• ดูการสัมมนาที่จัดโดยกลุ่มกรุงเทพ 50 แล้ว มีความเห็นว่า.. |
โพสต์โดย คำหลอย , วันที่ 23 ก.พ. 53 เวลา 18:32:22 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ดูการสัมมนาที่จัดโดยกลุ่มกรุงเทพ 50 แล้ว มีความเห็นว่า..
การ จัดสัมมนาครั้งนี้แสดงว่า กลุ่มที่เป็น Social Elite ของชนชั้นกลางและชั้นสูง มองว่าพรรคประชาธิปัตย์และอำมาตย์ใกล้จุดจบแล้ว แต่ก็กังวลว่า คนเสื้อแดงจะเดินหน้าโยนระบอบอำมาตย์และวิถีจารีตนิยมทิ้งทั้งยวง
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินการทางการเมือง และผลประโยชน์ของพวกเขาในวันข้างหน้า
การ เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยและการเคลื่อนไหวต่อ ๆ ไป ของกลุ่มกรุงเทพ 50 มีพลังในแง่ความคิด ไม่ใช่พลังประท้วงแบบเสื้อแดงหลักทั้งหลาย พวกเขามีอิทธิพลทางความคิด เพราะเป็นตัวแทนของชนชั้นนำจำนวนหนึ่ง ความเห็นทางด้านยุทธวิธีจะต่างจากคนเสื้อแดงทั่วไป
ควรจะ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างด้วย Niche Market แบบพวกนี้ให้ผล เพราะจะได้พรรคพวกและลูกน้องของคนกลุ่มนี้มาร่วมด้วยแน่นอน
หัว ข้อการสัมมนาแม้จะเน้นไปที่แนวทางในปีนี้ของเมืองไทย แต่เนื้อหากลับเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า 80% สรุปได้ว่าทุกคนที่เข้าร่วมการสัมมนาเห็นตรงกันว่า ปัญหาของประเทศไทยเป็นปัญหาการเมือง และยึดอำนาจครั้งไหนก็ไม่เอาเศรษฐกิจและศาล มาเป็นมือไม้เหมือนครั้งนี้ เพราะจะเป็นผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถือเป็นวิธีแบบแต๋วแตกกระเทยควายโดยแท้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นต่อ ไม่ว่าจะทำให้ส่วนรวมพินาศแค่ไหน พวกนี้มันก็ไม่สนจริง ๆ
การ จัดสัมมนาครั้งนี้แสดงว่า กลุ่มที่เป็น Social Elite ของชนชั้นกลางและชั้นสูง มองว่าพรรคประชาธิปัตย์และอำมาตย์ใกล้จุดจบแล้ว แต่ก็กังวลว่า คนเสื้อแดงจะเดินหน้าโยนระบอบอำมาตย์และวิถีจารีตนิยมทิ้งทั้งยวง
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินการทางการเมือง และผลประโยชน์ของพวกเขาในวันข้างหน้า
การ เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยและการเคลื่อนไหวต่อ ๆ ไป ของกลุ่มกรุงเทพ 50 มีพลังในแง่ความคิด ไม่ใช่พลังประท้วงแบบเสื้อแดงหลักทั้งหลาย พวกเขามีอิทธิพลทางความคิด เพราะเป็นตัวแทนของชนชั้นนำจำนวนหนึ่ง ความเห็นทางด้านยุทธวิธีจะต่างจากคนเสื้อแดงทั่วไป
ควรจะ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างด้วย Niche Market แบบพวกนี้ให้ผล เพราะจะได้พรรคพวกและลูกน้องของคนกลุ่มนี้มาร่วมด้วยแน่นอน
หัว ข้อการสัมมนาแม้จะเน้นไปที่แนวทางในปีนี้ของเมืองไทย แต่เนื้อหากลับเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า 80% สรุปได้ว่าทุกคนที่เข้าร่วมการสัมมนาเห็นตรงกันว่า ปัญหาของประเทศไทยเป็นปัญหาการเมือง และยึดอำนาจครั้งไหนก็ไม่เอาเศรษฐกิจและศาล มาเป็นมือไม้เหมือนครั้งนี้ เพราะจะเป็นผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถือเป็นวิธีแบบแต๋วแตกกระเทยควายโดยแท้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นต่อ ไม่ว่าจะทำให้ส่วนรวมพินาศแค่ไหน พวกนี้มันก็ไม่สนจริง ๆ
การ จัดสัมมนาครั้งนี้แสดงว่า กลุ่มที่เป็น Social Elite ของชนชั้นกลางและชั้นสูง มองว่าพรรคประชาธิปัตย์และอำมาตย์ใกล้จุดจบแล้ว แต่ก็กังวลว่า คนเสื้อแดงจะเดินหน้าโยนระบอบอำมาตย์และวิถีจารีตนิยมทิ้งทั้งยวง
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินการทางการเมือง และผลประโยชน์ของพวกเขาในวันข้างหน้า
การ เข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยและการเคลื่อนไหวต่อ ๆ ไป ของกลุ่มกรุงเทพ 50 มีพลังในแง่ความคิด ไม่ใช่พลังประท้วงแบบเสื้อแดงหลักทั้งหลาย พวกเขามีอิทธิพลทางความคิด เพราะเป็นตัวแทนของชนชั้นนำจำนวนหนึ่ง ความเห็นทางด้านยุทธวิธีจะต่างจากคนเสื้อแดงทั่วไป
ควรจะ แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างด้วย Niche Market แบบพวกนี้ให้ผล เพราะจะได้พรรคพวกและลูกน้องของคนกลุ่มนี้มาร่วมด้วยแน่นอน
หัว ข้อการสัมมนาแม้จะเน้นไปที่แนวทางในปีนี้ของเมืองไทย แต่เนื้อหากลับเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า 80% สรุปได้ว่าทุกคนที่เข้าร่วมการสัมมนาเห็นตรงกันว่า ปัญหาของประเทศไทยเป็นปัญหาการเมือง และยึดอำนาจครั้งไหนก็ไม่เอาเศรษฐกิจและศาล มาเป็นมือไม้เหมือนครั้งนี้ เพราะจะเป็นผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถือเป็นวิธีแบบแต๋วแตกกระเทยควายโดยแท้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นต่อ ไม่ว่าจะทำให้ส่วนรวมพินาศแค่ไหน พวกนี้มันก็ไม่สนจริง ๆกลุ่มกรุงเทพ 50 นั้น ถ้าดูจากชื่อคนในกลุ่มแล้ว น่าที่จะนิยมอำมาตย์และรัฐบาล
เพราะ สถานะเศรษฐกิจสังคม คือพวกที่อำมาตย์และมาร์กเชื่อว่าต้องอยู่ฝ่ายเขา เพราะไม่ใช่กลุ่มคนที่พวกอำมาตย์ตราหน้าว่าเป็น “ไพร่ของทักษิณ” เลยสักคนเดียว
ขอให้ยึดหลัก “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” ต่อกลุ่มอื่น ๆ ในประเทศ
ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พนักงานบริษัท ฯลฯ
เพราะพวกเขาย่ิอมไม่ได้เดินแนวเดียวกับเสื้อแดงแท้ทุกอย่างแน่นอน
สำคัญที่สุดคือต้องทำให้พวกเขา “ตาสว่าง” กันให้หมดทุกคนให้ได้
ในช่วงท้าย ๆ ของสงครามปลดแอกทั่วโลก
จุดสำคัญคือการทำให้ทุกภาคส่วนในสังคมไม่ยอมรับชนชั้นปกครอง
ทำให้ภาคส่วนอื่น ๆ ที่มีจิตใจรักประชาธิปไตย ออกมาจากการยึดกุมของพวกศักดินาและ
อมาตยาธิปไตยให้หมด โดดเดี่ยวศัตรูของประชาชนให้ได้
ในสงครามปฏิวัติของจีน เวียดนาม นิคารากัว รัสเซีย อิหร่าน ฝรั่งเศส ฯลฯ นั้น
เมื่อ ถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ชนชั้นปกครองเดิมทุกที่ ไม่สามารถกุมอำนาจในกองทัพและสังคมได้เลย เพราะคนหลายกลุ่มหันไปหาฝ่ายปฏิวัติกันหมด หรือไม่ก็วางเฉยไม่เข้าร่วมกับศักดินาและอำมาตย์ สุดท้ายพวกนั้นก็ต้องถอย
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1456 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย คำหลอย
IP: Hide ip
, วันที่ 23 ก.พ. 53
เวลา 18:32:22
|