นายสมัคร สุนทรเวช ถึงเวลาต้อง ตัดสินใจครั้งสำคัญ เกี่ยวพันกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยตรง
การปะทะกันครั้งนี้ทำให้ฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งตกอยู่ในฐานะฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเพราะสูญเสียความชอบธรรมไปในสายตาของประชาชน เพราะถูกยันหลังชนฝาเนื่องจากศาลแพ่งมีคำสั่งให้เคลื่อนการชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล พลิกสถานการณ์ขึ้นมาได้เปรียบ
ภาพการปะทะกันของสองฝ่ายกลายเป็นเชื้อปะทุที่จุดระเบิดให้กลุ่มต่างๆ ในสังคมไม่ว่าประชาชน นักศึกษา นักวิชาการ พนักงาน รัฐวิสาหกิจ การบินไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การประปานครหลวง ฯลฯ เคลื่อนตัวออกมาปฏิเสธรัฐบาล
แม้ว่าในทางกฎหมายแล้ว รัฐบาลซึ่งมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีสถานะเป็นรัฐบาลตามกฎหมายอยู่ แต่ ณ เวลานี้รัฐไทยตกอยู่ในสภาวะ “รัฐที่ล้มเหลว” โดยสิ้นเชิงแล้ว เพราะไม่สามารถที่จะปกครองหรือบังคับใช้กฎหมายได้อีกต่อไป
ถ้านายสมัครไม่ตัดสินใจลาออก โอกาสที่จะปะทะกันจนเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินก็จะเกิดขึ้นได้สูงมาก เมื่อถึงเวลานั้นก็ยากที่ประชาธิปไตยจะเดินหน้าต่อไปได้ ต่อให้กองทัพยังอยู่ในแถวอย่างเคร่งครัดก็ตาม
แม้จะเป็นหนทางอันตีบตัน แต่ทุกฝ่ายกำลังพยายามยับยั้งชั่งใจมิใช้ความรุนแรง และพยายามหาหนทางออกโดยมิให้เสียเลือดเนื้อ นายสมัครทิ้งปริศนาไว้ในระหว่างแถลงข่าวช่วงเย็นว่า “ฝ่ายความมั่นคงได้เสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาแล้ว แต่ผมจะขอเก็บข้อเสนอดังกล่าวไว้ในมือก่อนจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ (วันที่ 30 ส.ค.)”
ไม่ว่าถึงที่สุดแล้วนายสมัครจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายตลอดวานนี้ มีกระแสความพยายามผ่าทางตันอยู่ 2 แนวทาง
กระแสข่าวแรก
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เสนอแนะให้นายสมัคร ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว
หลังนายกฯ ร่วมประชุมสภากลาโหมกับเหล่าผู้บัญชาการชั้นสูงจากเหล่าต่างๆ เมื่อวานนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น. เมื่อทุกคนทยอยเดินทางกลับ แต่หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ คล้อยหลังไปได้เพียง 15 นาที นายสมัครก็มีโทรศัพท์เรียก พล.อ.อนุพงษ์ กลับมา
“ถ้ารัฐบาลจะประกาศ พ.ร.บ.ฉุกเฉินในคืนนี้ คุณมีความเห็นว่าอย่างไร ทหารจะพร้อมหรือไม่” นายสมัคร ถาม
แหล่งข่าวระบุว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้ตอบว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ เพราะถ้าเปิดรั้วนำทหารออกมามีความเสี่ยงสูงว่าจะเกิดความรุนแรง และเรื่องนี้ก็เคยมีบทเรียนมาแล้วในประวัติศาสตร์ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ตั้งการ์ดว่า ถึงรัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ก็ขอให้ใช้กำลังตำรวจก่อน ต่อเมื่อไม่ไหวแล้วถึงจะเป็นกำลังทหาร
กระแสข่าวที่ 2
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พยายามจัดเวทีกลางให้สองฝ่ายมาตกลงกันเพื่อมิให้สถานการณ์บานปลายต่อไปอีก
พล.อ.บุญสร้าง ได้ปรารภกับเหล่านายทหารชั้นผู้ใหญ่เมื่อเช้าวานนี้ว่า ถ้าไม่คุยกันก็ไม่มีทาง ออก แต่ปัญหาอยู่ที่ใครจะเป็นคนกลางที่ทั้งสองฝ่ายจะเชื่อถือ
เพื่อมิให้ประชาชนเสียเลือดเนื้อและบ้านเมืองเสียหาย และประชาธิปไตยต้องหยุดชะงัก ได้มีการ “ขายความคิด” ไปยังทั้งสองฝ่ายช่วงค่ำว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าให้ทั้งสองฝ่ายเลือกคนกลางมาข้างละ 3 คน หรือกี่คนก็ว่ามา แล้วแต่ละฝ่ายก็ส่งตัวแทนมาหารือกัน ทางทหารอาสาจะเป็นธุระหาเวทีและช่วยดำเนินการประชุมให้ หากเห็นว่าทหารจะทำหน้าที่นั้นได้
“ถ้าเราจะเปลี่ยนผ่านด้วยกระบวนการประชาธิปไตยโดยไม่ใช้วิธีอื่น เราต้องพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล ถ้ายกแต่กฎหมายมาพูดและโทษกันว่า ใครผิด ตัวเองถูกอย่างเดียว บ้านเมืองจะเดินต่อไปไม่ได้” แหล่งข่าวระบุ
ถ้าผ่านพ้นความรุนแรงในคืนวานนี้มาด้วยดี นี่จะเป็นอีกหนึ่งในหนทางที่มีถึงนายสมัครให้เลือกพิจารณาว่า นั่งเจรจากัน จะลาออก ยุบสภา หรือจะเดินหน้าใช้อำนาจรัฐจัดการเหล่าผู้คัดค้านรัฐบาลต่อไป ด้วยการงัดอำนาจออกมาดำเนินการโดยใช้มาตรการตาม พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งแน่นอนว่าสุ่มเสี่ยงอย่างมากว่าอาจจะทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน
เพื่อมิให้หนทางตีบตัน เมื่อวานนี้ศาลอาญาได้มีคำสั่งยกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำ พธม. ตามที่ทนายความกลุ่ม พธม.ยื่นขอแล้ว ขณะเดียวกันศาลอุทธรณ์ก็ได้ทุเลาคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่งที่สั่งให้กลุ่ม พธม.ออกจากทำเนียบรัฐบาลในทันที ส่งผลให้กลุ่ม พธม.สามารถชุมนุมในทำเนียบฯ ต่อไปได้จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งใหม่ ส่วนศาลแพ่งก็สั่งยกเลิกการบังคับคดีเพื่อลดเงื่อนไขไม่ให้เจ้าหน้าที่ไปปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนช่วงเช้าวานนี้อีก
ขณะที่กลไกฝ่ายการเมืองโดยพรรคชาติไทยและพรรคประชาธิปัตย์ก็เรียกร้องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียกประชุมพิเศษเพื่อใช้กลไกที่มีอยู่ทั้งวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันหาทางออก
ความพยายามเหล่านี้จะได้ผลหรือไม่ก็ตาม พธม.ประกาศแล้วว่า ถ้านายสมัครลาออกจะยุติการชุมนุมแต่ถ้าแค่ยุบสภาก็ยังจะไม่รามือ ไฟที่จุดติดแล้วจะลามเลียสร้างความเสียหายแค่ไหน ขึ้นอยู่กับทางเลือกที่นายสมัครจะตัดสินใจสำหรับช่วงโค้งสุดท้ายในชีวิตการเมือง
อนาคตเหล่านี้...ล้วนแต่อยู่ในมือของนายสมัครจะต้องตัดสินใจ!!!
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก