กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
รายงานพิเศษ“กบข. น้ำลดตอผุด ขาดทุนย่อยยับเพราะปัญหาจริยธรรมบกพร่องของผู้บริหาร กบข.”
|
|
|
Posted : 2009-06-27 19:01:08
|
|
|
|
รายงานพิเศษ
“กบข. น้ำลดตอผุด ขาดทุนย่อยยับเพราะปัญหาจริยธรรมบกพร่องของผู้บริหาร กบข.”
รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเฉพาะกิจซึ่งมี นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ได้นำเสนอบอร์ด กบข. จนนำไปสู่การตัดสินใจลาออก ของนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กบข.เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของผู้บริหารกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ทำให้ผลประกอบการ ขาดทุน 16,832 ล้านบาทในปี 2551 รวมถึง ประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตั้งข้อสังเกตความไม่โปร่งใสในการบริหารของนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกบข. สรุปเฉพาะประเด็นที่สำคัญๆ คือ
1. ประเด็นด้านจรรยาบรรณ กบข.มีการกำหนดระเบียบ ประกาศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ จรรยาบรรณ ของพนักงานกบข. และการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีของพนักงานกบข. แต่มีข้อสังเกตว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงคณะกรรมการกบข. และคณะอนุกรรมการกบข.ด้วย นอกจากนี้ ระเบียบปฏิบัติการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงานดังกล่าว ได้ ยกเว้นให้คู่สมรสของพนักงานกบข.ที่มีรายได้หรือทรัพย์สินเป็นของตัวเองและเป็นอิสระจากพนักงานกบข. ซึ่งอาจ เป็นช่องทางให้พนักงานกบข.หลีกเลี่ยง ไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวได้ ในด้านการปฏิบัติตามจรรยาบรรณของพนักงานกบข. ซึ่งรวมถึงเลขาธิการกบข. เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงานกบข. และการป้องกันข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ ปรากฏว่ามีพนักงานกบข. ทั้งที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง และพนักงานทั่วไปบางรายปฏิบัติ ไม่ถูกต้อง ดังนี้
- มีการส่งแบบมาตรฐานรายงานธุรกรรมในบัญชีของพนักงานทุกสิ้นไตรมาสไม่ครบถ้วน
- ไม่ได้ขออนุมัติทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์ครบถ้วนทุกรายการ ซึ่งหมายความรวมถึงกรณีไม่มีหลักฐานการขออนุมัติทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์ กรณีหลักทรัพย์ที่ทำการซื้อขายไม่ปรากฏในรายการที่ขออนุมัติ ณ วันนั้น กรณี ไม่ได้ขออนุมัติเนื่องจากลืม แต่มีการแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายธรรมาภิบาลกบข.ทราบในภายหลัง กรณีไม่ทราบว่าการซื้อขายหลักทรัพย์บางรายการต้องขออนุญาต และกรณีมีการขออนุมัติ ผู้บังคับบัญชา แต่ไม่พบหลักฐานการอนุมัติจากฝ่ายธรรมาภิบาลกบข.
- รายการขออนุมัติซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ตรงกับที่ปรากฏในรายงานธุรกรรมในบัญชีของพนักงานกบข. ณ สิ้นไตรมาส
- มีความผิดพลาดในการพิมพ์รายงานประจำไตรมาส
- มีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่บริษัท ผู้ออกหลักทรัพย์มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องจำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List)
- ใช้แบบรายงานผิดในการรายงานธุรกรรมในบัญชีของพนักงานกบข. ในบางไตรมาส
เมื่อมีการตรวจข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงานกบข.ดังกล่าว เปรียบเทียบกับข้อมูลการซื้อ ขายหลักทรัพย์ของตนเองก่อนซื้อขายหลักทรัพย์ของกบข. เพื่อพิจารณาว่า พนักงานกบข.ดังกล่าวผู้ใดมีพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายการซื้อขายหลักทรัพย์ของ ตนเองก่อนซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเพื่อกบข. (Front Running) หรือมีพฤติการณ์หาประโยชน์จากข้อมูลภายในที่เป็นสาระสำคัญต่อ การเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์อันเป็นการเอาเปรียบบุคคลภาคนอก (Insider Trading) หรือไม่ โดยพิจารณาจาก
- ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ จำนวน 8 หลักทรัพย์ ตามข้อ 1 (6) ได้แก่ BBL, PTT, IRPC, QH, LH, SPF, QHPF และ YNP
- พนักงานกบข.ที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวในช่วง 7 วัน ก่อนวันที่กบข.เข้าไปทำการซื้อขาย
- ความถี่ของการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวของพนักงานกบข. ในช่วง 7 วัน ก่อนวันที่กบข.เข้าไปทำการซื้อขาย
- จำนวนและมูลค่าของหลักทรัพย์ดังกล่าวที่พนักงานกบข.ทำการซื้อขายในแต่ละครั้งในช่วง 7 วัน ก่อนวันที่กบข.เข้าไปทำการซื้อขาย ปรากฏว่ามีพนักงานกบข.จำนวน 7 ราย ที่ทำการซื้อขายในช่วงเวลาตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น เป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกบข. แต่ลักษณะการ ซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่มีนัยสำคัญ เนื่องจากบางรายการมีการขออนุญาตจากฝ่ายธรรมาภิบาล กบข. บางรายซื้อขายหลักทรัพย์ในจำนวนและมูลค่าเล็กน้อย รวมทั้งมีความถี่ในการซื้อขายน้อย มีเพียงผู้บริหารระดับสูงของกบข.จำนวน 1 ราย คือ นายวิสิฐ ตันติสุนทร ตำแหน่งเลขาธิการกบข. ที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยมีจำนวนมูลค่าและความถี่ในการซื้อขายมาก นอกจากนี้ นายวิสิฐมีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ต้องจำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List) ด้วย
คณะกรรมการเฉพาะกิจฯมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของพนักงาน กบข. ดังนี้
1) พนักงาน กบข.บางส่วนไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ประกาศ และหลักเกณฑ์เกี่ยวกับจรรยาบรรณของพนักงาน กบข. และการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีของพนักงาน กบข.
2) การกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติตามระเบียบ ของฝ่ายธรรมาภิบาล กบข.เป็นไปอย่างล่าช้าเกินสมควร โดยฝ่ายธรรมาภิบาล กบข.เริ่มมีการตรวจสอบข้อมูลการรายงานธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน กบข.ในช่วง ต้นปี 2552 และตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่ระเบียบดังกล่าวใช้บังคับ ทำให้ข้อมูลเกี่ยว กับการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของพนักงาน กบข.ดังกล่าวปรากฏขึ้นในภายหลัง จึงไม่สามารถแจ้งหรือตักเตือนให้พนักงาน กบข.ปฏิบัติตามระเบียบ ดังกล่าวได้ในทันที
2. ผลประกอบการของ กบข. คณะกรรมการเฉพาะกิจฯพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินงานของ กบข.ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริหารจัดการกองทุน กบข.ได้เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกตามแนวทางการดูแลเงินออมเพื่อการเกษียณอายุของสมาชิกที่เป็นข้าราชการประเภทต่างๆ โดยรอบคอบแล้ว สำหรับผลประกอบการของ กบข.ที่ขาดทุนในปี 2551 จำนวนทั้งสิ้น 16,832 ล้านบาท เกิดจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2551 ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกตกอยู่ในสภาวะตกต่ำต่อเนื่อง และตลาดหลักทรัพย์หลักทั่วโลกปรับตัวลดลงรุนแรงดังจะเห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สำคัญของโลกได้ลดลงในอัตราสูง เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 33.84% ประเทศอังกฤษดัชนี FTSE ลดลง 31.33% ประเทศญี่ปุ่นดัชนี NIKKEI ลดลง 42.12% ฮ่องกงดัชนีฮั่งเส็งลดลง 48.27% ประเทศจีนดัชนี SHANGHAI COMPOSITE ลดลง 65.39% ประเทศสิงคโปร์ดัชนี STRAITS TIMES ลดลง 49.17% และประเทศไทยดัชนี SET ลดลง 47.56% เป็นต้น
สินทรัพย์ที่ให้ผลกำไรมาจากการลงทุนในตราสารหนี้เป็นเงิน 18,950 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 116 ล้านบาท กำไรจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 1,979 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์ที่ขาดทุนมาจากการลงทุนในตราสารทุน 31,912 ล้านบาท (แบ่งเป็นหุ้นในประเทศ 18,027 ล้านบาท, หุ้นต่างประเทศ 13,885 ล้านบาท) และขาดทุนจากการลงทุนทางเลือกเป็นเงิน 5,335 ล้านบาท ทั้งนี้ กบข.มีค่าใช้จ่ายสำนักงานและอื่นๆ เป็นเงิน 632 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับผลประกอบการที่ขาดทุนจะเท่ากับ 16,832 ล้านบาท
3. ผลการสอบสวนจะเป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่ คณะกรรมการ กบข.ระบุว่า นายวิสิฐไม่ผ่านการประเมินผลตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำผิดระเบียบ กบข.จนมีการเลิกจ้าง และผลการดำเนินงานที่ติดลบ จึงมีมติไม่ให้โบนัสสำหรับปี 2551 สอบสวนนายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวน
กล่าวว่า จะไม่สอบเรื่องการทำผิดวินัยแล้ว เพราะได้สรุปไปแล้วว่ามีการกระทำผิดจริง แต่จะสอบสวนเพิ่มเติมในด้านความเสียหายต่อองค์กร แม้ว่าการตรวจสอบก่อนหน้านี้จะระบุว่า การไม่ปฏิบัติตามระเบียบของนายวิสิฐ จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ กบข.ก็ตาม เนื่องจากบอร์ดเกรงว่าข้อมูลจะยังไม่ครบถ้วน จึงให้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งความเสียหายที่เป็นเม็ดเงิน และความเสียหายในด้านภาพลักษณ์
โดยสรุปก็คือ การขาดทุนหลายมื่นล้านบาท ของ กบข. จนต้องเฉลี่ยผลการขาดทุนให้แก่
สมาชิกนับล้านคน รายละหมื่นบาทจนถึงแสนบาท เกิดจากเจ้าหน้าที่ทุกระดับของ กบข.จริยธรรม
เสื่อมเอาเงินของสมาชิกไปซื้อขายหลักทรัพย์ดักหน้าดักหลังหาผลประโยชน์ให้ตนเอง เอาเงินของสมาชิกไปเล่นหุ้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ผิดวัตถุประสงค์ของ กบข. ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญ และให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ โดยการนำเงินของกองทุนไปลงทุนหาผลประโยชน์ในลักทรัพย์ที่ไม่เสี่ยงเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิก และสุดท้ายผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่ กบข.ตั้งพวกเดียวกันเองขึ้นมาสอบสวนกันเองคงหาคนรับผิดชอบไม่ได้ ท้ายที่สุด สมาชิก กบข.กว่าล้านคน ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนให้ กรรมการ กบข.เล่นแร่แปรธาตุกับเงินของตนเองต่อไปด้วยความขมขื่นโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น |
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|