อัยการเสนอคำฟ้อง 124หน้าพร้อมหลักฐาน 180ลังขนรถ6ล้อ ยื่นศาลฎีกาฯยึดทรัพย์ทักษิณ 7.6หมื่นล้านพรุ่งนี้
นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดี คตส. กล่าวถึงการเตรียมยื่นคำฟ้องยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้คณะทำงานเสนอคำฟ้องที่สมบูรณ์ ซึ่งมีรายละเอียด 124 หน้าให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด พิจารณาเพื่อลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ที่จะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินซึ่งเป็นเงินบัญชีเงินฝากของ พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวรวม 16 บัญชีในธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน รวม 7.6 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยที่ได้จากเงินฝากนั้นตกเป็นของแผ่นดินแล้ว โดยตนได้มอบหมายให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และคณะ เป็นผู้นำคำฟ้อง สำนวนพยานหลักฐานในชั้น คตส. ที่มีจำนวนมากไปยื่นต่อศาลฎีกาฯ ในวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.)
นายวัยวุฒิ กล่าวว่า ในการยื่นคำฟ้องนั้น อัยการไม่จำเป็นต้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามยักย้ายทรัพย์สินอีก เพราะที่ผ่านมา คตส.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์ไว้อยู่แล้วซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง อีกทั้งเมื่อคดีกำลังจะเข้าสู่ศาล หากศาลไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นทรัพย์สินก็ต้องถูกอายัดไว้จนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ห้ามบุคคลใดๆ ยักย้าย ทรัพย์สินที่เป็นเงินในบัญชีเงินฝากที่ถูกอายัดออกไป หากบุคคลใดๆ ฝ่าฝืนด้วยการนำเงินบัญชีเหล่านั้นออกไปโดยที่ศาลไม่ได้มีคำสั่งอนุญาต บุคคลนั้นมีความผิดต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
ด้านนายเศกสรรค์บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า ในวันนี้ตนและคณะ เตรียมความพร้อมด้วยการตรวจเอกสาร และหลักฐานที่จะยื่นต่อศาล ที่เอกสารมีมากถึง 180 ลังประกอบด้วย เอกสารหลักฐานการสอบสวนของ คตส.ที่จะมีคำให้การพยานบุคคลต่างๆรวมทั้งสำเนาเอกสารทั้งหมดที่ต้องจัดทำไว้ 9 ชุดให้องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ9 คนที่จะรับผิดชอบคดีและสำหรับที่ต้องจัดส่งให้จำเลย ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะต้องใช้รถบรรทุก 6 ล้อเพื่อขนย้ายเอกสารที่จัดเก็บไว้อย่างดีจากสำนักงานอัยการสูงสุดถ.รัชดาภิเษกไปยังศาลฎีกาฯ สนามหลวง โดยช่วงเช้า ตนจะเข้าไปรับคำฟ้องจากนายชัยเกษม อัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง ซึ่งคาดวาจะยื่นคำฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ได้ในเวลา 10.00 - 10.30 น.
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก