ฟุตซอล เอเชี่ยน อินดอร์เกมส์ นัดชิงชนะเลิศ
ไทย 3 – อิหร่าน 3 (อิหร่าน ชนะจุดโทษ 8-7)
นักเตะไทย ขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม ประกอบด้วย สุรพงษ์ ทมพา, ภานุวัฒน์ จันทา, เลิศชาย อิสราสุวิภากร, เอกพงษ์ สุรัตน์สว่าง และศุภวุฒิ เถื่อนกลาง โดยมีชุด 2 เสริมพันธ์ คุ้มถิ่นแก้ว, ณัฐพล สุทธิโรจน์, พนมกรณ์ สายสอน, เอกพันธ์ สุรัตน์สว่าง และตีวทีเด็ดอย่าง เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ และธนกร สันทนาประสิทธิ์ ตัวรับคอยเสียบ และปริญญา ปั้นดี นายทวารมือ 2 เจอกับคู่ปรับเก่าที่แย่งเหรียญทองมาตลอด 2 หน อย่าง อิหร่าน
เริ่มเกม อิหร่าน ใช้ความใหญ่ และทักษะที่ดี บีบตั้งแต่แดนบนทำเอาไทยหนีไม่ออกต้องแก้ด้วยบอลยาวที่ยังไม่แม่น 5 นาทีแรก เป็นนักเตะยักษ์ขาวที่ครองความได้เปรียบ ทว่าแนวรับของไทยยังแกร่ง แถมจังหวะโต้กลับยังได้แอบส่องหลายหน ทว่านาทีที่ 10 ความผิดพลาดจากลูกคิกอินด้านซ้าย ภานุวัฒน์ เปิดไปชนตัวเอกพงษ์ เด้งหลุดไปกลางสนามในจังหวะนักเตะไทยดันขึ้นหมด สุรพงษ์ ปราดออกจากเส้นแต่ไม่ทัน มาห์ดี้ จาวิด โฉบตวัดยิงจากกลางสนาม 1-0
หลังเสียประตู ไทยกลับเริ่มเล่นเกมบีบสลับกับคุมโซนได้มั่นคงขึ้น นาทีที่ 12 ความผิดพลาดของอิหร่านในเกมรุกถูกเอกพันธ์ ตัดที่ริมเส้นด้านขวาตวัดมาเสาสอง พนมกรณ์ เติมขึ้นมาแปเน้น ๆ เสียบตาข่าย สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 อีกนาทีต่อมาไทยเกือบนำ เอกพันธ์ แบ่งบอลที่กลางสนามให้ ณัฐพล ที่เติมด้านซ้ายไปยิงติด อาลี ซามีมี่ นายทวารอิหร่าน
ครึ่งหลัง อิหร่านยังมาเล่นบีบแดนบน แต่ไม่อาจทำอะไรนักเตะไทยได้ถนัด จนนาทีที่ 24 นักเตะจากแดนขวานทองผิดพลาดเองอีกหนและถูกลงโทษทันที ภานุวัฒน์จ่ายที่กลางสนาม อาหมัด อาลี แย่งไปจ่ายให้ ซาเยด อาลี ดึงหลอกสุรพงษ์ ตวัดเข้าประตู 2-1 ปูลปิส ปรับเกมเอาตัวเคลื่อนที่ดีลงใช่ชุด เลิศชาย, เอกพงษ์, ศุภวุฒิ และเกียรติยศ เข้าสู้ เกมกลับมาเป็นไทยที่ติดเครื่องบ้าง นาทีที่ 28 มาได้ 2 ประตูซ้อน เริ่มจากลูกตีเสมอ เลิศชาย ยกเตะมุมด้านซ้ายศุภวุฒิ วอลเลย์เรียด 2-2
อีก 27 วินาที บอลชิ่งแล้วเคลื่อนเอกพงษ์, ศุภวุฒิ มาจบที่เกียรติยศ เข้าฮอสงดงาม 3-2 แต่นำได้แค่ 4 นาที มอสตาฟา ทายีบี โชว์เหนือดึงหลอกก่อนยกบอลข้ามสุรพงษ์ที่ออกไปบล็อกลอยตีเสมอ 3-3 เกมยังบีบหัวใจ อิหร่านได้ส่องหลายหน สุรพงษ์ ยังเซฟ จนเหลือ 19 วินาที ทายีบี ไปเตะเสริมพันธ์ โดนใบเหลืองที่ 2 ต้องเล่น 4 คนอย่างน้อย 2 นาที และไทยเกือบฉวยโอกาสทอง ภานุวัฒน์ ยิงนายทวารทุบมาเข้าทางเอกพงษ์ แปเสยข้ามคานอย่งน่าเสียดาย ต้องต่อเวลาอีกครึ่งละ 5 นาที
ช่วงต่อเวลา ไทย เคลื่อนบอลเร็วใช้แนวลึก นาทีที่ 42 เอกพันธ์ ตวัดให้ ศุภวุฒิ ชิ่งต่อที่เอกพงษ์ เข้าฮอสนายทวารยังถลาไปบล็อกทัน ครบ 2 นาที อิหร่านเติมกลับมาครบ 4 คน นาทีที่ 44 ศุภวุฒิ ดึงหลอกทางขวาเรียกฟาล์วครั้งที่ 6 ได้จุดโทษจุดที่ 2 ระยะ 10 เมตร ศุภวุฒิ ยิงเองแต่นายทวารอิหร่านใหญ่เหลือเกินล้มปัดออกได้ อีก 10 วินาที เกียรติยศ เรียกฟาล์วได้อีก ศุภวุฒิ แปเรียดขวามือมุมเดิมหลุดเสาไปอีก ก่อนที่ 5 นาทีสุดท้าย ทำอะไรไม่ได้ จบเกม 3-3
มาถึงฎีกาดวลจุดโทษ อิหร่าน ที่เปรียบเยอะที่นายทวารใหญ่แทบคับประตู และยิงได้แน่นอนกว่าเสยเพดานตาข่ายทุกลูก ขณะที่ไทย ยิงเข้าไป 4 คน จาก ศุภวุฒิ, พนมกรณ์, ภานุวัฒน์, เสริมพันธ์ ขณะที่เกียรติยศ ยิงคนที่ 3 หลุดกรอบ ไทย อกหักเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันพ่ายไป 4-5 สกอร์รวม 7-8
หลังเกมนักเตะไทยทรุดตัวร่ำไห้น้ำตาไหลด้วยความผิดหวังรมทั้งโค้ชและผจก.ทีม โดย ปูลปิส กุนซือชาวสเปนถึงกับพูดไม่ออก ขอไม่พูดถึงเเกม
“บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ผู้จัดการทีม กล่าวกลั้วน้ำตาว่า เทพีแห่งโชคไม่เข้าข้าง เหมือนยังไม่ใช่เวลาที่เราจะเป็นแชมเปี้ยน ซึ่งรูปแบบที่เราเล่นในวันนี้ ตนถือว่าเราทำได้ดีมากสมควรจะเป็นแชมป์ และตนคิดว่าวันนั้นเราเป็นเจ้าแห่งเอเชียแล้ว เรื่องลูกโทษก็เป็นเรื่องของดวง ไม่อาจจะไปโทษใครได้
ขณะที่ “เจ้ามิกซ์” เกียรติยศ แฉล้มเขตร์ ผู้พลาดจุดโทษ แต่ในเกมถือเป็นแข้งที่พลิกสถานการณ์ให้ทีม กล่าวว่า ขอโทษแฟนบอลชาวไทยทุกคน ที่ไม่อาจนำแชมป์กลับไปฝากทุกคนได้อย่างที่คาดหวัง
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะโอลิมปิกไทยกล่าวว่า ทีมฟุตซอลชายแพ้ลูกโทษเป็นที่น่าเสียดาย เราพลาดไปเพียงนิดๆหน่อยๆเท่านั้น แต่ตนคิดว่า ทีมไทยนั้นอยู่ระดับเดียวกับอิหร่านซึ่งเป็นอันดับ 5 ของโลกนั่นแหล่ะ ฟอร์มไม่ต่างกันเลยเราก็มีโอกาสชนะด้วย
เครดิต : สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย