรียนอย่าสร้างปัญหา
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่ารัฐบาลต้องการสร้างสถานการณ์ให้ยุ่งเหยิงเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติตนเอง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ได้ย้ำหลายครั้งว่าเงื่อนไขของวิกฤติการเมือง เกิดจากการใช้อำนาจเกินขอบเขต จึงอยากให้รัฐบาลคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ และนำประสบการณ์ในช่วง 2-3 ปี มาเป็นบทเรียน ไม่อยากให้ตื่นตระหนก แต่อยากเตือนให้ ทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมือง ยืนยันว่า การออกมาทักท้วงทั้งหมดต้องการให้รัฐบาลบริหารราชการอย่างราบรื่น หากเอาการเมืองมาเป็นใหญ่แล้วบริหารเช่นนี้ สุดท้ายรัฐบาลจะทำงานลำบาก อยากให้เอาเวลาไปแก้ปัญหาที่ค้างคาอยู่ ไม่ควรมาสร้างปมปัญหาอีก
แจงตั้งองค์กรไม่เกี่ยวโยกย้าย
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้เป็นประธานการประชุม ผวจ.ทั่วประเทศ ผ่านวีดิทัศน์ทางไกลเพื่อชี้แจงแนวทาง พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินฉบับใหม่ โดยนายปรีชากล่าวถึงการเตรียมจัดตั้งองค์กรข้าราชการสามัญว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพราะตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินให้โอกาสข้าราชการที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ก.พ.หรือยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ จึงต้องทำความเข้าใจว่า การตั้งองค์กรขึ้นมาไม่ใช่เรื่องของสหภาพฯ แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 64 ที่กำหนดให้ข้าราชการสามัญสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มหรือสมาคมได้ตราบใดที่ไม่กระทบกับงานหรือการบริการประชาชนและยืนยันว่าไม่ใช่เพื่อการต่อรองอะไรทั้งนั้น
เผยชื่อ “องค์กรพนักงานสัมพันธ์”
นายปรีชากล่าวว่า อยากให้เรียกองค์กรที่ตั้งขึ้นมานี้ว่า องค์กรพนักงานสัมพันธ์ มีหน้าที่ในการเรียกร้องในเรื่องสวัสดิการ ค่าครองชีพเป็นเสียงสะท้อนของข้าราชการพลเรือนสามัญทั้งหมดว่า มีความต้องการอะไรและจะแก้ปัญหาอะไรให้ ซึ่งขณะนี้ก็มีองค์กรทำหน้าที่คล้ายๆลักษณะนี้อยู่คือ สมาคมข้าราชการพลเรือน สมาคมนักปกครอง แต่ไม่มีกฎหมายรองรับจึงจำเป็นต้องจัดทำพระราชกฤษฎีกาเพื่อรองรับองค์กรนี้ซึ่งทาง ก.พ.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้จ้างนักวิชาการให้ศึกษาแนวทางของกฎหมายนี้ หลังจากนั้นคงต้องหารือกับปลัดกระทรวงทุกกระทรวงรวมทั้งต้องทำประชาพิจารณ์กับข้าราชการพลเรือนสามัญทั่วประเทศกว่า 4 แสนคน เพราะเรื่องนี้กระทบกับคนจำนวนมาก ทั้งนี้การออกพระราชกฤษฎีกา คงต้องใช้เวลาเพราะเป็นเรื่องใหญ่
สภาฯตั้งกระทู้ถามสดตั้งกาสิโน
เมื่อเวลา 14.00 น. ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีเรื่องการตั้งบ่อนกาสิโน โดยนายเทพไทถามว่า นโยบายการตั้งบ่อนกาสิโนเป็นความคิดส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี หรือเป็นนโยบายของพรรคพลังประชาชน ถ้าเป็นนโยบายพรรคทำไมไม่หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการรณรงค์หาเสียงเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ หรือเป็นนโยบายของรัฐบาลในข้อใด
“สมัคร” แจงแค่ความเห็นส่วนตัว
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้ด้วยตัวเองชี้แจงว่า อยากแสดงความประหลาดใจว่าทำไมเมืองไทยเป็นอย่างนี้ คนเป็นนายกรัฐมนตรีจะแสดงความคิดเห็นเรื่องใดไม่ได้เลยหรือ ตนพูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เพราะมีคนเขียนเข้ามาถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่อนาคตเมืองไทยจะมีกาสิโน ซึ่งก็ตอบไปว่า เป็นไปได้ ก็แค่นั้น เท่านี้ก็เป็นข่าวใหญ่โตมโหฬารและเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายรัฐบาล เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เมื่อมีคน วิจารณ์มาก พอตนกลับจากต่างประเทศก็ต้องแสดงความ เห็นในเรื่องนี้อีกครั้ง ก็แค่ตอบไปว่า น่าจะมีเพราะทั่วไปเขามีหมดแล้ว ทำไมบ้านเรามีไม่ได้และถ้าคิดจะทำก็ต้องมีคนศึกษา แต่คนฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด จะตอบแค่นี้เพราะจะไปคุยในรายการเช้าวันอาทิตย์เรื่อง “เสวนาปัญหาคนไทยกับอบายมุข” ขอบอกว่า เรื่องนี้ไม่ได้พูดเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องใด เพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง
ยันไม่เป็นคนเริ่มทำกาสิโนแน่
จากนั้น นายเทพไทได้ถามต่อว่า เมื่อนายกฯบอกว่าเป็นความคิดส่วนตัว ทำไมจึงมีรัฐมนตรีอย่างน้อย 5-6 คน ออกมารับแนวคิดนี้ หากเป็นความคิดส่วนตัว อยากทราบว่า อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คิดเรื่องนี้และจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ทั้งนี้พบว่ามีบางส่วนขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 78 วรรค 1 มาตรา 83 และมาตรา 84 วรรค 2 นายกฯมีแนวคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้แนวคิดของท่านทำได้หรือไม่
นายสมัครชี้แจงว่า เมื่อเขาถามมา ตนก็ตอบไป ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอะไรเลย ส่วนการที่จะมีสมาชิกตอบรับก็เป็นวิสัยของคนที่อยู่พรรคเดียวกันเท่านั้น เรื่องขัดรัฐธรรมนูญก็มีคนพูดถึงเหมือนกันว่า จะไปขัดนโยบายพอเพียง อยากถามว่า โรงแรมคืนละ 5 หมื่นบาทหรือคืนละ 1 แสนบาท เขาบังคับให้ใครไปพักหรือไม่ และหากขัดรัฐธรรมนูญ ตนก็คงไม่บ้าพอที่จะไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครไปเขียนห้ามไว้ในนั้น และตนก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเริ่มทำเพราะสภาฯเองก็มีคณะกรรมาธิการฯที่เคยศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้แล้ว
ทนาย “ทักษิณ” แจงคดีเอื้อประโยชน์ฯ
อีกเรื่องหนึ่ง วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.00 น. นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประศาสน์ หัวหน้าทีมทนายผู้ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ายื่นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแทน พ.ต.ท. ทักษิณต่ออนุกรรมการไต่สวนคดีกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ธุรกิจต่อตัวเองและพวกพ้อง ร่ำรวยผิดปกติและได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรได้ เป็นเอกสารชี้แจงหนากว่า 1 พันหน้า โดยแก้ข้อกล่าวหา 3 ประเด็น คือ 1. กรณียังคงไว้ซึ่งหุ้นในบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) 2. ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ธุรกิจสัมปทานของบริษัทชินคอร์ป และ 3. ร่ำรวยผิดปกติ ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมีทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควร จำนวน 77,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากการขายหุ้นและเงินปันผลของหุ้น โดยในหนังสือได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณว่ากระทำการด้วยความสุจริต เปิดเผย ไม่มีการวางแผนเตรียมการใดๆ ไม่มีเจตนาปกปิดหุ้นหรือใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ป การถูกตั้งข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม เชื่อว่าเป็นปัญหาจากเรื่องทางการเมืองเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงปฏิเสธข้อกล่าวทั้งหมด
ตัวเงิน-ตัวทองบุกห้องในสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 17.35 น. ในระหว่างที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่นั้น ได้เกิดเหตุฮือฮาขึ้น เมื่อมีตัวเงินตัวทองรุ่นหนุ่มตัวยาว 1 เมตร ได้หลุดเข้ามาทางประตูด้านข้างของอาคารรัฐสภา 1 ซึ่งตามปกติประตูด้านนี้จะถูกปิดตาย แต่ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้เก็บอุปกรณ์การถ่ายทอดการประชุมเพื่อกลับสถานี โดยเปิดประตูด้านข้างอาคารออก ตัวเงินตัวทองดังกล่าวได้วิ่งหลุดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสภาที่ประจำอยู่บริเวณนั้นแตกกระเจิงด้วยความตื่นตกใจ จากนั้นตัวเงินตัวทองได้วิ่งเข้าไปตรงตู้จดหมายของ ส.ส. ซึ่งเป็นบริเวณห้องทำบัตรประจำตัว ส.ส. โดยพยายามใช้เท้าตะกายตู้จดหมายพร้อมกับส่งเสียงขู่ จนเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ตรงนั้นต้องเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยของรัฐสภามาจับออกไป ขณะเดียวกันได้มี ส.ส.หลายคนที่ได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งมาดู อาทิ นายสุชาติ โชควัฒนากร ส.ส.มหาสารคาม นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชาชน และมีส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนมามุงดูด้วย โดยนายชัยวัฒน์ได้กล่าวแซวทีเล่นทีจริงว่า “สงสัยมันคงเข้ามาทำบัตรมั้ง” อย่างไรก็ตาม กว่าเจ้าหน้าที่จะจับตัวออกไปได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายนาที
|
ข่าวจาก ไทยรัฐ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1394 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 07 มี.ค. 51
เวลา 10:06:37
|
