ทักษิณโฟนอินเวทีชุมนุมเสื้อแดงหนองบัวลำภูให้ไปพบกันหน้าธนาคารกรุงเทพเหมือนสายน้ำสีแดงที่ไหลเข้าไป คนกรุงย่านสีลมวอนเสื้อแดงอย่าสร้างความเดือดร้อนวุ่นวาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอิน เข้ามาที่ เวทีชุมนุมเสื้อแดง ที่สนามนเรศวรมหาราช จ.หนองบัวลำภู เมื่อค่ำวันที่ 18 ก.พ. เพื่อปลุกให้กลุ่มเสื้อแดงเดินเข้ามาชุมนุม ที่หน้าธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ถนนสีลม ในวันที่19 ก.พ. “ขอให้พวกเราเดินทางไปพบกัน ที่หน้าธนาคารกรุงเทพเหมือนกับสายน้ำสีแดงที่ค่อยๆไหลเข้าไป เพราะหากไปทางรถทัวร์ ก็จะตกเป้าถูกสกัดจากทหาร ตำรวจได้ ดังนั้นขอให้เปลี่ยนไปใช้รถปิ๊กอัพและรถอีแต๊น เดินทางเข้าไปเป็นพันคัน ให้เป็นขบวนยาวๆเข้าไปเลย” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว น.ส.วันวิสาห์ ธัมมรังสี นักศึกษา อายุ 22 ปี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.พ.53) ว่า ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับ ประเทศชาติและประชาชนบริเวณใกล้เคียง ขณะเดียวกันอยากให้คนไทยรักกันมากกว่าเพราะในช่วงนี้ สังคมมีความแตกแยกอยู่แล้ว
น.ส.พัชราภรณ์ มะยงค์ นักศึกษา อายุ 24 ปี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะจะส่งผลให้การจราจรติดขัดซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ทำ งานและอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ด้านนายสมศักดิ์ สีทอง พนักงานบริษัทเอกชน อายุ 30 ปี กล่าวว่า เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตามสิทธิ์แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการชุมนุมทุกครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ของประเทศและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่ก็เป็นทางออกเดียวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้กล่าวอ้างมาตลอดว่ารัฐบาลมี 2 มาตรฐาน อีกทั้งตนเองยังมองว่ารัฐบาลยังไม่ได้พูดคุยกับคนเสื้อแดงอย่างจริงจัง ขณะที่ น.ส.กานต์ กานต์พรรณพงษ์ พนักงานบริษัทเอกชน อายุ 28 ปี มองว่า การชุมนุมในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่จะนำไปสู่คำถามว่ากระบวนการ ยุติธรรมของรัฐบาลมีประสิทธิภาพหรือไม่ อีกทั้งยังมองว่าหากรัฐบาลไม่มีมาตรการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ชัดเจนก็ จะทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุมที่ยืดเยื้อภายหลังจากการตัดสินคดียึด ทรัพย์ของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแตกแยกทางสังคมมากขึ้น