ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จุฬาฯ ค้านออก คูปองคนจนหวั่นเลือกที่รักมักที่ชัง เป็นช่องหาเสียงของพรรคการเมือง
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก oknation.net และ เว็บไซต์ประชาคมวิจัย
หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยไม่ค่อยดีนัก รัฐบาลก็เตรียมหานโยบายมาช่วยเหลือคนจน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนโยบาย คูปองคนจน ของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยรูปแบบคูปองจะใช้วิธีทยอยเติมเงินผ่านบัตรประชาชนแบบอิเล็กทรอนิกส์ (สมาร์ทการ์ด) ให้ทุกเดือน ซึ่งอาจเป็นเดือนละ 300-400 บาท เพื่อให้ประชาชนในเมืองใช้ซื้ออาหารและค่าเดินทาง แต่ถ้าผู้ไม่มีบัตรสมาร์ทการ์ด และเป็นคนจนในพื้นที่ห่างไกลอาจให้เงินสด
อย่างไรก็ตาม นพ.สุรพงษ์ ยอมรับว่าอาจรั่วไหลได้ แต่ก็กล่าวว่า การเติมเงินให้ทุกเดือนผ่านบัตรประชาชนจะมีระบบตรวจสอบย้อนหลังอยู่แล้ว โดยเฉพาะใครรับรองก็รับรู้กันทั่ว และคาดว่าทำเพียง 6 เดือน - 1 ปีเท่านั้นเพื่อให้ประชาชนปรับตัวรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ และนโยบายนี้ออกมาเพื่อช่วยคนจนจริงๆ
ด้านนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนร่วมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดการจัดทำคูปองคนจน เพราะจะช่วยคนที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในภาวะที่ราคาสินค้าปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ควรจะช่วยแค่ชั่วคราวและเจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้เข้มงวด โดยสามารถนำเส้นความยากจนมาใช้จำแนกกลุ่มที่ไม่ได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้น รัฐบาลจะได้จำกัดวงเงินและระยะเวลาดำเนินการได้ถูกต้อง
''การแจกเงินเป็นสิ่งอันตราย โดยเฉพาะปัจจุบันที่เงินเฟ้ออยู่ระดับสูง ถ้ารัฐบาลยังนำเงินใส่ไปในระบบ โดยไม่ตรวจสอบให้ดีว่าใครเดือดร้อนจริง อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยคนที่รัฐบาลควรยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคือ กลุ่มผู้รับจ้าง แรงงานก่อสร้าง ช่างฝีมือและเกษตรกรที่ไม่มีพื้นที่เพาะปลูกเป็นของตนเอง ซึ่งเชื่อว่าคนกลุ่มนี้จะมีประมาณ 2-3 แสนครอบครัว'' นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ของเส้นความยากจนในปี 2551 พบว่า อยู่ที่ 1,530 บาทต่อคนต่อเดือน จากปี 2549 อยู่ที่ 1,386 บาทต่อคนต่อเดือน และปี 2550 อยู่ที่ 1,444 บาทต่อคนต่อเดือน เมื่อแยกเป็นภาคชนบทพบว่า เส้นความยากจนอยู่ที่ 1,504 บาทต่อคนต่อเดือน โดยมีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือนแรกปีนี้สูงถึง 12.8% จากช่วง 4 เดือนแรกที่เงินเฟ้อในชนบทอยู่ที่ 7.4% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากในชนบท แต่ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด มาจากการที่เกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวได้ราคาดี แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ รายจ่ายสำหรับอาหารสูงถึง 22.2% และรายจ่ายที่ไม่ใช่อาหารอยู่ที่ 3.9%
สำหรับเส้นความยากจนในเขตเมือง อยู่ที่ 1,832 บาทต่อคนต่อเดือน โดยเงินเฟ้ออยู่ที่ 7.4% จากช่วง 4 เดือนแรกเงินเฟ้อในเขตเมืองอยู่ที่ 6.1% หากรัฐบาลนำเงินใส่เข้าไปในระบบทั้งคูปองคนจน โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (เอสเอ็มแอล) และการรับจำนำข้าว แม้จะมีวงเงินรวมไม่ถึง 1 แสนล้านบาท แต่อาจดันให้เงินเฟ้อในเขตชนบทปรับตัวจาก 12.8% ไปอยู่ที่ 20% ภายในปีนี้
''รัฐบาลควรใช้เส้นความยากจนที่คาดว่าตอนนี้อยู่ที่ 5 ล้านคน หรือประมาณ 1 ล้านครอบครัว เป็นเกณฑ์หลัก ก่อนจะลงไปในรายละเอียดว่าใครลำบากจริง และให้ความช่วยเหลือ เพราะรัฐบาลต้องระวังเรื่องการใส่เงินในชนบท ซึ่งชาวนาและเกษตรกรบางส่วนยังมีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ช่วงครึ่งปีหลัง อัตราเงินเฟ้อจะขยับสูงขึ้น แม้ว่าการเติมเงินเข้าไปในระบบอาจจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 และ 4 ขยายตัวได้ 6% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ และทั้งปีอาจจะเฉลี่ย 5-6% แต่การเล่นกับเงินเฟ้อก็เหมือนเล่นกับไฟ เพราะถ้าเงินเฟ้อแรงกว่าที่คิด ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะหายไปแน่นอน ซึ่งทางที่ดี เราควรยอมรับอัตราการเติบโตที่น้อยลง จากกำลังซื้อที่ตกลงบ้างเล็กน้อย โดยไม่ต้องดันให้มีกำลังซื้อมากเกินความจำเป็น เศรษฐกิจก็ไม่น่าจะตกต่ำมาก'' นายสมชัยกล่าว
ขณะที่นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงมหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับวิธีการออกคูปอง เกรงว่าเงินจะตกกับคนบางกลุ่ม ไม่ครอบคลุมคนจน เกิดการเลือกที่รักมักที่ชังได้ สมควรที่จะให้ในรูปแบบอื่นๆ มากกว่า เช่น คูปองอาหาร ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ แต่ถ้าเป็นเงินไม่แน่ใจว่าคนจนจะนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือไม่ หรืออาจจะเป็นช่องทางในการหาเสียงของพรรคการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม เสนอให้รัฐบาลผลิตสินค้ามวลชน เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ข้าวสาร เป็นต้น โดยอาศัยการจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการและมีการโฆษณาผ่านสื่อของรัฐ สามารถลดต้นทุนการผลิต 10-30% และช่วยลดค่าครองชีพคนจนได้
ด้านนายสุชิน เอี่ยมอินทร์ แกนนำกลุ่มคนไร้บ้าน กล่าวว่า คูปองที่รัฐบาลจะแจกนั้น ไม่รู้จะถึงมือคนจนหรือพรรคพวกของคนในรัฐบาลกันแน่ เพราะแม้แต่ข้าวสารธงฟ้า ประชาชนก็ยังเข้าไม่ถึง เพราะมีแต่พ่อค้าคนกลางจ้างคนไปต่อแถวซื้อจนหมด ที่น่าเป็นห่วงคือ มีข่าวว่ารัฐบาลจะยกเลิกเมล์ร้อนทั้งหมด แล้วใช้รถแอร์แทน ตั้งต้นราคาที่ 15 บาท หากเป็นเช่นนี้จริงคงต้องเดือดร้อนหนัก
อืม... ต่างคนต่างความคิดเห็น ว่าแต่เพื่อนๆ ละคะคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับนโยบายแจกคูปองคนจน?
ข้อมูลจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|