ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
พรุ่งนี้ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ จะมีการสืบพยานอัยการ ๒ ปากสุดท้าย คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี – อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยอำมาตย์้เหลี่ยม และ นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)
ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจกย์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค.๒๕๕๑
ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เงินที่ได้จากซื้อขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ๑,๔๑๙,๔๙๐,๑๕๐ หุ้น ให้กลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ และเงินปันผลพร้อมดอกผลจากหุ้นดังกล่าว
๗๖,๖๒๑,๖๐๓,๐๖๑.๐๕ บาท
หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ๗.๖ หมื่นล้านบาท
ของอำมาตย์เหลี่ยม และครอบครัว รวมทั้งบุคคลใกล้ชิดที่มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ๒๒ รายให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยอัยการสูงสุด ระบุว่า
อำมาตย์เหลี่ยม มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติและมีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ โดยขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจสั่งการ มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ชินคอร์ป ของตัวเอง ๕ ประการ
หรือจะเรียกว่า อำมาตย์เหลี่ยม ใช้อำนาจทางการเมืองที่ตัวเองมี “สร้างเครื่องมือยักยอกทรัพย์ของแผ่นดิน” เป็นของตัวเองและครอบครัวก็ไม่ผิด เครื่องทั้ง ๕ ประกอบด้วย
๑.แปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคม เป็นภาษีสรรพสามิต ด้วยการตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.พิกัดอัตราภาษีสรรพาสามิต(พ.ศ.๒๕๒๗) พ.ศ.๒๕๔๖
พูดง่าย ๆ คือ หลังจากดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีแล้วอำมาตย์เหลี่ยมได้ตรวจพบว่ามีกฎหมายพิกัดอัตราสรรพสามิตเดิม พ.ศ.๒๕๒๗ บังคับใช้อยู่ทำให้ธุรกิจชินคอร์ปของตัวเองต้องเสียภาษสรรพสามิตสูงไป
จึงใช้อำนาจการเป็นนายกรัฐมนตรี แก้กฎหมายที่พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองในปี ๒๕๔๖ ว่างั้น
๒.วันที่ ๑๕ พ.ค.๒๕๔๔ แก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปรับลดส่วนแบ่งรายได้ ที่บริษัท AIS ของทักษิณและครอบครัว จะต้องให้บริษัท ทศท.จากการให้บริการโทรศัทพ์เคลื่อนที่แบบบัตรเติมร้อยละ ๒๕ – ๓๐ เหลือเพียงร้อยละ ๒๐
พูดง่าย ๆ คือ เมื่ออำมาตย์เหลี่ยมเป็นนายกรัฐมตรี ได้ ๓ เดือน (นับจากวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็นนายกฯ)
อำมาตย์เหลี่ยมก็จัดการแก้กฎหมายที่ทำให้ตัวเองเสียผลประโยชน์ต่อรัฐทันที… นี่แหละที่เรียกว่า “ยักยอก”
๓.เมื่อวันที่ ๒๐ ก.ย.๒๕๔๕ แก้ไขสัญญาอนุญาตให้ดำนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ปรับลดอัตราค่าใช้เครื่อข่ายรวม เอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป และ AIS โดยแก้ไขให้ AIS เข้าไปใช้เครือข่ายร่วมผู้ให้บริการรายอื่นที่มีผลให้ AIS ไม่ต้องจ่ายเงินกว่า ๑๘,๙๗๐,๕๗๙,๗๑๑ บาทให้แก บริษัท ทศท.และ กสท.
พูดง่าย ๆ เป็นนายกรัฐมนตรีปีที่ ๒ ก็พบว่า บริษัทชินคอร์ปและ AIS ของตัวเองและครอบครัว ต้องเสียให้ ทศท.และ กสท. ก็เลยใช้อำนาจการเป็นนายกรัฐฒนตรี แก้สัญญามันซะเลย ชินคอร์ป กับ AIS ก็สบายไป ส่วนเอกชนรายอื่นเป็นไง ข้าไม่สนใจ – ฮา
๔.เมื่อวันที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๔๗ แก้ไขสัญญาสัมปทาน อนุมัติโครงการยิงดาวเทียม IP STAR ให้แก้ไขใช้เงินค่าสินไหมทดแทนดาวเทียมไทยคม ๓ จำนวน ๖.๗ ล้านดอลลาร์ ไปเช่าช่องสัญญาต่างประเทศ เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป และ บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด
พูดง่าย ๆ เป็นนายกรัฐมนตรีนานขึ้นก็พบว่า มีกฎหมายที่บริษัทตัวเองและครอบครัวต้องเสียเปรียบรัฐ ก็ใช้อำนาจการเป็นนายกฯ แก้สัญญาอีก
๕.อนุมัติให้รัฐบาลหสภาพพม่ากู้เงินธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ๔,๐๐๐ ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และขยายเวลาปลอดการชำระหนี้จาก ๒ ปีเป็น ๕ ปี
เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การพัฒนาระดบบโทรคมนาคมของพม่า จาก บริษ ชิน แชทเทลไลท์ ของตัวเองและครอบครัว
พูดง่าย ๆ คืออำมาตย์เหลี่ยมใช้อำนาจการเป็นนายกฯ สั่งให้ ธนาคารส่งออกฯของไทย ให้รัฐบาลพม่ากู้ไป ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลพม่าเอาเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาทไปซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชิน แซทเทลไลน์ของตัวเองและครอบครัว
แล้วที่เลวระยำมาก ๆ ก็คือ เมื่อรัฐบาลพม่ากู้เงินมาซื้ออุปกรณ์ในบริษัทตัวเองแล้ว อำมาตย์เหลี่ยมยังสั่งให้ธนาคารขยายดเวลาชำระหนี้จาก ๒ เป็น ๕ ปั พูดง่าย ๆ (อีกที)ก็คือ รัฐบาลกู้เงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาทแล้วยังไม่ต้องใช้หนี้ธนาคารส่งออกฯได้ถึง ๕ ปี
คือตัวมันบริษัทมันได้ประโยชน์จากการขายอุปกรณ์โทรคมนาคมแล้ว พม่ายังไม่ต้องชำระหนี้เงินกู้ได้ ๕ ปี… ดูมันทำ !
เห็นไหมครับว่า ระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากอำมาตย์เหลี่ยมจะแสดงความมักใหญ่ใฝ่สูงให้เห็นในหลาย ๆ กรณี
เช่น นั่นทำบุญในโบถส์วัดพระแก้ว , ปล่อยให้ช่าวบ้านใช้ ธงทรงพระเจริญโปกให้ตัวเอง , แต่เครื่องแบบที่มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เต็มยศไปติดไว้ตามริมถนนสายสำคัญ ๆ
แต่งตั้งโยกย้ายพวกของตัวเองเข้าไปมีตำแหน่งใหญ่ ๆ ในวงราชการ , ตั้ง บริษัทหรือองค์กรอิสระให้ลูกน้องตัวเองไว้ไปถลุงเงินแผ่นดิน ฯลฯ แล้ว
อำมาตย์เหลี่ยมยังใช้ “สันดาน” ฉลาดแกมโกงที่ติดตัวมา ยักยอกทรัพย์ในแผ่นดินเป็นของตัวเองอย่างหน้าด้าน ๆ จนกระทั่ง “ลาภติดคอ” กลายเป็น “ทุกข์ลาภ” มาจนถึงบัดนี้
พรุ่งนี้ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย และนายกล้านงค์ จันทิก จะเบิกความในการณีที่ทักษิณอนุมัติให้พม่ากู้เงินไปซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมของอำมาตย์เหลี่ยม เพื่อตอกย้ำให้เห็นเหลี่ยมเล่ห์เพทุบายของอำมาตย์เหลี่ยม ที่พยายามดิ้นแล้วดิ้นอีกเพื่อที่จะกลับมามีอำนาจใหม่
มันเป็นนายกรัฐมนตรีไม่กี่ปีมันยัง “ยักยอก” ทรัพย์ของแผ่นดินไปถึงเพียงนี้
หากมันกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง งวดนี้มันไม่ล่อจนเกลี้ยงแผ่นดินหรอกหรือ ?
( ยักยอก – กันเอาไว้เป็นของตัวโดยทุจริต หรือ เบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นที่มอบให้ดูแล)..เจริญพร อิอิ
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|