ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ไพโรจน์ แจงอดีตเมียสุดร้าย ทำร้ายแฟนใหม่ถึงบ้าน
ไพโรจน์ สังวริบุตร ออกโรงแจงกรณีภรรยาเก่าฟ้องหย่า เรียกเงิน 47 ล้าน ระบุเลิกกันนานแล้ว ชอบมาทำลายข้าวของ แถมยังทำร้ายแฟนใหม่หลายครั้ง ยืนยันจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรตลอด ไม่เข้าใจว่าจะฟ้องอีกเพราะอะไร
เมื่อวานนี้ (9 กรกฎาคม) นายไพโรจน์ สังวริบุตร อดีตพระเอกชื่อดัง ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงกรณีที่ถูก นางพิศมัย หรือ กชวัณณ์ สังวริบุตร อายุ 42 ปี อดีตภรรยา ยื่นฟ้องศาลจังหวัดสมุทรปราการ แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ข้อหาหย่า, แบ่งสินสมรส, เรียกค่าทดแทน, ค่าอุปการะเลี้ยงดู จำนวนทุนทรัพย์ 47,890,500 บาท ตามคดีดำเลขที่ 107/2551
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ตนกับนางกชวัณณ์ได้แยกกันอยู่ตั้งแต่ปี 2545 โดยตนย้ายกลับไปอยู่บ้านเดิม เนื่องจากป่วยเป็นโรคหัวใจและต้องการเข้ารักษาตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่โรงพยาบาลราชวิถี แต่ก็ยังมีปัญหากับนางกชวัณณ์หลายครั้ง บางทีนางกชวัณณ์ได้บุกมาทำลายข้าวของในบ้าน จนต้องแจ้งความ ทั้งนี้ หลังจากแยกกันอยู่ นางกชวัณณ์ได้ยื่นฟ้องหย่ากับตนวันที่ 21 สิงหาคม 2546 ซึ่งตนไม่ได้รับหมายศาล เพราะส่งไปยังบ้านเลขที่ 525/183 หมู่บ้านพรสว่าง ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ. สมุทรปราการ ทั้งที่ นางกชวัณณ์ทราบดีว่าตนไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว
กระทั่งศาลมีคำพิพากษาให้หย่าในวันที่ 3 ธันวาคม 2546 ตามคดีแดงที่ 2087 / 2546 และให้นางกชวัณณ์เป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรชาย ซึ่งเป็นผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว ตนจึงต้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งในระหว่างที่ศาลอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องของตน ในวันที่ 10 กันยายน 2550 นางกชวัณณ์ได้ขอถอนฟ้องทั้งหมด
ระหว่างที่แยกกันอยู่ ตนได้รู้จักกับนางกรกฎ หรือชญานิศวร์ สังศรีจันทร์ และต้องการสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน ซึ่งเมื่อนางกชวัณณ์ทราบเรื่อง ก็มาทำลายข้าวของของตนและทำร้ายร่างกายนางชญานิศวร์หลายครั้ง กระทั่งคราววันที่ 30 มกราคม 2549 นางกชวัณณ์ได้ทำร้ายเนางชญานิศวร์จนได้รับบาดเจ็บ จึงได้เข้าแจ้งความ และศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2551 ว่าผิดจริงและให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของตนกับนางกชวัณณ์นั้น แม้นางกชวัณณ์จะขอถอนฟ้องตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2550 แต่หลังจากนั้นคือในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 ตนกับนางกชวัณณ์ได้ทำหนังสือสัญญาหย่าต่อหน้าศาล บอกว่าจะสมัครใจหย่าจากกัน นับแต่วันที่เซ็นสัญญาคือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยตนได้โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเลขที่ 130/297-298 107 แบริ่งคอนโด สุขุมวิท 107 ต. สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ให้ ทั้งนี้ ข้อ 3.3 ของหนังสือสัญญาดังกล่าวระบุด้วยว่า หากฝ่ายหญิงไม่ไปทำการหย่าภายในกำหนดเวลา คือ 90 วัน นับจากวันทำสัญญา ให้ฝ่ายชายถือสัญญาฉบับนี้เป็นเหตุแห่งการหย่า และให้มีผลผูกพันตามกฎหมายทั้ง 2 ฝ่าย แล้วให้ตนดูแลค่าใช้จ่ายเรื่องการเลี้ยงดูลูกทั้งหมด เมื่อเป็นอย่างนี้ตนจึงไม่เข้าใจว่านางกชวัณณ์จะมาฟ้องเรียกเงิน 47 ล้านเพื่ออะไร เพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือเพราะคิดว่าเมื่อเลิกกับตนแล้วจะต้องเอากันให้ตายไปข้างหนึ่ง
นายไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ตนไม่ไปศาลในวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะหนี แต่เพราะเป็นวันที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์เรื่องที่นางกชวัณณ์ฟ้องเรียกเงินกว่า 47 ล้าน ตนซึ่งเป็นจำเลยจึงไม่จำเป็นต้องไป โดยศาลจะนัดไต่สวนเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 14 สิงหาคมนี้
ขณะที่ นางกชวัณณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า หากให้เล่าเรื่องทั้งหมดจากมุมของตนคงไม่ได้ ยังทำไม่ไหว เพราะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ประกอบกับตนไม่ใช่คนมีเงินทองมากมาย และไม่ได้รู้จักสื่อมวลชนเยอะ จึงตั้งใจจะไปขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา หงษ์สกุล เพื่อเด็กและสตรี อย่างไรก็ดีคงต้องขอเวลารวบรวมหลักฐานอีกสักระยะ
"แต่อยากให้ทุกคนฟังความจากทั้ง 2 ฝ่าย" นางกชวัณณ์ กล่าว
นางกชวัณณ์ กล่าวว่า อยากจะจบเรื่องนี้เสียที เพราะอยากมีชีวิตใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาคนที่ทรมานที่สุดคือตน ที่พยายามมาตลอด ที่จะไม่ทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลสังวริบุตร ไม่อย่างนั้นคงจะไปอาละวาดที่กองถ่ายแล้ว แต่นี่เพราะเห็นแก่ตระกูลและลูกชายที่ใช้นามสกุลสังวริบุตร ที่ผ่านมาจึงเลือกไปทะเลาะที่บ้าน จะได้ไม่มีใครเห็น ส่วนที่ตัดสินใจยื่นฟ้องต่อศาลขอค่าเลี้ยงดู ไม่ใช่เพราะต้องการเงิน แต่เพื่อจะบอกว่าตนเองก็มีศักดิ์ศรี และมีผู้หญิงอีกคนเข้ามาทำลายชีวิตครอบครัว โดยที่ผ่านตนเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด
"มีอย่างที่ไหนที่เมียน้อยแจ้งจับเมียหลวงเข้าคุก แล้วผู้ชายไปเป็นพยานให้เมียน้อย" นางกชวัณณ์ ระบุ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|