• นักข่าวเนชั่นซ่านักเลยโดนกักบริเวณในคุกเขมร60นาที ดีนะที่ยังออกมาได้..หายซ่าไปเลย. |
โพสต์โดย คำไหล , วันที่ 15 พ.ย. 52 เวลา 13:18:29 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ด้วยความที่ผมเหน็ดเหนื่อยจากการตามข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาหลายวัน จึงตัดสินใจพักสายตาขอนอนหลับสักงีบในรถที่กำลังเดินทางไปที่เรือนจำ "เพรย์ซอว์" ซึ่งห่างจากใจกลางกรุงพนมเปญประมาณ 10 กิโลเมตร
พลันที่ลืมตาตื่นก็รู้ตัวทันที ว่าตัวผม และทีมข่าวเนชั่น ที่ประกอบด้วย ผู้สื่อข่าวอาวุโส ศุภลักษณ์ กาญจนขุนดี และ ช่างภาพ กอบภัค พรหมเรขา ได้เดินทางมาถึงบริเวณด้านหน้าของเรือนจำเพรย์ซอว์ เพื่อขออนุญาตเข้าพบ นายศิวรักษ์ โชติพงศ์ วิศวกรบริษัทแคทส์ (CATS) ที่ตกเป็นผู้ต้องหาลักลอบนำเอกสารการเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ และ สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ออกมาเพื่อเผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่ทางการทูตของสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ทีมข่าวเนชั่นมีเป้าประสงค์สอบถามนายศิวรักษ์ ถึงข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทั้งในไทยและ กัมพูชา
ภาพแรกที่ผมลืมตาขึ้นมาเห็นคือ ด่านตรวจคนก่อนเข้าบริเวณเรือนจำ ซึ่งทันทีที่คุณศุภลักษณ์ เดินลงจากรถ ผมก็ออกจากรถเพื่อติดตามผู้สื่อข่าวรุ่นพี่ทันที ซึ่งคุณศุภลักษณ์ผู้สื่อข่าวที่ผ่านการทำข่าวจากประเทศที่มีกฎระเบียบเข้ม งวด อย่าง พม่า เกาหลีเหนือ รวมถึง ที่กัมพูชาแห่งนี้มาหลายครั้ง ได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำหน้าที่ดักจับ ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไปในบริเวณเรือนจำ
คุณศุภลักษณ์พยายามพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ด้วยความยากลำบากเนื่องจากเจ้า หน้าที่ 3-4 คนนี้ใช้ภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ระหว่างนั้นผมก็เหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เดินบุ่มบ่ามเข้ามาที่รถ แท็กซี่ พาหนะที่ทีมข่าวเนชั่นนั่งไป และปรี่ตรงมาที่คุณกอบภัค พรหมเรขา ช่างภาพเนชั่นที่นั่งอยู่ที่เบาะหน้าของรถ
สัญชาตญาณแรกทำให้ผมเดินตรงไปที่รถ เพื่อเก็บกล้องวิดีโอที่วางอยู่เบาะท้าย เพื่อรักษาอุปกรณ์การทำงานให้ได้ดีที่สุด แต่ช้าเกินไป เพราะภาพที่ผมเห็นคือ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของเรือนจำชาวเขมรคนหนึ่งได้คว้ากล้องวิดีโอคู่ใจของผมไป เป็นที่เรียบร้อย จากมือของคุณกอบภัค พรหมเรขา ซึ่งเจ้าตัวช่างภาพเล่าให้ฟังว่า เขากำลังทดลองว่ากล้องวิดีโอผมใช้งานได้ปกติหรือไม่ ตามสัญชาตญาณของช่างภาพมืออาชีพ
ผมพยายามเดินเข้าไปเจรจาขอกล้องวิดีโอคืนจากเจ้าหน้าที่คนนั้น แน่นอนว่าไม่สำเร็จ เนื่องจากอุปสรรคทางภาษา และความเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่เรือนจำ คิดว่าทีมข่าวเนชั่นได้เข้ามาลักลอบถ่ายภาพบรรยากาศเรือนจำเพรย์ซอว์เป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เชิญคุณศุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมข่าวชุดนี้เดินทางเข้าไปในบริเวณเรือนจำเพียงคน เดียว ปล่อยให้ผม และช่างภาพยืนรออยู่ข้างนอก โดยไม่อนุญาตให้ไปไหน และไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนที่ดูเป็นมิตรและพร้อมสื่อสารกับผม
คุณศุภลักษณ์ หายไปในบริเวณหน้าเรือนจำนานกว่า 30 นาที ตลอดเวลาครึ่งชั่วโมงผมเห็นคุณศุภลักษณ์มีโอกาสออกมาบริเวณถนนทางเข้าหนึ่ง ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เราสองคนพูดคุยกัน ซึ่งกว่าที่ผมจะได้มีโอกาสได้เข้าไปในบริเวณเรือนจำเวลาก็ล่วงมาเยอะจนใกล้ เวลาที่เที่ยวบินของคุณศุภลักษณ์จะออก ทำให้บรรยากาศเริ่มเร่งเร้าขึ้น ตอนที่ผมกับช่างภาพเดินเท้าเข้าไปตามคำเชิญแกมบังคับของเจ้าหน้าที่ ที่ห้อยปืนเอ็ม 16 ของเรือนจำ เป็นเวลาใกล้ 17.00 น. ซึ่งเข้าช่วงเวลาเลิกงานพอดี ทำให้ภาพที่ออกมาคือ ทีมข่าวเนชั่นทั้ง 3 คน ถูกบังคับไม่ให้ไปไหนจากเจ้าหน้าที่ดูแลเรือนจำ โดยมีพนักงานเรือนจำในชุดเครื่องแบบสีฟ้ากว่า 40 คน ห้อมล้อมอยู่ ซึ่งตลอดเวลาระหว่างที่ทีมข่าวเนชั่นทั้ง 3 ถูกควบคุมตัว คุณศุภลักษณ์ได้พูดคุยผ่านโทรศัพท์กับเพื่อนผู้สื่อข่าวทางกัมพูชา ที่พยายามหาทางช่วยเหลือ
เวลาล่วงมาถึง 17.00 น. คุณศุภลักษณ์ เร่งรัดขอเจรจาเพื่อเดินทางออกจากเรือนจำก่อน เพราะจำเป็นต้องมาให้ทันเที่ยวบินที่จะออกจากกรุงพนมเปญตอน 20.00 น. แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นตรงกันข้าม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า ทีมข่าวเนชั่นทั้งสามคนยังไม่สามารถไปไหนได้ทั้งนั้น เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจเช็กกล้องวิดีโออยู่ และอีกหนึ่งชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาเข้ามาสอบสวนเพิ่ม เติมด้วย ซึ่งคุณศุภลักษณ์ ยื่นคำขาดไปว่า ยังไงคงรอหนึ่งชั่วโมงไม่ได้
ถึงวินาทีที่สถานการณ์ตึงเครียดที่สุด ทีมข่าวเนชั่นกลับได้รับข่าวดีจากหัวหน้าเจ้าหน้าที่เรือนจำเพรย์ซอว์ ที่เดินออกมาพร้อมอนุญาตให้เราทั้งสามคนออกจากเรือนจำ พร้อมส่งมอบกล้องวิดีโอคืนได้ด้วยท่าทีที่เป็นมิตรอย่างน่าใจหาย สืบสาวราวความได้ว่า ผู้สื่อข่าวชาวกัมพูชาที่คุณศุภลักษณ์คุยทางโทรศัพท์ ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา และกรมตำรวจกัมพูชา ทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันควัน
ทีมข่าวเนชั่นเดินทางออกมาจากเรือนจำเพรย์ซอว์ เวลา 17.15 น. คุณศุภลักษณ์สามารถเดินทางกลับด้วยเที่ยวบินเดิมได้ทัน ผมและคุณกอบภัค ตัดสินใจนอนค้างที่พนมเปญต่ออีกคืน ที่น่าขันคือ ภาพประกอบที่เห็นทั้งหมดนี้ เกิดจากน้ำมือของเจ้าหน้าที่ในเรือนจำที่ช่วยถ่ายภาพให้ทีมข่าวเนชั่นแบบไม่ รู้ตัว เนื่องจากไม่มีใครปิดกล้องที่คุณกอบภัคเริ่มต้นกดถ่ายเพื่อทดลองกล้องตอนแรก ไว้
ทั้งหมดนี้คือบรรยากาศ 60 นาทีที่ผมได้สัมผัสเรือนจำเพรย์ซอว์อย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าผมยังแค่โดนควบคุมตัวอยู่บริเวณด้านหน้าเรือนจำ ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในคุกเหมือนที่คุณศิวรักษ์ โชติพงศ์ แต่ 60 นาทีที่เรือนจำนี้ ผมก็รู้สึกได้ถึงวิธีการตัดสินของเรือนจำที่ไร้ระเบียบ ไร้หลักการ และสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินได้ด้วยคำสั่งจากคนใหญ่ๆ โตๆ เพียงคนเดียว
แน่นอนในกรณีนี้ผมและทีมข่าวเนชั่นได้รับประโยชน์ และรอดพ้นจากการถูกกักบริเวณ ซึ่งว่ากันตามตรงผมต้องขอบคุณผู้ใหญ่คนนั้นกับกรณีนี้ แต่เมื่อคิดถึงกรณีของคุณวิศวกรหนุ่มแล้ว ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงคุณศิวรักษ์ โชติพงศ์ ขึ้นมาจับใจ
ข่าวคมชัดลึก...
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
สงสัยพวกนี้คงลืมตัวนึกว่าเป็นคุกไทยที่พวกมันจะเข้าไปทำซ่าได้มั้งเลยโดนดับซ่าไปสงบสติอาร์มซะเลย
น่าจะอยู่สักสองสามปีจะได้หายบ้าไปเลย จริงใหมพี่หยุ่น อิอิ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1693 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คำไหล
IP: Hide ip
, วันที่ 15 พ.ย. 52
เวลา 13:18:29
|