ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
สำนักข่าวบีบีซีรายงาน เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ (26 มิ.ย.) ว่า "ไมเคิล แจ็คสัน" ราชาเพลงป็อปชื่อดัง ถูกนำส่งโรงพยาบาลยูซีแอลเอ ในนครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐฯ หลังหัวใจหยุดเต้นกระทันหัน เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเว็บไซต์บันเทิงชื่อดังของสหรัฐฯ ทีแซดเอ็ม (TZM) อ้างว่า มีรายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันออกมาว่า ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง วัย 50 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพี ต่างรายงานตรงกันยืนยันว่า "ไมเคิล แจ็คสัน" ได้เสียชีวิตลงแล้ว โดยหัวใจหยุดเต้นขณะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แม้เจ้าหน้าที่แพทย์จะพยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อกระตุ้นหัวใจอย่างเต็มที่ก็ตาม เบื้องต้นรายงานว่า สาเหตุของการเสียชีวิตอาจเกิดจากเส้นเลือดหัวใจอุดตัน
สำหรับ "ไมเคิล แจ็คสัน" อยู่ระหว่างการเตรียมหวนคืนเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกในรอบ 12 ปี ชื่อว่า "ดิส อิส อิท ณ โอทู อารีนา" ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 13 ก.ค. นี้ หลังจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ
"ไมเคิล แจ็กสัน" เจ้าของท่าเต้น "มูน วอล์ค" และ "ลูบเป้า" มีชื่อเต็มว่า "ไมเคิล โจเซฟ แจ็กสัน" (Michael Joseph Jackson) หรือเรียกย่อๆ ว่า "เอ็มเจ" (MJ) หรือ "แจ็กโก้" (Jacko) เป็นนักร้องชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก จนได้รับการขนานนามว่า "เป็นราชาเพลงป็อป" (King of Pop) เริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในฐานะนักร้องนำของวง The Jackson 5 เมื่ออายุได้เพียง 7 ปี และได้ออกงานเดี่ยวชิ้นแรกในอัลบั้ม Got to Be There ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ.2514 ในขณะที่ยังเป็นสมาชิกของวง The Jackson 5 อยู่ และมีอายุเพียง 11 ปี ไมเคิล แจ็กสันก็สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงมาครองได้มากถึง 3 เพลงฮิตแล้ว
ต่อมาในปี พ.ศ.2534 "ไมเคิล" กลับมาพร้อมกับอัลบั้ม "Dangerous" ที่มีเพลง "Black or White" ติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ก่อนที่จะส่งอัลบั้ม "History" กับเพลง "You’re Not Alone" ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และล่าสุดกับ "Invincible" (พ.ศ.2544) ซึ่งทิ้งห่างจากงานชุดที่แล้วถึง 10 ปีเต็ม
หลังจากว่างเว้นจากการทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 ในเดือน มี.ค. พ.ศ.2552 ไมเคิลได้ประกาศจัดคอนเสิร์ต ดิส อิส อิท ณ โอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยแรกเริ่มจัดเพียง 10 รอบ แต่ด้วยแฟนเพลงที่ให้ความสนใจคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างมาก จึงได้เพิ่มรอบเป็น 50 รอบ ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค. พ.ศ.2552 ถึง 24 ก.พ. พ.ศ.2553
"ไมเคิล แจ็กสัน" เคยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในกลางปี พ.ศ.2536 เป็นการโปรโมตปิดอัลบั้ม Dangerous กำหนดการแสดง 2 รอบ ในวันที่ 21-22 ส.ค. ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากชาวไทย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงความเหมาะสมของการจัดแสดง เพราะบางส่วนเห็นท่าเต้นลูบเป้าของไมเคิลไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทย และครั้งที่ 2 คือ ในกลางปี พ.ศ.2538 เป็นการโปรโมทอัลบั้ม History จัดแสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แสดง 2 รอบอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าครั้งแรก
"ไมเคิล" ยังมีชีวิตที่แปลกพิสดาร เช่น มักแต่งตัวแปลกๆ อย่างตอนเดินทางมาถึงประเทศไทย ในปี พ.ศ.2536 หรือเคยมีผู้พบว่า ไมเคิลแต่งตัวเป็นผู้หญิงในห้องน้ำหญิงสาธารณะ หรือการที่เปลี่ยนสีผิวตัวเองด้วยวิทยาการทางการแพทย์ จากผิวดำให้เป็นขาวซีดอย่างในปัจจุบัน หรือการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าด้วยซิลิโคนหลายต่อหลายครั้ง
เมื่อต้นปี พ.ศ.2537 ไมเคิลได้สร้างประหลาดใจให้แก่แฟนๆ เมื่อจู่ๆ ประกาศหมั้นและแต่งงานกับ "ลิซ่า มารี เพรสลีย์" บุตรสาวของเอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อค แอนด์ โรล อย่างกระทันหัน โดยทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยา ก่อนจะเลิกรากันไปในปี พ.ศ.2539 โดยไม่มีบุตรด้วยกัน แต่ภายหลังไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับ "เด็บบี โรวว์" พยาบาลสาวใหญ่ และมีเพิ่มอีก 1 คน จากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียมเช่นเดียวกัน
"ไมเคิล แจ็คสัน" มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเด็กมากมาย มักปรากฏข่าวถึงการลวนลามทางเพศกับเด็กผู้ชายเสมอ โดยเฉพาะในเดือน มิ.ย. พ.ศ.2548 ต้องขึ้นศาลฟังคำพิพากษาในคดีข่มขืนเด็กชายผู้หนึ่ง ศาลพิพากษาให้รอดพ้นไป รวมทั้งเคยอุ้มลูกของตัวเองซึ่งยังเป็นทารกอยู่ ทำท่าว่าจะทิ้งลงมาจากหน้าต่างโรงแรมที่เจ้าตัวอาศัยอยู่เพื่อทักทายแฟนๆ ที่อยู่ข้างล่าง จนได้รับเสียงตำหนิต่อว่าอย่างหนักจากสังคม
">
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|