• เผยสมัครพ้อแม้วหักหลัง ซ้ำป่วยหนักไม่เคยเหลียวแล |
โพสต์โดย kanya , วันที่ 27 พ.ย. 52 เวลา 12:13:46 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คนใกล้ชิดเผย “สมัคร” เปรยคนแดนไกลใจดำ ไม่เคยสนใจไยดียามป่วย บ่นเจ็บปวดที่สุดเพราะถูกหักหลัง จนเลิกสนใจข่าวการเมือง ก่อนสิ้นลมบอกเป็นห่วงพระเจ้าอยู่หัว ด้าน “นักวิชาการ” ไม่แปลกใจ “สันดานแม้ว” หักหลังทุกคนเมื่อไร้ประโยชน์ ชี้หากไม่หลอกสมัคร อาการป่วยคงไม่ทรุดหนัก รุมซัดกุ๊ยเสื้อแดงป่วนงานศพไร้มารยาทไม่มีความละอายใจ ย้อนถามเคยรู้ไหมนายใหญ่ตัวเองหักหลังสมัครจนล้มป่วย อ.ปรีชา ซัดทำตัวได้ถ่อยที่สุด |
ย้อนไปถึงพฤติกรรมคนเสื้อแดงตะโกนโห่ไล่ฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างป่าเถื่อน ทั้งยกตีนตบ ระหว่างการทำพิธีรดนำศพ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ภายในวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนรับไม่ได้กับการไร้กาลเทศะของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งที่จริงแล้วควรต้องสำรวมให้เกียรติครอบครัวนายสมัคร ซึ่งยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของอดีตนายกรัฐมนตรี
และถือเป็นการแสดงออกที่ไม่เคารพต่อนายสมัคร ผู้มีบุญคุณต่อพรรคพลังประชาชน ที่ขณะนั้นยังไม่ถูกยุบ ตัดสินใจยอมรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนตามคำขอของ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงษ์ เพื่อกู้สถานการณ์ของพรรค กระทั่งขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหลุดจากเก้าอี้อย่างง่ายๆ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการไปเป็นพิธีกรรายการ “ชิมไป บ่นไป”
แต่ตามกฎหมายไม่ได้ตัดโอกาส ในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ประกอบกับนายสมัครได้รับการยืนยันอย่างดิบดีจากนักโทษชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงอ้อ ว่าจะให้การสนับสนุน
แต่ท้ายที่สุดนายสมัคร ชายวัย 73 ปี กลับถูกหักหลัง เก้าอี้นายกรัฐมนตรีกลับเป็นของน้องเขย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งแน่นอนกลุ่มแนวร่วมเสื้อแดงจำนวนมากคงไม่เคยล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อน พอๆ กับการที่ถูกหลอกใช้ให้มาร่วมชุมนุม
ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2551 พ.ต.ท.ทักษิณได้โทรศัพท์มาหา นายเนวิน ชิดชอบ ว่า ขอให้แจ้งแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชาชนว่า ให้สนับสนุนนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป นายเนวินจึงแจ้งแก่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน และให้ผู้ใหญ่ในพรรคไปขอร้องนายสมัครที่บ้านพักในหมู่บ้านโอฬาร ซอยนวมินทร์ 81 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2551 ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง พร้อมกับเสียงสนับสุนนของ ส.ส.พรรคพลังประชาชน
กระทั่งเช้าวันที่ 12 กันยายน 2551 นายสมัครไปถึงสภาแต่เช้า เพื่อรอเวลาประชุม กลับปรากฏแต่ ส.ส. พรรคพลังประชาชนกลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคประชาธิปัตย์มาประชุม ไม่มี ส.ส. พรรคพลังประชาชนฟาก พ.ต.ท.ทักษิณ เลย ทำให้องค์ประชุมไม่ครบเลือกนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ จนทำให้นายสมัครเสียความรู้สึก แสดงหน้าตาเคร่งเครียดแบบสุดเจ็บปวด (เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยบอกจะไม่ทิ้งกัน แต่กลับมาหักหลัง)
นับจากวันนั้นอีก 3 สัปดาห์นายสมัครได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ ต้องบินไปรักษาตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2551 ก่อนจะกลับมาพักฟื้นที่บ้าน เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ด้วยร่างกายที่ผอมลงและเส้นผมบางลงอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งสิ้นลมหายใจอย่างสงบเมื่อเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน ซึ่งบรรดาแกนนำกลุ่มเสื้อแดงและคนพรรคเพื่อไทย ต่างๆ มาร่วมรดน้ำศพนายสมัคร โดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อสิ่งที่ได้รวมหัวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำต่อนายสมัคร แค่คำว่าอโหสิกรรมคงยังไม่พอ คนที่รู้ดีที่สุดคือคนในครอบครัวนายสมัครและคนใกล้ชิด เท่านั้นที่รู้ถึงความเจ็บปวดภายในจิตใจของนายสมัครซึ่งเจ็บปวดยิ่งกว่าอาการโรคมะเร็งตับเสียอีก
เจ็บปวดแม้วหักหลัง
ขณะที่ นายชัยสิทธิ์ ภูวภิรมย์ขวัญ อดีตผู้อำนวยการบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ คนใกล้ชิดนายสมัคร กล่าวถึง อาการนายสมัครก่อนจะเสียชีวิต ว่าภายหลังจากที่นายสมัครกลับมาจากการพักรักษาตัวที่สถาบันมะเร็งฮุสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น วิถีชีวิตของนายสมัครส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อย่างที่จะไปไหน ซึ่งวันๆ หนึ่งปกติก็จะดูทีวีตลอดเวลา แต่ไม่สนใจข่าวในแวดวงการเมืองเลย โดยครั้งหนึ่งตนเคยถามนายสมัครถึงเหตุผลที่ไม่สนใจข่าวการเมืองก็กล่าวแต่เพียงว่ารู้สึกอย่างไรไม่รู้ ซึ่งเวลาที่ตนไปเยี่ยมก็จะพยายามไม่ชวนคุยเรื่องการเมือง เนื่องจากเห็นว่านายสมัครต้องการที่จะยุติบทบาททางการเมืองอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ผ่านมาได้ทำให้นายสมัครรู้สึกสาหัสมากพอสมควรและนายสมัครก็เคยพูดอะไรไว้หลายๆ อย่าง
โดยสิ่งหนึ่งที่นายสมัครเคยบ่นให้ตนได้ฟังขณะที่ล้มป่วยบ่อยๆ ว่า ไม่เคยมีโทรศัพท์มาถามถึงบ้างเลย ซึ่งทำให้ตนเชื่อว่าคงหมายถึงคนแดนไกล (พ.ต.ท.ทักษิณ ) หรือบางครั้งนายสมัครยังเคยพูดในทำนองที่ว่า ทำไมถึงทำกันอย่างนี้ โดยตนรู้สึกว่าสิ่งที่นายสมัครบ่นอยู่บ่อยครั้งนั้น คงทำให้สึกว่าเหมือนถูกหักหลัง เพราะขณะที่นายสมัครป่วย โดยมีตนไปเฝ้าไข้นั้น ยังไม่เคยเห็นของเยี่ยมหรือตัวแทนจากพ.ต.ท.ทักษิณ และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากพ.ต.ท.ทักษิณเลย
“ขนาดเวลาป่วยเขายังไม่สนใจ ไม่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลย ทำเหมือนคนไม่รู้จัก ตัดญาติขาดมิตรกัน จะใจจืดใจดำไปหน่อยไหม และในช่วงที่ท่านสมัครรู้สึกว่า ตัวเองจะไม่ไหวแล้วนั้นสิ่งที่กล่าวอยู่เสมอและมีความรู้สึกเป็นห่วงนั้นเป็นเรื่องของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่รู้สึกเทิดทูน เพราะเครือญาติของท่านอยู่ในวังมาทั้งนั้น ตั้งแต่ คุณตา คุณลุง คุณพ่อ และตัวท่านเอง เพราะฉะนั้นจะเรียกว่าเป็นชีวิตชาววังก็คงไม่ผิด และเวลาที่เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะคอยถวายคำปรึกษาเวลาที่พระองค์ทรงถามเสมอ
แม้วหักหลังได้ทุกคน
ด้าน ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ก่อนอื่นตนก็อยากจะขออโหสิกรรม ต่อนายสมัคร ในทุกๆ เรื่องที่ตนเคยล่วงเกิน ส่วนการที่อาการของนายสมัคร ทรุดลงอย่างรวดเร็ววันนั้น อาจเป็นได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากการตรอมใจที่โดนคนตลบหลัง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายในวงการเมืองไทยที่ต้องสูญเสียนักการเมืองผู้ที่ซื่อสัตย์สุจริต ฝีปากกล้า พูดตรงไปตรงมา สามารถเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองคนรุ่นหลังได้
ส่วนเหตุการณ์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มอบให้คุณหญิงพจมาน ไปมอบช่อดอกไม้และระบุว่ายังสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย นั้นเหมือนกับเป็นการให้ความหวังคนแก่ ซึ่งตนมองว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุตั้งแต่ต้นว่าจะไม่สนับสนุนให้เป็น นายกฯ นายสมัครพอจะยอมรับและทำใจได้ คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถหักหลังได้กับทุกคนที่ไม่สามารถทำประโยชน์หรือนำผลประโยชน์มาให้กับตัวเอง
“อย่างที่บอกคนอย่างทักษิณ หักหลังได้กับทุกคนที่ไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับตัวเองได้ การที่คุณสมัครบ่นน้อยใจก็น่าจะน้อยใจอยู่หรอก เพราะท่านอุตส่าห์หันกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งก็เพราะไว้ใจคุณทักษิณ แต่ก็ต้องโดนหักหลัง อาการป่วยจึงทรุดและถึงแก่อนิจกรรมทุกวันนี้”
ดร.ปราโมทย์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่านายสมัครมีความตั้งใจดีที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มีประวัติเลวร้าย ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น แม้หลายครั้งเคยบ่นถึงการตั้งรัฐมนตรี ว่าทำได้ดีที่สุดเท่านี้แหละ รู้ว่าไม่สวย ขี้เหร่ แต่ก็ทำตามใจไม่ได้
ที่ผ่านมา คนรอบกาย พ.ต.ท.ทักษิณ หาคนดียาก ล้วนแต่ประจบสอพลอ คิดหาแต่ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ทำงานยาก ตรงนี้อาจเป็นความซวยของนายสมัคร ในขณะเป็นนายกรัฐมนตรีแทนที่จะชื่นมื่น กลับกลายเป็นทุกขลาภก้อนโต รับโอนมรดกระบบความเลวมาทั้งหมด
อัดเสื้อแดงไร้มารยาท
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกประจำพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงตะโกนโห่ไล่ฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มคนเสื้อแดงระหว่างการทำพิธีรดนำศพนายสมัคร ว่าสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนแน่นอน ณ เวลานี้ เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนที่สมัยที่ตนได้ร่วมกันต่อต้านการรัฐประหารกับกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อตอนนั้นรู้ว่าสิ่งใดควรกระทำ สิ่งไหนไม่ควรกระทำ สิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม และมีสำนึกไตร่สิ่งผิดสิ่งถูกมากกว่ามวลชนเสื้อแดงในปัจจุบันมาก
ที่ตนจำเป็นต้องกล่าวเช่นนี้ เพราะสิ่งที่ตนได้ไปประสบพบเจอ ถึงพฤติกรรมของคนเสื้อแดงที่ไปร่วมเคารพศพของนายสมัคร นั้นได้แสดงให้ถึงความไร้มารยาท จุดประสงค์ของผู้ที่มาร่วมพิธีศพนั้นก็เพื่อมารำลึกและร่วมไว้อาลัยแก่ผู้ที่จากไป ซึ่งไม่เกี่ยวว่าผู้นั้นจะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีหรือประชาชนคนธรรมดาสำหรับผู้ที่มาร่วมงานต้องมีความสำรวม สงบ ที่สำคัญถึงแม้จะเป็นศัตรูกันก็ต้องไม่ขุ่นข้องหมองใจกันในงานพิธีเพื่อเป็นการให้เกียรติกับสถานที่และเจ้าภาพของงาน และนั่นคือความสำคัญและเจตนาที่แท้จริงของงานศพ
บอกได้อย่างเดียวว่าถ่อยที่สุด
ดร.ปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่วว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงมีการโหไล่นักการเมืองในงานศพนายสมัคร ทุกคนก็ตอบได้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควรอย่างยิ่ง ซึ่งการกระทำอย่างนั้นบอกได้อย่างเดียวว่าถ่อยที่สุด เพราะแขกที่ไปร่วมงานก็มีแต่ระดับผู้ใหญ่ อีกทั้งอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานพระพิธีสวดพระอภิธรรม 7 คืน ทั้งนี้การที่นักการเมืองทุกคนเดินทางไปร่วมงานศพนั้นเพราะต้องการไปขออโหสิกรรม ต้องการไปเคารพศพ ไม่ว่าคนชอบหรือไม่ชอบในเมื่อนายสมัครได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ทุกคนก็อยากไปร่วมงาน อยากไปขออโหสิกรรม
“ดูจากทีวี พฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ควรเกิดขึ้น เพราะงานศพของนายสมัคร 7 วัน อยู่ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ อย่างวันที่เสื้อแดงป่วนก็เป็นวันที่พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
ที่มา: http://www.prachatouch.co.th/web/news_detail.asp?id=6645
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 14373 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย kanya
IP: Hide ip
, วันที่ 27 พ.ย. 52
เวลา 12:13:46
|