ฮือ ฮา"ร้านส้ม ตำทักษิณ" ตั้งริมฟุตปาธกลางเมืองอุดร ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ยอดขายวันละหมื่น พลิกฟื้นจากขาดทุนมาสร้างกำไร เจ้าของร้านเผยขายมานาน 20 ปี กู้เงินนอกระบบ เสียดอกร้อยละ 20 ต่อเดือน มาทำทุน ช่วงแรกกิจการไม่ดี เป็นหนี้ 2 แสน
หลังจากรัฐบาลแม้วตั้งกองทุนหมู่บ้าน จึงไปกู้มาทำทุน พร้อมเปลี่ยนชื่อร้านเป็น "ร้านส้มตำดร.ทักษิณ" ยอดขายกระฉูด มีเงินใช้หนี้นอกระบบหมดเกลี้ยง แถมมีเก็บอีกกว่า 2 แสน ส่งลูก 2 คนเรียนจบปริญญา
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพ่อค้าส้มตำรายหนึ่งปลูกเพิงขายส้มตำตั้งชื่อร้านว่า "ส้มตำ ดร.ทักษิณ ชินวัตร" อยู่บนฟุตปาธ หน้าวัดโพธิวราราม ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ขายดีมาก
จากการตรวจสอบ พบว่าร้านดังกล่าวตกแต่งเป็นร้านขายข้าวเหนียว ส้มตำทุกชนิด ขึ้นป้ายร้านตัวโตว่า "ส้มตำ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ตำไทย ตำลาว ตำปู ตำป่า ตำแตง ตำถั่ว ตำมั่ว"
ในร้านพบสองสามีภรรยา เจ้าของร้าน ชื่อนายวิชัย แท้สูงเนิน อายุ 63 ปี และนางคูณ หรือน้อย ศิริโรจน์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68/1 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี กำลังขายตำไทย ตำลาว ตำปู ตำแตง ตำถั่ว และตำมั่ว ข้าวเหนียว ไข่ต้ม ไก่ปิ้ง หมูปิ้ง เนื้อแห้งทอด แคบหมู แจ่วบอง และหมูยอแผ่นทอด โดยมีลูกค้ามาอุดหนุนจำนวนมาก
นาย วิชัย เปิดเผยว่า ตนและภรรยาขายส้มตำมาเป็นเวลานาน 20 ปีแล้ว ช่วงเริ่มต้นทำอาชีพนี้ไม่มีเงินทุน จึงกู้เงินนอกระบบ เสียดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน เพื่อเป็นทุนขายส้มตำและส่งลูกเรียนด้วย เป็นหนี้ประมาณ 200,000 บาท
ต่อมาปี 2549 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นมีกองทุนเงินล้าน หรือกองทุนหมู่บ้านขึ้น จึงกู้เงินจากกองทุนนี้จำนวน 20,000 บาท นำมาเป็นทุนขายส้มตำ โดยส่งเงินแก่กองทุนเดือนละ 1,827 บาท เสียดอกเบี้ยร้อยละ 50 สตางค์ต่อปี
ทำให้ฐานะของตนและครอบครัวดีขึ้นมาก มีเงินปลดหนี้นอกระบบได้ และยังมีเงินเก็บ สามารถส่งให้ลูกชายและลูกสาวรวม 2 คนได้ศึกษาจนจบปริญญาตรี ขณะนี้ลูกชายทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งในกทม. ส่วนลูกสาวจบเนติบัณฑิต ทำงานอยู่ที่ศาลจังหวัดลพบุรี
นายวิชัย กล่าวต่อว่า จากนั้นเป็นต้นมาจนถึงปี 2550 ตนและภรรยาสามารถปลดหนี้สินได้จนหมด และมีเงินเก็บอีกกว่า 200,000 บาท ตนและภรรยาศรัทธาในตัวพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ โดยเฉพาะที่นโยบายของท่าน ทำให้คนรากหญ้าอย่างพวกตนลืมตาอ้าปากได้จากเงินกองทุนหมู่บ้านนี้
จนหลุดพ้นจากหนี้นอกระบบที่มาขูดรีดพวกตนอย่างมาก ทำให้มีวันนี้ขึ้นมา ดังนั้นจึงตกลงใจเปลี่ยนชื่อร้าน จากเดิมชื่อร้าน "ส้มตำนางน้อย" มาเป็นร้าน "ส้มตำ ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน
นาย วิชัย กล่าวด้วยว่า ที่น่าแปลก คือหลังจากเปลี่ยนชื่อร้านเป็น "ร้าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร" แล้ว กิจการรุ่งเรืองขึ้น มีคนมาใช้บริการไม่ขาดสาย โดยเฉพาะตอนเที่ยง มีคนซื้อไปรับประทานที่บ้านจำนวนมาก จากเดิมชื่อร้านส้มตำนางน้อย ขายส้มตำได้วันละ 4,000-5,000 บาท
แต่เมื่อเปลี่ยนชื่อเป็นร้าน "ส้มตำ ดร.ทักษิณ ชินวัตร" สามารถขายส้มตำได้ถึงวันละ 9,000-10,000 บาท การที่สามารถลืมตาอ้าปากจนปลดหนี้สินได้ คิดว่ามาจากเงินทุนเงินล้าน หรือเงินทุนหมู่บ้านของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณที่ช่วยให้ตนมีวันนี้ได้ สามารถส่งเสียลูกเรียนจนจบปริญญาได้โดยไม่คาดฝัน
พ่อค้าส้มตำเมือง อุดรฯ ยังกล่าวถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ว่า บอกตรงๆ เรื่องการเมือง ตนไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก แต่ไม่อยากให้พวกเราแบ่งกันเป็นสีแดง หรือสีเหลือง ไม่อยากเห็นคนไทยขัดแย้งกันเอง อยากจะให้หันหน้ามาปรองดองกันจะดีกว่า อะไรที่แล้ว ขอให้แล้วกันไป
เราหันมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ขอให้ช่วยกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงของเราจะดีกว่า ตนและเพื่อนที่ค้าขายด้วยกัน อยากจะบอกรัฐบาลชุดนี้ว่า สิ่งไหนที่รัฐบาลของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณเคยทำไว้ดี ขอให้นายอภิสิทธิ์ยังคงไว้เช่นเดิม
เช่นกองทุนเงินล้าน หรือกองทุนหมู่บ้านเป็นต้น เพราะเงินจากกองทุนนี้สามารถทำให้คนรากหญ้าอย่างพวกตนกู้มาประกอบอาชีพได้ จะทำให้คนเราลืมตาอ้าปากได้ เมื่อคนมีงานทำ ประเทศชาติก็เจริญด้วย
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ช่วงที่มีม็อบพันธมิตรสร้างความวุ่นวายทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด โดยเฉพาะที่จ.อุดรธานี นั้นไม่มีผลกระทบต่อการขายส้มตำของตนแต่อย่างใด ไม่มีใครมาสร้างความวุ่นวาย เนื่องจากม็อบพันธมิตรในอุดรธานีมีกำลังสู้คนเสื้อแดงคือคนรักนายกฯทักษิณ ไม่ได้
เห็นแต่เสื้อสีแดงที่ข้างหลังเขียนว่าเรารักทักษิณกันทั้งนั้น สำหรับร้านตนมีคนมาใช้บริการจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับตนและภรรยาเป็นคนคุยสนุก จากการพูดคุยกับลูกค้า ทราบว่าทุกคนที่มาใช้บริการ ชอบร้านตนจาก 2 สาเหตุ
คือ ประการแรกชอบที่ชื่อร้าน และประการที่สอง ชอบส้มตำของตนทำอร่อย โดยเฉพาะตำลาว ทุกคนบอกว่า กินตำลาวของตนกับข้าวเหนียวที่ร้อนๆ แล้วแซบหลาย รองจากตำลาวแล้ว ที่ทุกคนสั่งกันมากคือส้มตำไทย ส้มตำมั่วซึ่งคือส้มตำที่ใส่ทุกอย่าง และต้องกินกับข้าวเหนียวร้อนๆ โดยเฉพาะข้าวที่ตนใช้เป็นข้าวใหม่
"วันก่อนมีคนมาถามว่า ตอนนี้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะเปลี่ยนชื่อร้านเป็นนายอภิสิทธิ์หรือไม่ ผมตอบไปเลยว่า ไม่มีวันเปลี่ยนอย่างแน่นอน เพราะผมรักชื่อนี้ ศรัทธาในตัวพ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชอบนโยบายของท่าน
โดยเฉพาะนโยบายกองทุนเงินล้าน ที่ทำให้ผมมีวันนี้ ชื่อของท่านฝังอยู่ในจิตใจของผมและครอบครัว ถ้านายอภิสิทธิ์หรือพรรคประชาธิปัตย์อยากจะเอาใจคนอีสาน จะให้คนอีสานรัก ขอให้ทำแบบเดียวกับอดีตนายกทักษิณ รับรองได้ว่าคนอีสานรักตายเลย คนอีสานรักใครแล้วรักเลย ไม่มีวันเปลี่ยนใจ" นายวิชัย กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก