• งานสำคัญของรัฐบาล |
โพสต์โดย sala , วันที่ 09 ธ.ค. 52 เวลา 14:37:54 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
โดย ณัฐณิชา
ช่วงนี้หลายฝ่ายเริ่มออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า จะน้อมนำเอากระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม เพื่อจะทำให้บ้านเมืองสงบสุข คืนสู่ความเรียบร้อย หลังจากที่ 3 – 4 ปีที่ผ่านมา กระทั่งปัจจุบัน ความวุ่นวายทางการเมือง ได้แบ่งประเทศออกเป็นฝักเป็นฝ่าย พร้อมๆ กับทำร้ายประเทศชาติ จนบอบช้ำเสียหายอย่างย่อยยับ มิอาจนับประเมินค่าเป็นตัวเลขได้
ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายที่ดี ถ้าสามารถทำได้ “จริง”...ตามที่พูด
การที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข คืนสู่ความเรียบร้อย คงต้องย้อนกลับไปดูก่อนว่า จุดเริ่มต้นของปัญหา คืออะไร?
บ้างก็ว่า มาจากอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ
บ้างก็ว่า มาจากมือที่มองไม่เห็น
บ้างก็ว่า มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
บ้างก็ว่า มาจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
บ้างก็ว่า มาจากรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของประเทศ
บ้างก็ว่า มาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
บ้างก็ว่า มาจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ
บ้างก็ว่า มาจากการที่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ถูกถอดออกจากผังของช่อง 9 โมเดิร์นไนน์
ซึ่งก็ว่ากันไปต่างๆ นานา แล้วแต่มุมมองของแต่ละฝ่าย แต่ละมุม ที่ย่อมจะเห็นแต่ในส่วนดีของตนเอง ในขณะที่ก็จะเห็นแต่ส่วนชั่วของคนอื่นทั้งสิ้น
เมื่อปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ไม่สงบสุข ยังมีมุมมองต้นตอของปัญหาที่แตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง
การที่ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ออกมากล่าวว่า “ขอเรียกร้องให้คนเสื้อแดงประกาศยกเลิกการชุมนุมในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทั้งนี้ เพราะด้วยรัฐบาลกำลังจัดงานมหามงคล ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สำคัญในการแสดงกิจกรรมต่างๆ”
"การจัดงานของคนเสื้อแดงจะต้องตั้งเวทีปราศรัย มีการจัดรั้วรอบดูแลด้านความปลอดภัย แม้อ้างว่าจะร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร แต่ก็ไม่กลมกลืนกับบรรยากาศจัดงานของรัฐบาลที่ดำเนินมาด้วยดี ประชาชนทั่วไปกำลังมีความสุขในห้วงเวลามหามงคล อีกทั้งหากเกิดเหตุรุนแรง ก็จะเป็นการทำลายความสุขของพี่น้องคนไทย และสวนทางกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
นายสุริยะใส คงหลงลืมไปแล้วว่า ตอนรัฐบาลสมัคร กำลังจัดงานมหามงคล 116 วันจากวันแม่ถึงวันพ่อนั้น คน “ก๊วนไหน” ที่ทำลายความสุขของพี่น้องคนไทย และทำสวนทางกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะพระราชดำรัสของพระองค์ทรงตรัสไว้ และพระราชทานมาโดยตลอดทุกปี มิใช่เพิ่งจะมี
หรือนายสุริยะใส เพิ่งจะมี “สมอง” คิด
หรือที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมว่า
"ประเทศไทยของเราได้เสียหายเพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่มานานพอสมควร และส่งผลกระทบทางด้านสังคม เศรษฐกิจ มากเกินไปที่คนไทยจะปล่อยวาง พระราชดำรัสของพระองค์ท่านก็น่าจะเป็นสิ่งเตือนใจพวกเราได้เป็นอย่างดี กองทัพบกจะน้อมนำพระราชดำรัสไปยังส่วนต่างๆ ที่สามารถจะทำได้ภายในกลไกของเรา"
ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าผู้นำกองทัพจะน้อมนำเอาพระราชดำรัสไปปฏิบัติจริง แต่ควรจะน้อมนำเอาไปใช้ทั้งหมด โดยเฉพาะความตอนหนึ่งของพระราชดำรัส ที่พระองค์ทรงตรัสว่า
“...จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจใน หน้าที่ ของตนให้กระจ่าง แล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงหนักแน่นที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด…”
เพราะเพียงแค่ถ้า พล.อ.อนุพงษ์ เข้าใจใน “หน้าที่” ตั้งแต่สมัย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศชาติก็คงไม่เสียหายเพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่มานานขนาดนี้
การเลือกหยิบยกเพียงบางความบางตอนของพระราชดำรัสมากล่าวมาอ้าง ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ปัญหาภายในชาติของผู้มีอำนาจ
ดังนั้น การจะคืนความสงบสุขให้กับชาติบ้านเมือง จึงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างที่พูดๆ กัน ตราบที่ยังมีความพยายามตีความตามพระราชดำรัส...เข้าข้างตัวเอง
แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแสดงเจตนา โดยกล่าวถึงเรื่องความสงบสุขของชาติบ้านเมือง ไว้ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยฯ” ตอนหนึ่งว่า
“อันนี้ก็ถือเป็นงาน สำคัญ ที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ในเรื่องของการที่จะทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติสุขได้”
ไม่ว่าจะเป็นเจตนา “จริง” หรือเป็นเพียงแค่การเจตนา “สร้างภาพ” ก็ตาม แต่จะ “เกาถูกที่คัน”หรือเปล่า ยังคงน่าสงสัย
นี่ไม่ใช่เป็นการ “ชักใบให้เรือเสีย” แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมก็คือว่า ตัวนายอภิสิทธิ์เอง ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง จนบ้านเมืองไม่ปกติสุขตราบเท่าทุกวันนี้ เพราะเสียงส่วนใหญ่ของคนในชาติ…ไม่ได้เลือกนายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นผู้นำ
ซึ่งถ้าไม่มีการเปิดเผยเอกสารลับ “แผนบันได 4 ขั้น” ที่ปูทางไว้ให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อสาธารณชน แล้วล่ะก็
การขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ ก็จะต้องถือว่า มีความชอบธรรมเลยทีเดียว เพราะโหวตเลือกกันตาม “กติกา” ในสภาผู้แทนราษฎร
และอย่างน้อยก็จะปราศจากข้อสงสัยที่ว่า ขึ้นสู่ตำแหน่งได้ด้วยแผนขั้นที่ 5 ขั้นที่ 6 ตามที่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเคยลั่นวาจาไว้
ซึ่งถึงวันนี้ ก็เชื่อได้เลยว่า ยังมีคนไม่มากก็น้อยที่อดสงสัยไม่ได้ว่า
การเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชายที่มาตาม “กติกา” ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และการนิ่งเฉย ไม่รู้จักหน้าที่ของ “กองทัพ” ที่ปล่อยให้มีการก่อการร้ายยึดสนามบินนานาชาติ และยึดทำเนียบรัฐบาล
เป็นส่วนหนึ่งของแผนขั้นที่ 5 ขั้นที่ 6 หรือเปล่า ก็…ไม่รู้
ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นการปรามาสใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ารัฐบาลจะถือว่า การที่จะทำให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติสุขนั้นเป็นงาน “สำคัญ”
เมื่อ “อริยสัจ 4” คือธรรมะที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ บอกไว้ว่า “ต้องดับที่เหตุ” ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คนไทยก็จะรอดูว่า
นายอภิสิทธิ์ จะมีวิธีดับที่ “เหตุ” อย่างไร เพื่อที่จะทำให้บ้านเมืองกลับมาเป็นปกติสุข ตามพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ก็ในเมื่อ ตนเองก็เป็นหนึ่งใน “เหตุ” นั้น
ว่าแต่ว่างานนี้ รัฐบาลถือว่าเป็นงาน “สำคัญ” จริงหรือเปล่า? และ “สำคัญ” ขนาดไหน?
ที่มา: http://www.prachatouch.co.th/web/news_detail.asp?id=7204
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1232 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย sala
IP: Hide ip
, วันที่ 09 ธ.ค. 52
เวลา 14:37:54
|