ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เมื่อวานรัฐบาลนายสมัครได้ออกมาตรการ6มาตรการ เพื่อช่วยคนจน ดูทั้ง6มาตรการแล้ว อดที่จะมาวิพากษ์ไม่ได้
ก่อนอื่น ขอกล่าวหาก่อนว่า เป็นนโยบายที่มักง่ายขาดความจริงใจที่จะช่วยราษฎรอย่างแท้จริง
ประชากรของประเทศแบ่งเป็นสังคมเมือง 15% สังคมชนบท 85% มาตรการที่ออกมาผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดคือคนในสังคมเมือง ซึ่งมีเพียง15% เท่านั้น และใน15%นี้ มีคนที่พอมีพอกินที่ไม่ใช่คนจนหาเช้ากินค่ำอีก 6% นั่นคือรัฐบาลช่วยคนจนได้ 9% รัฐบาลอาจจะอ้างกรณีรถไฟชั้น3 ฟรี ซึ่งคนชนบทได้ใช้ คนที่ใช้การคมนาคมโดยรถไฟและขึ้นชั้น3 โดยเทียบกับคนทั้งประเทศมีแค่ 6 % ยกประโยชน์ให้รัฐบาล 6มาตรการที่รัฐบาลออกมานั้น ผู้ได้รับประโยชน์มีไม่เกิน 12%ของประชากรทั้งประเทศเท่านั้น
หากรัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาต้องเข้าไปแก้ที่คนกลุ่มใหญ่ของประเทศที่กำลังประสบนั่นคือกลุ่มเกษตรกรซึ่งมีอยู่ถึง85% ของประชากรทั้งประเทศ
ตอนนี้ปัญหาที่เกษตรกร กำลังแย่มากๆคือต้นทุนการผลิตสูงขึ้น50-150% ไม่ว่าเรื่องปุ๋ย ยา เมล็ดพันธุ์ ขยับตัวขึ้นตลอดเวลา ในขณะที่ผลผลิตทางการเกษตรไม่ได้มีแนวโน้มสูงขึ้นตามเลย กำลังซื้อของเกษตรตกลงตามสัดส่วนของตนทุนที่สูงขึ้น
ปัจจุบันสารกำจัดวัชพืช ไกลโฟรเซตขายแกลลอนละ900-1000บาทจากปีที่แล้ว 400-450 บาท ปุ๋ยยูเรียปัจจุบัน1100-1200 ต่อกระสอบ จากปีที่แล้ว 600-700 บาทเป็นต้น
ถามว่ารัฐบาลรู้ไหม ตอบว่ารู้และรู้เป็นอย่างดี แต่ทำไมไม่แก้ เหตุเป็นเพราะว่า กลุ่มบริษัทใหญ่ที่กุมตลาด ค้าปุ๋ย ค้ายา และเมล็ดพันธุ์ คือนายทุนใหญ่ของพรรคพลังประชาชน
การขึ้นของราคาปุ๋ย ยา และเมล็ดพันธุ์ ทำให้บริษัทฯนี้มีกำไรเพิ่มอย่างมหาศาลเพราะผูกขาดในเชิงเจ้าตลาด
ระบบที่บริษัทพวกนี้ไปใช้กับเกษตรกร คือ ไปชักชวนเข้าโครงการแล้ว ขายเมล็ดพันธุ์ ขายสารกำจัดวัชพืช ขายปุ๋ย ขายฮอร์โมน พอเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ค่อยหักเงิน
บริษัทจะได้กำไรตั้งแต่ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา ฮอร์โมน รวมทั้งผลผลิตในไร่ที่เกษตรกรต้องเอาไปขายให้
การขึ้นราคา ปุ๋ย ยา อย่างไม่เป็นธรรม พวกนี้ รัฐบาลไม่เคยที่จะเข้าไปแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เป็นเพราะเขาไม่อยากแตะกระเป๋าเงินของพวกเขา อาจจะมีมาตรการแบบหยุมหยิมมาบ้างแต่ไม่จริงจังอะไรไว้กันโดนด่า เช่นให้งบ 300 ล้านมาซื้อปุ๋ยราคาถูก ซึ่งคนที่เคยทำงานด้านนโยบายมาก็รู้ว่า มันทำอย่างเสียไม่ได้และไม่มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
มาตรการที่สามารถแก้ได้และได้กับคนส่วนใหญ่กลับไม่ทำ แต่ไปออกมาตรการ หน่อมแน้ม ผู้ได้ประโยชน์เป็นคนน้อยนิด
เมื่อเราได้รัฐบาลแย่ๆ ประชากรก็เดือดร้อนอย่างนี้ สงสารประเทศไทยจริงๆ ที่เขียนแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าหากการเมืองเปลี่ยนขั้ว อีกฝ่ายเป็นรัฐบาลขึ้นมาปัญหาที่รัฐบาลจะรักษาประโยชน์ของกระเป๋าเงินมากกว่าความเดือนร้อนของประชาชนจะไม่เกิดนะครับ มันเป็นเหมือนกันหมด เพราะนักการเมืองที่ดี ยังมีน้อยกว่านักการเมืองที่เลว
หากภาคการตรวจสอบของประชนชน ไม่แข็งแรงอย่างเพียงพอ นักการเมืองก็จะแสวงประโยชน์เข้าตัว แล้วหยิบยื่นเศษๆให้กับประชาชน
ลองดูซิครับ ไม่ว่าพรรคใหน ไม่มีข้อยกเว้น พอได้เป็น สส.สมัยเดียว รวยผิดหูผิดตา
เฮ๊อ ........ขอสงสารประเทศไทยอีกครั้ง
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|