เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการปรับ ครม. ว่า ไม่ขอแสดงความเห็น ต้องไปถามนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเอง เรื่องนี้นายกฯพูดชัดเจนแล้วในรายการสนทนาประสาสมัครว่าใครอย่ามาสาระแน  ไม่มีหรอก ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวพรรคชาติไทยเป็นตัวตั้งตัวตีเคลื่อนไหวหารือพรรคร่วมรัฐบาลยกเว้นพรรคพลังประชาชน เพื่อกดดันให้นายสมัครปรับ ครม. ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า “ไม่ทราบ ไม่หรอก พี่บรรหาร (นายบรรหาร ศิลปอาชาหัวหน้าพรรคชาติไทย) ไม่มีอะไร ผมรู้ดี”

“สมศักดิ์” ปัดพรรคร่วมฯหารือปรับ ครม.

สำหรับท่าทีของพรรคชาติไทย วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงจะมีการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เพื่อหารือเรื่องการปรับ ครม.ว่า ไม่มี ไม่มีการประสานงานเรื่องนี้ พรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยกดดันนายกฯในการปรับ ครม.เลย หากนายกฯ เห็นสมควรจึงจะส่งสัญญาณมา จากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลจะมาหารือกันว่าจะมีการปรับในแต่ละพรรคหรือไม่ เรื่องปรับ ครม.ต้องรอให้นายกฯเดินทางกลับจากต่างประเทศก่อน เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเพื่อเสนอให้ปรับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชนที่มีปัญหาออกหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่ทำ เพราะโดยปกติจะไม่ก้าวล่วงไปถึงต่างพรรค คงได้แค่แสดงความเห็น แต่จะให้บอกที่อยู่นอกเหนือจากพรรคตัวเอง ไม่มีใครทำหรอก ส่วนการแสดงความเห็นเป็นในนามส่วนตัวที่สามารถทำได้ แต่ไม่ใช่ความเห็นของพรรค

“เติ้ง” ยันต่อ ส.ส.ยังไม่ปรับ ครม.

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคชาติไทยจะมีการปรับหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวจะปรับรัฐมนตรีบางคนเช่นกัน นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่มีการคุยกันเลย เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ได้มีการประชุมรัฐมนตรีของพรรค ที่บ้านนายบรรหาร ซึ่งนายบรรหารบอกว่ายังไม่มีการปรับ พร้อมกับให้กำลังใจถึงคนที่ถูกพาดพิง ไม่รู้ว่าข่าวออกมาอย่างไร และให้ทุกคนตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เรื่องการปรับ ครม. ตอนนี้พรรคยังไม่ได้คิด เมื่อถามว่า นายบรรหารยังยืนยันไม่ปรับนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม กับนายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ท่านบอกว่าสองคนนี้เป็นคนที่ถูกพาดพิงมากที่สุด แต่ยืนยันว่ายังไม่มีอะไร เมื่อถามว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินได้นัดคุยเพื่อหารือสถานการณ์ทางการเมืองหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่มีการนัดเจอกัน แต่คุยกันตลอดตามปกติ

โวย “บรรหาร” ไม่บีบปรับ ครม.

เมื่อถามว่า ดูเหมือนข่าวการปรับ ครม.ต่างๆจะมาจากพรรคชาติไทยโดยเฉพาะจากนายบรรหาร จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของรัฐบาลหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่มี นายบรรหารแค่แสดงความเห็นส่วนตัว ซึ่งเป็นความจริงเพราะถึงเวลาที่ต้องปรับแล้ว โดยเฉพาะตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ว่างอยู่ แต่จะปรับอย่างไรขึ้นอยู่กับนายกฯ ว่าจะใช้คนใหม่หรือหมุนเวียนภายใน เมื่อถามว่า หากนายกฯไม่ยอมดำเนินการปรับ ครม.จะถือว่าขาดความรับผิดชอบหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ขึ้นอยู่กับนายกฯ การปรับ ครม.ต้องมีเหตุผล ต้องตอบสังคมได้ ไม่ใช่นึกอยากจะปรับก็ปรับ อย่างที่เห็นกันว่าการที่นายกฯจะตัดสินใจทำอะไรย่อมไม่เกี่ยวกับสิ่งกดดัน

ย้ำ “ทักษิณ” คือคนตัดสินปรับ ครม.

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจและชี้ให้เห็นว่า ครม.ในรัฐบาลนี้มีพฤติการณ์อย่างไร ประชาชนมีความรู้สึกอย่างไร แต่เรื่องการปรับ ครม. ต้องแยกประเด็นกัน เพราะการจะปรับหรือไม่เป็นเรื่องของคนที่อยู่เบื้องหลังนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลที่จะกดดันได้ ไม่คิดว่าพรรคร่วมจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้ จึงน่าจะอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า เพราะเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ในส่วนของฝ่ายค้านก็ทำได้เท่านี้ ต้องติดตามดูต่อไปว่านายกฯจะดำเนินการอย่างไร บางทีอาจปรับ ครม.เมื่อสายก็ได้ แต่อยากเตือนว่า การบริหารราชการบ้านเมืองต้องคำนึงถึงความรู้สึก และความคาดหวังของประชาชน เมื่อถามว่า มีเสียงกดดันให้ปรับนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศออก นายสุเทพตอบว่า เรื่องนี้นายกฯคงคิดมาก เพราะกรณีเขาพระวิหาร แม้ว่า ความผิดพลาดบกพร่องจะอยู่ที่ รมว.ต่างประเทศ แต่เรื่องนี้เป็นมติ ครม. ดังนั้น การจะปรับนายนพดลเพียงคนเดียวก็คงคิดมาก ขอย้ำว่ารัฐบาลต้องถอย เพราะเสียงของประชาชน นักวิชาการและผู้รู้ ต่างเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ฝ่ายค้านอภิปราย ทั้งเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงก็ชัดเจน อีกทั้งศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ด้วย หากยังดื้อดึงเชื่อว่าประชาชนคงไม่ยอม

“อภิรักษ์” ได้ทีขอชิงผู้ว่าฯกทม.ต่อ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากที่ คตส.ได้ส่งเรื่องตรวจสอบทุจริตโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม. ให้แก่ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งคณะอนุกรรมการที่ คตส.ตั้งขึ้นไม่มีการชี้มูลความผิดของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ทำให้นายอภิรักษ์ได้ต่อสายถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อค่ำวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เมื่อคณะอนุกรรมการฯชี้ว่าตนเองไม่มีความผิด จึงขอลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.อีกสมัย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ระบุว่า จะขอตรวจสอบเรื่องข้อกฎหมายก่อน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ได้เรียกประชุมแกนนำพรรคในวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณากรณีนี้เป็นการด่วน โดยประเด็นที่จะหารือคือพิจารณาถึงผลสรุปของคณะอนุกรรมการฯว่าเป็นอย่างไร และนายอภิรักษ์ถือว่าได้ถูกกล่าวหาแล้วหรือไม่ และคดีที่ ป.ป.ช.รับมาจะเชื่อมโยงกับนายอภิรักษ์มากน้อยเพียงใด ซึ่งการเรียกประชุมแกนนำพรรคจะเป็นการตัดสินเลยว่าจะส่งหรือไม่ส่งนายอภิรักษ์ลงชิงผู้ว่าฯกทม.

ศาล รธน.เลื่อนตัดสินคดี “ไชยา”

วันเดียวกัน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาคำร้องกรณี ส.ว. 36 คน ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคแรก (7) และมาตรา 269 โดยภายหลังการประชุม นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวและคำชี้แจงของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่าข้อเท็จจริงในคำร้องเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงกำหนดนัดคู่ความมารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ส่วนกรณีคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ และคำร้องกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จัดรายการชิมไปบ่นไป ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ขณะนี้ทั้ง 2 คำร้องอยู่ในขั้นตอนรอผู้ถูกกล่าวหายื่นแก้ข้อกล่าวหาอยู่