• ห่วงโจ๋ไทยเลียนสังคมยุ่น ''เลิกฆ่าตัวหันฆ่าคนอื่นแทน'' |
โพสต์โดย reportter , วันที่ 24 มิ.ย. 51 เวลา 14:06:50 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ห่วงโจ๋ไทยเลียนสังคมยุ่น 'เลิกฆ่าตัวหันฆ่าคนอื่นแทน'
นักวิชาการห่วงโจ๋ไทยรุนแรงขึ้น ส่อผันจากฆ่าตัวตายเป็นฆ่าผู้อื่นเลียนสังคมยุ่น นักจิตวิทยาชี้เหตุพ่อแม่ทำตัวเป็น ฮ.กู้ภัยให้ลูกทุกเรื่อง สุดท้ายเยียวยาปัญหาด้วยตัวเองไม่เป็น พร้อมแนะ 10 สัญญาณเตือนภัย ก่อนทำอัตวินิบาตกรรม
การ เสวนาวิชาการเรื่อง “อัตวินิบาตกรรมวัยรุ่น : เงามืดในกระแสพัฒนาเอเชีย” ซึ่งจัดขึ้นที่อาคารประชาธิปก-รำไพพรรณี สถาบันเอเชียศึกษาและสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน มีประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อมีการหยิบยกปรากฏการณ์การฆ่าตัวตาย ที่กำลังเบี่ยงเบนจากฆ่าตัวเองเป็นฆ่าผู้อื่นมากขึ้น ถือเป็นปัญหาสังคมที่ต้องร่วมกันหาทางป้องกันและแก้ไข เพราะสามารถเกิดกับทุกคนและทุกที่
ผศ.ดร.บุญยง ชื่นสุวิมล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โดยปกติคนที่มีความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายและทำร้ายตนเองจะเกิดขึ้นพร้อมกับ ความรู้สึกอยากฆ่าผู้อื่นและทำร้ายผู้อื่น เมื่อปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยเริ่มมีการแก้ปัญหาในทางที่ผิดด้วยการฆ่าตัวตาย
ในอนาคตอาจเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์ฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่น จากภาวะกดดันและบีบคั้นรอบตัว เหมือนเช่นในประเทศญี่ปุ่น ที่ปรากฏการฆ่าตัวตายและฆ่าผู้อื่น เช่น เด็กอายุ 12 ปี แทงครูด้วยมีด หรือเด็กอายุ 14 ปี ฆ่ารุ่นน้องแล้วนำศีรษะไปแขวนข้างกำแพง เป็นต้น
ผศ. ดร.บุญยงชี้ว่า สาเหตุที่สังคมญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวการณ์เช่นนี้ เนื่องมาจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1.ครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่สอนลูกให้ผิดหวังไม่เป็น ไม่สอนให้เห็นความจริงของชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์ เด็กจึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายผู้อื่น และฆ่าตัวตายเมื่อผิดหวัง
2.โรงเรียนที่เน้นชื่นชมเด็กเก่ง เรียนดี ขยันเรียน จนเด็กที่เรียนไม่เก่งได้รับการเพิกเฉยจากครูและสังคม กลายเป็นเด็กซึมเศร้า และ 3.ความเชื่อ ซึ่งปัจจุบันเด็กญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่มีศาสนา จึงขาดที่พึ่ง เครื่องยึดเหนี่ยวหรือสิ่งช่วยให้ยับยั้งชั่งใจตัวเอง
“การฆ่าตัวตาย และทำร้ายผู้อื่นกลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของญี่ปุ่น มีเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายจำนวนมาก มีแม้กระทั่งรูปแบบและการสอนวิธีการฆ่าตัวตายให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งไทยก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดลักษณะนี้ เนื่องจากโครงสร้างสังคมปัจจุบันมีลักษณะไม่ต่างจากสังคมญี่ปุ่นดังที่กล่าว
ขณะนี้สังคมไทยยังถือว่าดีกว่าสังคมญี่ปุ่นมาก เพราะยังมีเบาะที่ซึมซับสิ่งต่างๆ เช่น วัฒนธรรมการให้อภัยซึ่งกันและกัน ศาสนาและความเชื่อ และมีชนบทที่ยังสามารถรองรับความผิดหวังให้คนที่มาใช้ชีวิตในเมืองกลับไปพัก พิงได้เมื่อมีปัญหา
ทั้งนี้ ไทยควรมีมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดสภาพเช่นสังคมญี่ปุ่น รัฐบาลต้องกำหนดเป็นนโยบายในการใช้สื่อต่างๆ นำเสนอศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของวัฒนธรรมไทยและชีวิตที่สวยงาม” ผศ.ดร.บุญยงกล่าว
สอดรับกับข้อมูลของ ดร.อรัญญา ตุ้ยคำภีร์ อาจารย์ประจำคณะจิตวิทยา จุฬาฯ ที่ระบุว่า การฆ่าตัวเองและการฆ่าคนอื่นมีสาเหตุร่วมกันได้ คือ ความผิดหวัง คับข้องใจ โกรธและกดดันจนอยากทำร้ายทุกคนในสังคม ส่วนหนึ่งของวิกฤติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยจนฆ่าตัวตาย
เนื่องจากพ่อแม่ในปัจจุบันเป็นพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ ไปช่วยกู้ภัยให้ลูกในทุกที่ ทุกสถานการณ์ ทำให้เด็กไม่ได้เผชิญและเรียนรู้อุปสรรคปัญหา จนกลายเป็นคนผิดหวังไม่เป็นและไม่รู้จักคิดหาทางออกด้วยตนเอง เมื่อเผชิญปัญหา ดังนั้น พ่อแม่ ครู และคนใกล้ชิดต้องสอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะเผชิญและหาทางแก้ปัญหาเอง
ดร. อรัญญากล่าวด้วยว่า การฆ่าตัวตายป้องกันได้ ซึ่งวิธีดีที่สุดคือการอ่านรหัสหรือสัญญาณเตือนของการฆ่าตัวตายให้ออก ได้แก่ 1.ในรอบ 6 เดือนเด็กพูดถึงการฆ่าตัวตายอย่างน้อย 1 ครั้ง 2.มีประวัติทำร้ายหรือพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน
3.มีความผิดหวังเสียใจในเรื่องการเรียน ความรัก 4.น้อยใจพ่อแม่ 5.ทะเลาะกับแฟน 6.มีการวางแผน 7.หมกมุ่นกับความคิดเรื่องความตาย 8.เขียนจดหมายลาหรือบอกลาคนใกล้ชิด 9.ซึมเศร้าหรือสิ้นหวัง และ 10.ดื่มเหล้าหรือใช้ยานอนหลับเพื่อระงับความเจ็บปวดหรือกังวล
“มี การประมาณการว่า 80% ของคนที่พยายามฆ่าตัวตายต้องการส่งสัญญาณให้คนรอบตัวทราบว่าตนกำลังประสบ ปัญหาและต้องการการช่วยเหลือ ซึ่งสิ่งที่คนใกล้ชิดต้องทำ คือ การแสดงความห่วงใยและรับฟังปัญหาที่รุมเร้า หลีกเลี่ยงที่จะถกถึงการแก้ปัญหาในขณะนั้น
ต่อมาให้ถามถึงความคิดเรื่องฆ่าตัวตายอย่างตรงไปตรงมา หากเขากำลังมีความคิดฆ่าตัวตายให้รีบปรึกษาจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทาง สุขภาพจิตและจิตเวช” ดร.อรัญญากล่าว
ที่มาจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1332 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย reportter
IP: Hide ip
, วันที่ 24 มิ.ย. 51
เวลา 14:06:50
|