• เชียงใหม่ดีเดย์ 17 มี.ค.จับมือเผาในที่โล่ง |
โพสต์โดย ตนข่าว เชียงใหม่ , วันที่ 16 มี.ค. 51 เวลา 14:15:40 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
หลายฝ่ายยังตระหนักปัญหาหมอกควันที่ต้องเดินหน้าเฝ้าระวังดูแลต่อให้ยั่งยืนไม่เฉพาะช่วงวิกฤติแม้ล่าสุดสถานการณ์ดีขึ้น พ่อเมืองเชียงใหม่เผย 17 มี.ค.ดีเดย์ใช้กฎหมายปราบแน่เพราะรณรงค์และเตือนนานแล้ว แม้ภาพรวมทุกฝ่ายร่วมมือกันดีมาก ย้ำต้องสานต่อเนื่องให้ยั่งยืน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวยืนยันถึงปัญหาหมอกควันในพื้นที่ เมื่อเร็วๆนี้ว่า มาตรการแก้ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่นั้นแม้สถานการณ์จะดีขึ้น แต่ก็ยังต้องทำต่อเนื่องต่อไปให้เกิดความยั่งยืน อย่าคิดหรือดำเนินการหรือแก้ไขปัญหากันเฉพาะช่วงวิกฤติเท่านั้น นอกจากนี้หากไม่ให้ชาวบ้านเผา ก็จะต้องมีแนวทางออกในการจัดการให้ประชาชนด้วย และที่สำคัญ จ.เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวหากเกิดปัญหาขึ้นก็จะมีผลกระทบตามมาอย่างมาก รวมถึงบรรยากาศการลงทุนความเชื่อมั่นอื่นๆ ด้วยเพราะเรื่องสิ่งแวดล้อม คุณภาพอากาศนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในปีนี้ยืนยันว่า จ.เชียงใหม่จะไม่เกิดปัญหาหมอกควันรุนแรงแน่นอน นอกเหนือจากจะมีปัญหาที่มาจากนอกพื้นที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 17 มี.ค.2551 เป็นต้นไป จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางด้านกฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้เผา และกระทำผิด เพราะถือว่า ได้มีการรณรงค์ ตักเตือนและขอความร่วมมือกันมานานแล้วเพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาผลกระทบ หากประชาชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดฝ่าฝืนหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีการจับปรับจริงและมีบทพิจารณาเรื่องการทำงานของท้องถิ่นนั้นด้วย แต่ภาพรวมถือว่าได้รับความร่วมมือดีมาก ยกเว้นบางจุดหรือเฉพาะรายที่ยังไม่สนใจก็ต้องทำกันต่อไป ทุกฝ่ายตอนนี้ดีมากเรื่องความร่วมมือที่เกิดขึ้น
"ผมเคยให้สัมภาษณ์หลายครั้งและเน้นย้ำประจำว่า เรื่องนี้ปีนี้เชียงใหม่เราดีแน่นอนเพราะทุกคนช่วยกันดีมาก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อ 1-2 วันก่อนหน้านี้นั้นเป็นเรื่องของนอกพื้นที่ที่เกิดปัญหา และถ้าวันเดียวกันเทียบกับจังหวัดอื่นเขาสูงกว่าเราเป็นสองเท่าด้วย เราอย่าตื่นตระหนกเกินไป ปัญหามีก็ต้องแก้ไข และรณรงค์ เราไม่ได้หยุดแค่ช่วงนี้ ต่อไปพฤษภาคม มิถุนายนเราก็ต้องทำต่อเนื่องและให้ยั่งยืนด้วย สำคัญเมื่อห้ามก็ต้องมีทางออก ทุกอย่างต้องร่วมมือกันถึงจะเดินได้ด้วยดี"พ่อเมืองเชียงใหม่ย้ำและว่า จริงๆไม่ต้องการใช้มาตรการกฎหมาย เพราะหากทุกคนร่วมมือกันปัญหาไม่เกิดก็ไม่ต้องมาเอาผิดหรือเอากฎหมายมาปราม
ด้านนายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นใน จ.เชียงใหม่ช่วงที่ผ่านมา มีสาเหตุหลักมาจากการเผาในพื้นที่ใกล้เคียงทางตอนใต้ของจังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง อุตรดิตถ์ เลย เพชรบูรณ์ เนื่องจากข้อมูลทางภาพถ่ายดาวเทียมพบจุดก่อควันไฟ (hot spot) จำนวนมาก ประกอบกับทิศทางลมที่พัดเอาฝุ่นควันเข้ามาใน จ.เชียงใหม่ ส่วนในพื้นที่นั้นปัญหาการเผามีน้อย พบบางพื้นที่เท่านั้น เช่น อ.ฮอด และจอมทอง อย่างไรก็ตาม ถือว่าปีนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความร่วมมือในการช่วยดับไฟดีขึ้น ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงเหมือนช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามแม้สภาพอากาศจะดีขึ้นและเป็นปกติแล้ว ยังคงต้องขอความร่วมมือประชาชนในการงดเผาทุกชนิดต่อ นอกจากนี้ ยังพบสิ่งเตือนด้วยว่า ประเทศเพื่อนบ้านพบ hot spot จำนวนมาก หากทิศทางของลมพัดเข้ามาในประเทศและมาทางแม่ฮ่องสอนเข้ามาเชียงใหม่-ลำพูนก็จะเกิดปัญหาหมอกควันได้อีก
ขณะเดียวกันนายภุชงค์ อินทสมพันธ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แต่การเฝ้าระวังและให้ข้อมูลกับประชาชนรวมทั้งเรื่องของการดูแลหาทางออกให้ประชาชนเมื่องดเผาจะต้องมีอย่างไร เบื้องต้นท้องถิ่นต่างๆ หลายแห่งมีบริการเครื่องบดตัดเศษใบไม้กิ่งไม้ ก็สามารถสอบถามทางสำนักงานได้เพื่อจะได้แจ้งข้อมูลในพื้นที่ในการใช้บริการ โดยเดือนมีนาคมถึงเมษายนหรืออาจต่อถึงพฤษภาคมก็ยังเสี่ยงอยู่ เพราะอากาศร้อนมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องร่วมมือกันสร้างความยั่งยืนไม่ใช่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ปัญหาเรื่องหาชองป่า การทำไร่ทำสวนเกษตรต่างๆ ต้องงดเผากันจริงๆ ผ่านมาเกือบ 100 % คือผลงานของคนทั้งนั้น และยังใช้มาตรการเตือนเป็นหลักไม่อยากเอากฎหมายมาบังคับกัน แต่เมื่อไม่สนใจหรือไม่ร่วมมือก็ต้องนำมาใช้ในที่สุด และตอนนี้ก็โทษหนักมากขึ้นด้วย
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2551 ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและแม่ฮ่องสอน จัดโครงการสัมมนาแนวทางการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันผลกระทบด้านมลพิษของสถานประกอบการ โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง ชุมชนและสถานประกอบการที่มีแนวโน้มก่อให้เกิดผลกระทบด้านมลพิษต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหารือแนวทางการประสานงานกับหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ที่ประชุมยอมรับร่วมกันว่า จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอนมีโรงงานรวมกว่า 3,000โรง หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีอาจก่อให้เกิดมลพิษและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับปัญหาหลักของอุตสาหกรรมใน 3 จังหวัด คือ งานด้านศิลปหัตถกรรม โดยเฉพาะไม้แกะสลักที่มีการเผาเศษไม้ การอบไม้ การทำอิฐดินเผา ซึ่งก่อให้เกิดควัน และโรงงานฟอกย้อมผ้าทอพื้นเมือง ที่ผ่านมาได้มีการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการให้ทำบ่อบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยทิ้งลงคูคลอง ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี แต่ก็ต้องย้ำเพื่อความต่อเนื่องอีกทางหนึ่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พะเยา มาเมื่อ เวลา 14.00 น.วันที่ 14 มี.ค.2551 นายธนเษก อัศวานุวัตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เปิดเผย ถึงการเตรียมความพร้อม ในการป้องกันปัญหาภาวะหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ ว่า ปัญหาหมอกควัน และการลอบเผาป่าในพื้นที่ จ.พะเยา ยังน่าเป็นห่วง โดยยังมีประชาชนลอบเผาป่าอยู่ ทางจังหวัดได้ประสานงานไปยัง ฝ่ายปกครองท้องที่ต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาป่า เพื่อลดปัญหาหมอกควัน
ล่าสุด จังหวัดได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาหมอกควัน และไฟป่า พร้อมทั้งได้แต่งตั้ง คณะกรรมการ ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควัน และไฟป่าจังหวัดพะเยา ปี 2551 พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ทุกอำเภอ จัดประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ไม่เผาทำลายพื้นที่ป่าไม้
ทางด้าน สำนักงานป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ป่า ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว จำนวน 38 ชุมชน สำหรับสถิตการเกิดไฟป่า ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จากสถิติการรายงานข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.พ.51ได้เกิดไฟป่าจำนวน 85 ครั้ง มีพื้นที่ป่าได้รับความเสียหาย จำนวน 349 ไร่ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเผ่าป่าเพื่อทำการเกษตรของราษฎร.
ที่มา ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1626 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว เชียงใหม่
IP: Hide ip
, วันที่ 16 มี.ค. 51
เวลา 14:15:40
|