• เขมรส่ง2กองพันชิดชายแดน! 300คนงานช.การช่างหนีตาย |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 19 ก.ค. 51 เวลา 00:42:28 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
กัมพูชาร้อนระอุ คนงาน ช.การช่าง 300 คนหนีตายกลับประเทศผ่านด่านช่องสะงำ ขณะที่เขมรเสริมเขี้ยวเล็บตะเข็บชายแดนร่วม 2,000 นายห่างไทย 2 กิโลเมตร การค้าชะงัก ทัวร์นำเที่ยว-ธุรกิจรถเช่าทรุดลูกค้าแจ้งยกเลิกสูญนับล้าน
สถานการณ์ความร้อนแรงด้านเขาพระวิหาร ทำให้ช่วง 02.00-04.00 น.วันที่ 18 ก.ค.51 ทางกัมพูชาได้ส่งกำลังทหารตรึงแนวชายแดนกัมพูชา - ไทย ที่เชิงพนม อ.อัลลองเวง จ. อุดรมีชัย ห่างชายแดนไทยประมาณ 2 กิโลเมตร โดยใช้ทั้งรถบรรทุก รถยีเอ็มซี ขนทหารวางตามยุทธศาสตร์สำคัญ ๆ ทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศ ต่างรีบเดินทางกลับบ้านเกิด ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 08.00 น. มีคนงานไทยบริษัท ช.การช่าง จำนวนประมาณ 250 -300 คน ที่ไปก่อสร้างเส้นทางหมายเลข 67 อัลลองเวง-เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา แห่กันขนสัมภาระ ระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร ได้นำสิ่งของติดตัวกลับเข้าประเทศไทย โดยทิ้งอุปกรณ์เครื่องจักรกลหนัก - เบา ที่นำลงไปก่อสร้างมูลค่านับ 100 ล้านบาทไว้ เพื่อรอสถานการณคลี่คลายจึงจะกลับไปใหม่
ร.ต.อ.หญิงสุภาพ ศรีสุข หัวหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า คนงานทั้งหมด ได้นั่งรถยนต์กระบะคันละ 5-6 คน ทยอยกันเดินทางกลับ โดยแจ้งว่ากลัวความรุนแรงด้านเขาพระวิหาร และการเมืองในประเทศกัมพูชาเอง เพราะอาจไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกคนไทยอย่างเต็มที่ คาดว่าขณะนี้คนงานได้เดินทางกลับมาทั้งหมดแล้ว
นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม รองประธานหอการค้าฝ่ายต่างประเทศ นักธุรกิจที่มีการค้าในประเทศกัมพูชาหลายอย่าง กล่าวว่า ขณะนี้ทางกัมพูชา ได้เคลื่อนกำลังพลประชิดชายแดนไทยจริง โดยมีการเคลื่อนกำลังจากกองพลใหญ่ที่ 2 เสียมเรียบ นำโดย พล.ท.อุย สะเพียบ เคลื่อนกำลังโดยรถยีเอ็มซี. รถบรรทุกใช้เวลาช่วงดึก นำกำลังวางประมาณ 2,000 นาย ตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ๆ ตั้งแต่เสียมเรียบ -อ.อัลลองเวง เขาพระวิหาร และช่องสะงำ ห่างชายแดนไทยประมาณ 2 กิโลเมตร อ้างเพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชน พ่อค้า และนักท่องเที่ยว
ขณะนี้คนงานชาวไทย ที่ลงไปสร้างเส้นทางอัลลองเวง - เสียมราฐ จำนวน 200 -300 คน ได้เก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัว ข้ามแดนกลับประเทศกันหมด เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน แม้ชาวเขมรเองที่มาทำงานฝั่งไทย ก็เดินทางกลับประเทศเช่นกัน ส่งผลให้การค้าช่วง 2 -3 วันซบเซาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้การค้าด้านด่านช่องสะงำคึกคักมากประชาชนเขมรเองแห่มาซื้อสินค้าไทยอย่างมาก โดยเฉพาะวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ที่มีตลาดนัด แต่เวลานี้กลับเงียบเหงา
นายหัตถชัย กล่าวว่า สำหรับคนที่ไปท่องเที่ยว ไม่ควรพูดถึงเรื่องข้อพิพาทระหว่าง 2 ชาติ ควรเที่ยวอย่างมีมิตรภาพต่อกัน มิเช่นนั้น จะเกิดการต่อว่าซึ่งกันและกัน จะเป็นการจุดเชื้อเพิ่ม แนวโน้มความรุนแรงส่วนตัวเชื่อว่าไม่เกิดแน่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายเข้าใจตรงกันว่าเป็นเกมการเมืองเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณตลาดการค้าฝั่งไทยเงียบเหงา ไม่มีผู้คนจาก 2 ประเทศพลุกพล่านซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าแต่อย่างใด ส่วนที่ตัว อ.อัลลองเวง ประชาชนชาวเขมรประกอบการค้าขายเป็นไปอย่างปกติ รถยนต์ จักรยานยนต์รับจ้าง สอบถามผู้คนบอกเรื่องเขาพระวิหารเป็นเรื่องของรัฐบาล ส่วนประชาชนทำมาค้าขายตามปกติไม่กังวลอะไร ทหารเคลื่อนย้ายก็เป็นปกติทั่วไปชินเสียแล้ว
สำหรับการก่อสร้างเส้นทางสายช่องสะงำ - อัลลองเวง -เสียมเรียบ ระยะทาง 167 ก.ม.(อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย 16 ก.ม.ในกัมพูชา 151 ก.ม.) คณะรัฐมนตรีของไทย ได้มีมติวันที่ 10 มิ.ย.2547 ได้อนุมัติงบประมาณแบบให้เปล่ากับกัมพูชา จำนวนเงินรวม 229 ล้านบาท โดยทั้งโครงการจะแล้วเสร็จต้นปี 2552 โดย บริษัท ช.การช่าง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง โดยเส้นทางนี้เป็นโครงการเชื่อมการท่องเที่ยวระหว่างไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ และเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการเข้าถึงปราสาทนครวัด- นครทมที่สั้นที่สุด และเชื่อมเส้นทางเลียบชายแดนกัมพูชาที่ตัดตรงเข้าด้านหลังเข้าพระวิหาร
ทัวร์นำเที่ยว-ธุรกิจรถเช่าทรุดลูกค้าแจ้งยกเลิก
นายนิคม มักสิก ผู้ให้บริการรถตู้ รถทัวร์ให้เช่าทีมงานโชควรรณา จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า หลังจากที่สถานการณ์ความขัดแย้ง เริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ขณะนี้บริษัททัวร์ และธุรกิจรถตู้ และรถทัวร์ให้เช่าเริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว เนื่องจากลูกค้าที่จอง เพื่อนำลูกค้าไปเที่ยวที่นครวัด นครธม โดยใช้เส้นทางช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ-อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย -เสียมเรียบ -ปราสาทหินนครวัด นครธม ได้แจ้งยกเลิกการเช่ารถเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ปัจจุบัน
"บริษัททัวร์ที่จองเช่ารถตู้ และทัวร์ไว้ล่วงหน้าทั้งจาก จ.นครสวรรค์ ระยอง ชลบุรี เชียงใหม่ ประมาณ 4-5 กรุ๊ปทัวร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทัวร์ของหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดทัศนะศึกษา ขณะนี้ได้แจ้งยกเลิกทั้งหมด โดยเขาจะคำนึงในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะหากกรณีที่ทางกัมพูชาปิดด่านขณะที่มีกรุ๊ปทัวร์เข้าไปท่องเที่ยวก็อาจจะส่งผลกระทบ ดังนั้น ในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้เขาจึงไม่เสี่ยงที่จะนำลูกทัวร์เข้าไปเที่ยวนครวัด นครธม"
นายนิคม กล่าวต่อว่า ผลจากการยกเลิกกรุ๊ปทัวร์ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยทัวร์ที่ยกเลิกทำให้สูญเสียรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ทำให้ผู้ประกอบการรถเช่าขณะนี้ต้องเบนเข็มวิ่งในเมืองไทย หรือเบนเข็มวิ่งในเส้นทางแขวงจำปาสัก สปป.ลาว หรือเวียดนามแทน ส่วนในกรณีเขาพระวิหาร หากกัมพูชายังคงปิดประตูห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษในระยะยาวแน่นอน
ด้านนางรุจิรา เพียรตั้งกิจเจริญ ผู้จัดการ บริษัท อัปสราทัวร์ จำกัด จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า กรณีข้อขัดแย้งเขาพระวิหารนั้นในส่วนของบริษัทตนไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่กรุ๊ปทัวร์ไม่ได้มุ่งเน้นมาชมปราสาทพระวิหาร แต่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมในกรณีเส้นทางท่องเที่ยวนครวัด นครธม ซึ่งเป็นเขตรอยต่อไทย-กัมพูชา ด้าน อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ มากกว่า โดยขณะนี้กรุ๊ปทัวร์ที่จองรถทัวร์และรถตู้ได้แจ้งยกเลิกส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่จองการเดินทางในช่วงปลายเดือน ก.ค.และเดือน ส.ค.ก็ยังลังเลว่าจะยกเลิกหรือไม่ ซึ่งผลจากการแจ้งยกเลิกในครั้งนี้คาดว่าบริษัทจะสูญรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพราะส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ที่เดินทางไปท่องเที่ยวนครวัด นครธมแบบ 3 วัน 2 คืน
"อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน ทำให้กรุ๊ปทัวร์ที่จองเข้ามามีน้อย ประกอบกับความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชายังคุกรุ่นอาจทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหาร คงต้องรอดูช่วงไฮซีซั่นในราวเดือน ต.ค.ว่าจะมีกรุ๊ปทัวร์ที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวยังกัมพูชาหรือไม่ หากไม่มีกรุ๊ปทัวร์ หรือมีแต่ลดน้อยลงจึงจะชี้ชัดว่ามีผลมาจากความขัดแย้งของไทย-กัมพูชา" นางรุจิรา กล่าว
ด้านนายศรีวรรณ เกียรติสุรนนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ในด้านการค้าตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจุดผ่านแดนถาวรด่านช่องสะงำยังคงเป็นปกติอยู่ แม้จะมีกระแสข่าวว่าทางทหารกัมพูชาตรึงกำลังในพื้นที่ก็ตาม แต่เนื่องจากชาวกัมพูชาจึงพึ่งการนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นหลัก ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค ทำให้ยังคงมีพ่อค้าประชาชนชาวกัมพูชาข้ามมาซื้อสินค้าที่ฝั่งไทย แต่จำนวนประชาชนอาจจะลดลงบ้าง เนื่องจากบางส่วนเกิดความไม่เชื่อมั่น
"ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวนั้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งอยู่บ้าง ทำให้มีการแจ้งยกเลิกบริษัททัวร์และรถเช่า ซึ่งขณะนี้ทางภาคเอกชนทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาการท่องเที่ยวและชมรมธนาคารก็ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาจจะส่งผลกระทบกับการค้า การท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง" นายศรีวรรณ กล่าว
ที่มาจากคมชัดลึก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1585 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 19 ก.ค. 51
เวลา 00:42:28
|