• เขมรขนปืนกล-เครื่องยิงจรวดมุ่งจ่อปะทะไทย! บัวแก้วลั่นร้องอาเซียน เขมร ละเมิด |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 19 ก.ค. 51 เวลา 11:06:23 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สมัคร ถกผู้นำ 4 เหล่าทัพ ส่ง ผบ.สส.ตัวแทนคุยปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับ เตีย บันห์ 21 ก.ค.ชี้จะถอนกำลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการเจรจา ส.ว.หนุนบอกอย่าสนใจคำขาด ฮุน เซน ขณะที่กัมพูชาส่งนักรบกองกำลังเขมรแดงตรึงชายแดน กล่าวหาทหารไทยก้าวร้าว ยั่วยุ
บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มตึงเครียดขึ้นหลังบรรดาแกนนำ นปก. จัดม็อบประจันหน้า กดดันให้เปิดการจราจร |
รอยเตอร์รายงานในช่วงค่ำวันที่ 18 ก.ค.ว่า แม้ทางการไทยและกัมพูชาจะเห็นพ้องกันว่า การเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นจะไม่ลุกลามบานปลายออกไป โดย พล.อ.บุญสร้างระบุว่า การประชุมในวันที่ 21 กรกฎาคม จะช่วยหาวิธีแก้ไขฉันมิตรต่อปัญหาการเผชิญหน้ากันของทหารสองประเทศในขณะนี้ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนว่าอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรง ขึ้นได้ แต่ พล.อ.บุญสร้างเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่น่าจะลุกลามบานปลายและกลายเป็นความรุนแรง
อย่างไร ก็ดี มีรายงานว่ากัมพูชาได้ส่งกองกำลังมุ่งตรงไปที่ปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมแล้ว โดยขบวนรถบรรทุกหนักติดตั้งปืนกล 4 คัน และรถบรรทุกขนาดเล็กซึ่งมีกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือทั้งปืนกลอัตโนมัติและ เครื่องยิงจรวดขนาดเล็ก ได้มุ่งหน้าออกจากกรุงพนมเปญไปยังชายแดน จ.พระวิหาร นายพลยิม สาญ กล่าวว่า กำลังนำทหารทั้งหมดไปเสริมกำลังกับทหารที่ประจำการอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร
ส่วน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปฏิเสธข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่ว่าทหารไทยและทหารกัมพูชาเกือบจะปะทะกันเมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ขณะที่ พ.อ.เชน มน ผู้บังคับการทหารที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชารับว่า มีการเผชิญหน้ากันแต่พวกเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะแก้ไข ปัญหา
โฆษกบัวแก้วลั่นร้องอาเซียน เขมร ละเมิด
นาย ธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 51 ว่า หลังกระทรวงการต่างประเทศมอบหนังสือให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย แล้ว ได้เชิญเอกอัครราชทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทยอีก 8 ประเทศมาพบ เพื่อแจ้งท่าทีไทยและมอบสำเนาหนังสือลงวันที่ 17 กรกฎาคม จากนายกรัฐมนตรีกัมพูชาถึงนายกรัฐมนตรีไทย และหนังสือลงวันที่ 18 กรกฎาคม จากนายกรัฐมนตรีไทยถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมด้วยเอกสารแนบคือสำเนาหนังสือประท้วง 4 ฉบับ ตลอดจนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ที่ทั้งสองฝ่ายลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2543 นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เวียนเอกสารดังกล่าวให้แก่สถานเอกอัครราชทูตของ ประเทศอื่นๆ ในประเทศไทยด้วย
สมัคร เรียกผู้นำ4เหล่าถกด่วน
ขณะ ที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมด่วนผู้นำ 4 เหล่าทัพ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.00 น. โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ท.นิพัทธ์ ทองเล็ก เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร รวมถึงผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา รวมทั้งแผนการเตรียมการเจรจา ต่อที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี (General Border Commitee) ร่วมกับ พล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่โรงแรมอินโดจีน จ.สระแก้ว ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้ หลังการประชุมที่ใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมงครึ่งเสร็จสิ้นลง นายสมัครเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 18.00 น. นายสมัคร ในชุดซาฟารีสีฟ้า เดินออกมาที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อขึ้นรถเดินทางกลับบ้านพัก โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน
ใช้วิธีเจรจา-หลีกเลี่ยงเผชิญหน้า
พล. ท.สุรพลให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ท่าทีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ และการเจรจาความเมือง บางทีต้องมีท่าทีที่ต้องไปคุยกันในที่ประชุม ดีกว่าจะบอกไปหมด ว่าจะไปเจรจาเรื่องใดบ้าง ทางกัมพูชาก็เตรียมมา ฝ่ายไทยก็เตรียมไป ซึ่งวันนี้ได้กรอบในการไปเจรจาแล้ว โดย พล.อ.บุญสร้างจะรู้เรื่องนี้ดี เพราะเป็นตัวจริง อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงกรณีการแถลงข่าวหยุดยิงของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้แต่อย่างใด เพราะถือเป็นประเด็นปกติ วันนี้คุยเรื่องปราสาทพระวิหารเรื่องเดียว เพราะเป็นประเด็นเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯแสดงความกังวลภาวะตึงเครียดของกำลังทหารทั้งสองฝ่ายที่ตรึงตามแนวชาย แดนหรือไม่ เลขาฯสมช.กล่าวว่า ''แน่นอน ท่านรับผิดชอบบ้านเมือง ท่านต้องเป็นห่วงแน่นอน ซึ่งแนวโน้มคือการเจรจา ไม่มีทิศทางการที่จะเผชิญหน้า ส่วนเรื่องการถอนกำลังหรือไม่นั้น รายละเอียดต้องรอผลการเจรจาระหว่างกัน ซึ่งอาจมีทางออกที่ดีร่วมกัน''
ให้ ผบ.สส. เจรจาพื้นที่ทับซ้อน
พล. ท.นิพัทธ์กล่าวว่า นายกฯดำริว่า การพูดคุยกับกัมพูชาควรใช้กลไกระหว่างประเทศที่เรียกว่า จีบีซี ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศเป็นประธานการประชุม โดยการประชุมในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายสมัครได้มอบหมาย พล.อ.บุญสร้าง ในฐานะรองประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา เป็นผู้แทนฝ่ายไทยไปร่วมการประชุม โดยจะเดินทางไปพร้อมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ การประชุมในวันนี้เป็นการทำความเข้าใจของฝ่ายไทยและการกำหนดท่าทีในการที่จะ พูดจากับทางกัมพูชา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
''ทางไทย จะใช้เวทีนี้ในการแจ้งกับทางกัมพูชา ในฐานะที่ผมเป็นเลขาคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ได้แจ้งไปยัง พล.อ.เตีย บันห์ แล้วว่าจะพูดกันในกรอบของประเด็นปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะใน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งปัญหาพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดจากันในการ หารือวันที่ 21 กรกฎาคมด้วย'' พล.ท.นิพัทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถาม ว่า นายกฯเป็นห่วงอะไร และได้มอบหมายให้ พล.อ.บุญสร้างไปพูดอะไรหรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างเรียบร้อย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ หลักการที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อถามว่า มีการหยิบยกปัญหาคนไทยกับคนกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์กล่าวว่า คิดว่าเมื่อผู้นำทั้ง 2 ประเทศได้เจอกันเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดจากันทุกเรื่อง ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับกัมพูชาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะ ผบ.ทบ.ได้ร่วมชี้แจงสถานการณ์อย่างชัดเจน ซึ่งระบุว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมาทั้งหมดทำได้ด้วยความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศอย่างไร ทุกอย่างเป็นที่เข้าใจกันดี
ไม่พูดเรื่องคำขาดถอนทหาร
เมื่อ ถามว่า นายสมัครได้ชี้แจงเกี่ยวกับสารที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาส่งมา เพื่อขอให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ชายแดนหรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์กล่าวว่า ได้มีการพูดจากับนายทหารชั้นผู้ใหญ่แล้วที่จะเดินทางไปประชุมในครั้งนี้ โดยจะนำไปพูดจากับกัมพูชา เมื่อถามย้ำว่า จะถอนทหารในพื้นที่หรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดจะนำไปพูดจาในเวทีที่ประชุมคณะกรรมการจีบีซี ซึ่งหลังจากการประชุมจะมีการแถลงข่าวร่วมที่ อ.อรัญประเทศอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นายกฯได้มอบหมายว่า ในการพูดจากันทุกอย่างต้องดำรงอยู่บนความสัมพันธ์ที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ เป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ และจะต้องทำให้ได้
เมื่อถามว่า การที่นายกฯไม่ไปร่วมประชุม มอบให้ ผบ.สส.เป็นตัวแทนไปร่วมประชุมจะเป็นการไม่ให้เกียรติ พล.อ.เตีย บันห์ หรือไม่ พล.ท.นิพัทธ์กล่าวว่า พล.อ.เตีย บันห์ มีความยินดีมาก และเข้าใจดีว่า ผบ.สส.คือบุคคลที่เข้าใจในเรื่องราวต่างๆ และรู้จักกันมานาน ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจกัน เพราะการประชุมในลักษณะอาจมีการมอบหมายให้ระดับรองลงไปทำงานแทนได้
(แทรกหลังท่อน สัมภาษณ์พล.อ.นิพัทธ์)
สมัคร ฝากแม่ทัพช่วยดู
รายงาน ข่าวจากที่ประชุมแจ้งว่า ที่ประชุมแสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างเสริมกำลังเข้าไป ในพื้นที่จนเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น จึงให้มีการเร่งเจรจากับทางกัมพูชาโดยเร็ว และยืนยันไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้า หรือการปะทะกันเกิดขึ้น เพราะจะกระทบกระเทือนต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างมาก ทั้งนี้ ตัวแทนกองทัพบกรายงานว่า เหตุที่ต้องตรึงกำลังทหาร ก็เพื่อรักษาความมั่นคง ไม่ได้มีเจตนาต้องการการเผชิญหน้าแต่อย่างใด
นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองบัญชาการทหารสูงสุดรายงานต่อที่ประชุมถึงกรอบที่จะนำไปเจรจาในที่ประชุม จีบีซี โดยจะยึดหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน โดยมอบหมายให้ พล.อ.บุญสร้าง เป็นหัวหน้าผู้แทนเจรจาในครั้งนี้
รายงาน ข่าวแจ้งว่า ตัวแทนกองทัพอากาศ ได้เสนอให้การสนับสนุนเครื่องบินพาหนะการเดินทางไปร่วมประชุมจีบีซี พร้อมกันนี้จะเพิ่มเที่ยวบินพิเศษให้กับคณะสื่อมวลชนที่จะติดตามไปทำข่าวการ ประชุมร่วมครั้งนี้ด้วย สำหรับผลการประชุม ที่ประชุมเห็นชอบให้ พล.ท.นิพัทธ์ เป็นผู้ลงมาแถลงกับสื่อมวลชนเพื่อให้ข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
''วันนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ก็ขอฝากท่านแม่ทัพนายกองช่วยกันดูแล ผมเองก็ได้คุยกับท่านฮุน เซนแล้ว ก็ขอให้ทุกท่านช่วยกันเจรจา เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดไปจะเสียหายมาก ขอให้ดำเนินการเรื่องนี้โดยยึดหลัก ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องคุ้มครองประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนด้วย'' แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายสมัครที่กำชับต่อที่ประชุม
ชวน โทษ รบ. เหตุ2ฝ่ายเผชิญหน้า
นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์เผชิญหน้ากันจากกรณีปราสาทพระวิหาร อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ อย่าให้เกิดการเผชิญหน้ากันเพราะไม่ได้มีปัญหาต่อกัน แต่เป็นเพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากรัฐบาลไทยไปสนับสนุนให้กัมพูชา ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงทำให้เกิดผลเหล่านี้ตามมา ดังนั้น อย่าลืมว่าเหตุเกิดเพราะรัฐบาล ทุกอย่างเป็นผลพวงจากการกระทำของรัฐบาลทั้งสิ้น แต่จุดดีอย่างหนึ่งคือทำให้คนหันมาสนใจพื้นที่ทับซ้อนมากขึ้น
''ผม อยากให้กลับไปดูข้อตกลงในบันทึกช่วยจำปี 2543 ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ได้ลงนามร่วมกับกัมพูชา โดยข้อ 5 มีเนื้อหาว่า ทั้งสองประเทศจะไม่ดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าว ผมคิดว่าตรงนี้ต้องติดตามว่า ถ้าตรงนี้เป็นพื้นที่ทับซ้อนต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีสิทธิ และการที่กัมพูชามาล้อมรั้ว เป็นสิ่งที่ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนว่า กัมพูชามีสิทธิหรือไม่ เพราะถ้าเป็นพื้นที่ทับซ้อนสิทธิต้องเท่าเทียมกันตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันใน ปี 2543 และคิดว่าในการเจรจาของคณะกรรมการปักปันเขตแดนที่จะคุยกันในวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม ก็คงจะหยิบยกเรื่องนี้มาหารือด้วยเช่นกัน'' นายชวนกล่าว
ปรามปากนายกฯอย่าตำหนิ บ้า
นาย ชวนยังกล่าวกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวหาคนไทย 3 คนที่ข้ามฝั่งไปยังกัมพูชาเป็นคนบ้าว่า อย่าไปตำหนิว่าเป็นคนบ้า เพราะพวกเขาก็ต้องคิดว่าถูกต้องและรู้ว่ามีความเสี่ยง แต่รู้สึกหวงแหนดินแดนไทย รัฐบาลต้องทำความเข้าใจว่าอะไรจะเป็นชนวนให้เกิดเหตุร้าย เพราะเกิดเหตุปะทะกันเองแล้ว อย่าไปปฏิเสธทุกเรื่อง ต้องดูว่าความจริงเป็นอย่างไร
''ถ้านายกฯยังด่าคนอื่นแบบนี้ใคร เดินไปไหนก็ด่าว่าเป็นไอ้บ้า ก็ยิ่งทำให้เกิดความตึงเครียด ผมอยากให้นายกฯดูเหตุผลดีๆ เพราะคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงทำในสิ่งที่ผิด เขาก็ต้องเชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และรัฐบาลต้องเข้าไปทำความเข้าใจถ้าคิดว่าเป็นปัญหา คนไทยด้วยกันพูดกันดีๆ ดีกว่า'' นายชวนกล่าว
ส.ว.ยุตรึงกำลังต่ออย่าสนฮุนเซน
นาย สมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า วันที่ 22 กรกฎาคม กลุ่ม ส.ว.อาทิ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายสาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต นางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา จะเดินทางไปยังเขาพระวิหาร เพื่อไปหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องการทำเขตกันชน เพราะมีข้อมูลและแผนที่ที่ไม่ตรงกัน เมื่อได้ข้อมูลแล้วจะนำกลับมาสรุปและทำจดหมายเปิดผนึกถึงหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องต่อไป
นายสมชายกล่าวว่า เห็นด้วยกับการที่กองทัพตรึงกำลังทหารตามแนวชายแดนรอบปราสาทพระวิหาร และไม่ควรถอนทหารออกจนกว่าจะมีการเจรจากัน ให้ทั้ง 2 ฝ่ายออกจากพื้นที่ แม้ว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาจะเรียกร้องให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ก็ตาม เหมือนกับกรณีปัญหาชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่มีพื้นที่ทับซ้อน ทั้งฝ่ายไทยและมาเลเซียก็ใช้วิธีการเจรจา ใครจะใช้พื้นที่ดังกล่าวก็ต้องตกลงกัน เมื่อใช้แล้วก็ต้องออกไปเหมือนเดิม ให้เป็นพื้นว่างเปล่า (โนแมนสแลนด์) ดังนั้น ถ้าหากจะถอยก็ต้องถอยกันทั้ง 2 ฝ่าย ไทยไม่ควรไปยอมกับข้อเรียกร้องของกัมพูชา เพราะเคยมีบทเรียนกรณี ''ปัญหาร่มเกล้า'' ระหว่างไทยและลาวมาแล้ว
พันธมิตรโบ้ยผวจ.-ตร.รับผิด ปะทะ
นาย พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงเหตุกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มพันธมิตรและชาวบ้านที่เป็นกลุ่มต่อ ต้าน จ.ศรีสะเกษ บริเวณถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ว่า เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากนักการเมืองท้องถิ่นจัดตั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อสร้าง ความรุนแรง เพราะกลุ่มของนายวีระ สมความคิด ที่เป็นเครือข่ายพันธมิตร คงไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงหรือการปะทะกัน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจ ที่ต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่อย่าง ไร ขอตำหนิการทำงานของตำรวจและผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
''มองว่าเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นทั้งหมดเกิดจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ที่ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา จึงอยากให้รัฐบาลมีท่าทีต่อการแก้ไขเรื่องนี้อย่างชัดเจน รัฐบาลอย่าปัดสวะในเรื่องนี้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ เพราะตัวเองเป็นคนสร้างปัญหา'' นายพิภพกล่าว
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากพรรคชาติไทย กล่าวว่า อยากขอร้องประชาชนอย่าใช้อารมณ์เพื่อมุ่งตัดสินด้วยตัวเอง เพราะปัญหาทุกอย่างมีทางออกและต้องรักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประเทศที่มี ต่อกันมายาวนาน
เขมรยังตรึงกำลังรอบพระวิหาร
พล. ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดน และตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านเขาพระวิหาร ที่บริเวณฐานปฏิบัติการผามออีแดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่าพื้นที่ด้านนี้กองทัพภาคที่ 2 ได้ติดตามสถานการณ์มาตลอด เพราะเห็นว่ายังมีปัญหา ยังไม่ชัดเจนเรื่องเขตแดน เพราะทั้ง 2 ฝ่ายยึดถือแผนที่คนละฉบับ ดังนั้น การเจรจาหรือหาข้อยุติจะมีหลายระดับ เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาโดยตลอด ส่วนที่ยังไม่ชัดเจนก็จะไม่มีปัญหาถึงขั้นลุกลามไปใช้ความรุนแรง
แหล่ง ข่าวจากทหารเปิดเผยว่า นอกจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 จำนวน 200 นาย วางกำลังอยู่โดยรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหารแล้ว ยังมีทหารพรานจากกรมทหารพรานที่ 26 จ.บุรีรัมย์ 1 กองร้อย เข้าเสริมกำลังด้วย ส่วนฝ่ายกัมพูชาเพิ่มกำลังอีกประมาณ 40 นาย บริเวณช่องโกมุย หรือช่องคันม้า และที่ตลาดชุมชนทางขึ้นปราสาทพระวิหารจะมีชาวกัมพูชาประมาณ 50 คน เดินเตร็ดเตร่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ประกาศปิดชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม และนำลวดหนามมาปิดกั้นถนนขึ้นสู่ผามออีแดง ทำให้บรรยากาศบริเวณผามออีแดงเงียบเหงา มีเพียงรถของฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประจำการอยู่
ไทย-เขมร ยังคงตรึงกำลัง
สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เกิดการเผชิญหน้าระหว่างทหารไทยกว่า 400 นาย และทหารกัมพูชากว่า 800 นาย ที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน โดยรอบประสาทพระวิหาร บริเวณเขตรอยต่อสองประเทศในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นวันที่ 4 เป็นเวลาราว 10 นาที เมื่อคืนวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ทหารสองฝ่ายหันปากกระบอกปืนเข้าใส่กันสองครั้ง เมื่อทหารกัมพูชากว่า 50 นาย เข้ามาในบริเวณวัดตวลปราสาทเพื่อนำเสบียงสำหรับพระสงฆ์กัมพูชานับสิบรูปมา ส่ง
พลจัตวา เจีย เขียว ผู้บังคับการกองทหารในบริเวณปราสาทพระวิหาร ยอมรับว่า มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่เป็นเพราะสองฝ่ายอยู่ในภาวะเตรียมพร้อม ฝ่ายกัมพูชาใช้ความอดกลั้นที่จะไม่ลั่นไกปืนออกไป อย่างไรก็ดี หลังจากที่ผู้บัญชาการทหารกัมพูชาและไทยได้หารือกันราว 1 ชั่วโมง ปัญหาก็แก้ไขไปได้ ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในสภาวะปกติ โดยทหารกัมพูชาตกลงที่จะอยู่บริเวณภายนอกวัดในช่วงกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยง การเผชิญหน้ากัน ทั้งนี้ มีรายงานว่าสถานการณ์ในช่วงเช้าวันที่ 18 กรกฎาคมคลี่คลายลง โดยทหารกัมพูชากลับเข้าไปในบริเวณวัดและมีการพูดคุยหยอกล้อกับทหารไทย
กัมพูชาส่งนักรบเขมรแดงเสริม
เอ พีระบุว่า รัฐบาลไทยส่งกำลังทหารเข้าไปตรึงกำลังในพื้นที่ดังกล่าว หลังจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลได้หยิบยกประเด็นพื้นที่ทับซ้อนใกล้ปราสาทพระ วิหารขึ้นมาโจมตีรัฐบาล และประณามรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งดูเหมือนว่ากลุ่มผู้ประท้วงกำลังเล่นกับกระแสชาตินิยม เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนในการบรรลุเป้าหมายใหญ่คือการล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เอเอฟพีรายงานว่า ชาวกัมพูชาซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่อพยพออกจากพื้นที่แล้ว เนื่องจากกลัวว่าอาจเกิดการปะทะขึ้นได้ แต่ก็มีชาวกัมพูชาบางส่วนที่ไม่ยอมย้ายออกไปไหน เช่น นายสง พิสิธ ที่บอกว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวที่จะทำสงครามกับไทย แม้ว่าความตายจะรออยู่ตรงหน้า ก็จะไม่ทิ้งแผ่นดินเป็นอันขาด ขณะที่นางเส่ง คิม เยีย ที่หลบไปอยู่ในที่พักพิงระบุว่า ไม่ได้หวาดกลัวทหารไทยแต่ยอมย้ายออกมาเพื่อให้ทหารกัมพูชาได้ทำงาน พวกไทยต้องการ ''ดินแดนของเราโดยไม่รู้จักละอาย และว่าไทยควรเริ่มให้การศึกษาแก่คนของเขาว่าต้องไม่อยากได้แผ่นดินของคน อื่น''
หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานว่า ''กัมพูชาได้ส่งทหารจากกองพลน้อยที่ 43 และกองพันตำรวจตระเวนชายแดนที่ 759 เข้ามาเสริมกำลังในพื้นที่ดังกล่าว โดยทหารบางส่วนเป็นนักรบในกองกำลังเขมรแดง พ.อ.เคม อุน รองผู้บังคับการกองพลน้อยที่ 43 ระบุว่า ได้ส่งกำลังเข้าไปที่ปราสาทพระวิหารเพิ่มขึ้นเพื่อหยุดทหารไทยไม่ให้เคลื่อน เข้ามาในพื้นที่ ขณะนี้ทหารไทยเข้ามาอยู่ในดินแดนกัมพูชา อยู่ในวัดของเรา และละเมิดอธิปไตยของเรา แต่เราได้รับคำสั่งให้อดทนและหลีกเลี่ยงการสู้รบเว้นแต่ทางไทยจะเป็นฝ่าย เริ่มก่อน''
หาทหารไทยก้าวร้าว-ยั่วยุ
พ.อ. ฮิม จัน รองผู้บังคับการกองพันตำรวจตระเวนชายแดนที่ 795 กล่าวว่า ทหารไทยเข้ามาอยู่ในวัดที่อยู่บนเนินลาด ซึ่งห่างจากปราสาทพระวิหารราว 200 เมตร และนอนค้างคืนที่นั่นใกล้กับทหารกัมพูชาเพื่อแสดงความก้าวร้าวและยั่วยุให้ เกิดปัญหา ด้านนายสรุน เมา นายทหารรายหนึ่งในกองพันดังกล่าว ซึ่งเป็นอดีตนักรบของเขมรแดงแตะปืนไรเฟิลเอเค-47 ข้างกาย และบอกว่า ไม่ได้ใช้มันมากว่า 10 ปีแล้ว ทำให้สนิมจับเล็กน้อย แต่ตนพร้อมและกระหายที่จะใช้มัน
เอเอฟพีอ้างการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.ชายชาญ สูงเนิน ทหารไทยยืนยันว่า เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อคอยกันผู้ประท้วงชาวไทย หลังจากที่มีกลุ่มผู้ประท้วงกว่า 4,000 คน พยายามเดินขบวนเข้ามาในเขตพื้นที่ทับซ้อน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า ทหารไทยทุกคนรักสันติภาพ และมาอยู่ในพื้นที่นี้โดยไม่ได้หวังสิ่งใด เว้นแต่ต้องการปกป้องหากผู้ประท้วงไทยขึ้นมายังพื้นที่นี้ เพื่อช่วยทหารและคนกัมพูชา และเชื่อว่าทหารไทยคงไม่อยู่นานนัก
|
|
|
|
สนับสนุนเนื้อหาโดย
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1440 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 19 ก.ค. 51
เวลา 11:06:23
|