คนเสื้อแดง บ้านเฮา (หมายถึงในเขตอ.ฝาง-แม่อาย-ไชยปราการ) เริ่มมาจากเฮารู้สึกว่ามันบ่มีความเป็นธรรม มาตั้งแต่ปี 2549 แล้ว ตั้งแต่มีรัฐประหาร ติดตามข่าวทางทีวี ก็รู้สึกว่ามีความไม่ถูกต้องหลายเรื่อง ก็เลยตั้งกลุ่มพูดคุยกันวงเล็กวงน้อย ในตลาดบ้าง เวลาไปทำสวน ทำนาด้วยกันก็คุยกัน จากกลุ่มเล็กๆ ก็ค่อยขยายใหญ่ขึ้น พอปี 2550 -51 เฮาก็เริ่มได้ข่าวว่าในเมืองเชียงใหม่มีการจัดเวทีชุมนุมกันแถววัดพระสิงห์ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ หมู่เฮากลุ่มเล็กๆ ก็เลยพากันไปร่วมเวทีที่เชียงใหม่ ตอนนั้นก็ออกเงินกันเอง บ่มีใครมาชักจูงทั้งนั้น และเริ่มตั้งกลุ่มปี 2551 ตั้งเป็นกลุ่ม “ชมรักรักฝาง แม่อาย-ไชยปราการ” เฮารู้สึกบ่พอใจตั้งแต่เปิ้นมาไล่นายกฯ (ทักษิณ) ของเฮาออก ทำร้าย ส.ส. ก็เหมือนกับทำร้ายเฮา บ้านเมืองนี้มันบ่มีความเป็นธรรม มันมีปัญหาสองมาตรฐานมาตลอด พอสมชาย วงศ์สวัสดิ์มาเป็นนายกฯ ก็โดนไล่ออกอีก พอสมัครมาก็โดนไล่ออกอีก ที่อภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ ก็เหมือนกับอุ้มมาสำหรับพวกพ้องตัวเอง เฮาแค่ต้องการยุบสภา แล้วก็เลือกตั้งใหม่เท่านั้นเอง ต่อมาก็มีปัญหาสองมาตรฐานทุกเรื่องไม่จบสิ้น มีตลอด ตอนที่พันธมิตรไปยึดสนามบินก็ไม่มีใครดำเนินคดี แต่พอถึงคนเสื้อแดงชุมนุมบ้างกลับถูกจับ ถูกดำเนินคดี
ตอนที่เปิ้นจะลงประชามติรัฐธรรมนูญ 50 ก็อีก เขามีคำสั่งมาทางอำเภอเลยว่าให้ชาวบ้านรับร่างรัฐธรรมนูญ 50 เฮาบ่ยอมเซ็น เพราะมันไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่เฮาต้องการ แต่เขาก็ยังมาบังคับขืนใจเฮา ที่ไม่เห็นด้วยเพราะรัฐธรรมนูญ 50 เพราะมันสร้างกลไกที่เฮาเข้าไม่ถึง ไม่มีกฎเกณฑ์ จะเอาถูกเอาผิดกับใครก็ได้ เลือกปฏิบัติ เลือกใช้ได้ อย่าง กกต.ก็เป็นพวกของเขา ตามใจฉัน บ่มีความเสมอภาค มันเหมือนกับเป็นกลไกของเขา พวกเขาเองเฮาแค่ต้องการให้มีการยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่เท่านั้นเอง แต่เฮาก็โดนว่าเป็นเพราะทักษิณ ความจริงมันบ่เกี่ยว ถึงเลือกตั้งใหม่ แล้วทักษิณไม่กลับมา เฮาก็ยอมรับ เฮาขอแค่เลือกตั้ง และพิสูจน์กันไปเลย และเมื่อใครมาเป็นรัฐบาลก็อย่ามาไล่ออกไป ต้องยอมรับกติกากันทุกฝ่าย บ้านเมืองถึงจะมีความเป็นธรรม
ในช่วงที่เฮาไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง ที่บ้านเฮาจะมีการฮอมเงินกันบ้านละ 10 บาท 20 บาท คนมีเงินหน่อยก็ 100 บาท 200 บาท ใครมีมากก็ฮอมมากหน่อย อย่างคนที่ค้าขายในตัวอำเภอก็จะลงขันมากหน่อย คนทำสวน ทำนาก็น้อยหน่อย เมื่อเราตกลงใจว่าจะไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ เฮาก็เริ่มทำผ้าป่าก่อน หลังจากนั้นก็เลี้ยงโต๊ะจีน ทำคอนเสริ์ต์ ทำทุกอย่าง ก็ได้เงินเป็นแสนๆ ก็ตั้งวิทยุชุมชนขึ้นมา พอตั้งวิทยุชุมชน กลุ่มของเรายิ่งขยายเพิ่มขึ้น มันเหมือนกับว่าคนที่บ่พอใจรัฐบาลมีมากขึ้น เพราะเขารู้สึกอย่างเดียวกัน คือ “มันไม่ถูกต้อง ไม่มีความเป็นธรรม ,ปัญหาสองมาตรฐาน ”
เมื่อตั้งวิทยุชุมชนขึ้นมา ชาวบ้านสนใจฟังข่าวสารกันมาก วิทยุทรานซิสเตอร์ที่ขายในตลาดแทบไม่พอ เพราะชาวบ้านแห่กันซื้อ เพราะอยากฟังข่าวสารที่ไม่ได้มาจากกระแสหลัก กลุ่มของเฮาก็ขยายไปถึงบนดอยในเขตเชียงราย ชาวเขาเผ่ามูเซออร์ เขาก็มาร่วมกับเฮาทั้งหมู่บ้าน เขาก็เห็นว่ามันไม่ถูกต้องเหมือนกันบ้านเมืองเราตอนนี้ ตอนที่ทำผ้าป่า เขาก็ร่วมบริจาคด้วย พอไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ เขาก็เอาข้าวสารมาฮอม และการทำผ้าป่าก็อาจจะมีเงินของ ส.ส.บริจาคมาบ้างก็เป็นธรรมดา แต่เฮาไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะเงิน หรือใครจ้างมา เงินที่มีการบริจาคกันมา ก็เอามาเป็นกองกลาง ไว้จ่ายค่ารถบัส ค่าน้ำมัน ส่วนอาหารที่เอาไปชุมนุม ชาวบ้านจัดจัดการเอง วันที่ไปกรุงเทพฯ เฮาจะสับแปลี่ยนกำลังกันไป ครั้งหนี่ง แต่ละบ้านก็ไปเป็น 10 คันรถ ก็ประมาณ 100 กว่าคน
เหตุการณ์ที่วัดปทุมนั้น เฮาก็บ่เข้าใจว่าทำไมต้องยิงเข้าไปในวัดด้วย ทั้งๆ ที่เป็นเขตอภัยทาน พี่บาน ผู้หญิงคนเดียวในหมู่บ้านที่ไปเข้าร่วมชุมนุมตอนนั้น สะท้อนว่า ณ วินาทีนั้นเธอพร้อมตายที่ราชประสงค์ แต่ก็มีคนกระชากแขนเธอไปที่วัดปทุม ฯ และในเวลาต่อไปไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงปืนดังระรัว แล้วก็มีคนตาย...
จะปรองดอง ปฏิรูปแล้วคิดอย่างไร
ตอนนี้ที่ รัฐบาล และหลายฝ่ายกำลังเตรียมจะปรองดอง ปฏิรูป แก้รัฐธรรมนูญ และการระดมความเห็น 6 วัน 63 ล้านเสียงอะไรนั่น นั้น เฮาเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์เลย มันแค่การสร้างภาพ จะปรองดองตอนนี้ได้อย่างไรในเมื่อยังไม่มีการพิสูจน์เรื่องคนตาย ใครยิงประชาชน ประชาชนตายไปขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่มีใครพิสูจน์ความจริงก็ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย คณะกรรมการที่ตรวจสอบพิสูจน์ ตอนนี้ก็ไม่เป็นกลาง ถ้าจะให้เป็นกลางจริงต้องให้ต่างประเทศเข้ามาช่วยตรวจสอบ เพราะตอนนี้บ้านเมืองของเฮาไม่มีองค์กรไหนที่เป็นกลางสักองค์กรหนึ่ง ส่วนใหญ่เอียงหมด (เอียงเข้าข้างรัฐบาล)
หลังปราบปราม ประชาชนแล้ว คนเสื้อแดงที่กลับบ้านก็ยังไม่เป็นสุขเลย ต้องอยู่อย่างหลบซ่อน พอดูโทรทัศน์กระแสหลักก็รู้สึกว่ามันลำเอียง อยากทุบทีวีแล้ว และรู้สึกไม่มีเรื่องที่มันเป็นจริงเลย มีแต่โกหกกันไปวันๆ ชาวบ้านจะเลือกดูแต่เคเบิล เพราะยังทำให้ชาวบ้านรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงมากกว่า และเขาก็ยังเปิดพื้นที่ให้คนเสื้อแดงอยู่บ้าง ถ้าจะปฏิรูปและแก้รัฐธรรมนูญก็ต้องให้เกิดความยุติธรรมก่อน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก่อน อย่างนี้มันเหมือนกับทำเพื่อเป็นการสร้างภาพเท่านั้นเอง แล้วคนเสื้อแดงก็อยู่กับความอึดอัดคับข้องใจ
อย่างเรื่องปฏิรูปฯ ตอนนี้เฮาไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าถามชาวบ้านจริงๆ คือจะปฏิรูปก็ต้องเป็นเป็นธรรม ปฏิรูปที่ดินที่เขาคุยกันเมื่อเร็วๆ นี้ ตามความคิดของชาวบ้านมันยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง เพราะมันก็จะมีคนบางกลุ่มเท่านั้นเองที่ได้รับ และคิดว่านายทุนอีกที่จะได้ประโยชน์
ประชาธิปไตย-การแก้ปัญหาชาวบ้าน
ประชาธิปไตย ในความคิดของเฮาคือ ความยุติธรรม คือความเสมอภาค ถ้าจะยุติธรรมก็ต้องมีการเลือกตั้ง ไม่ใช่จะเปลี่ยนกฎกติกากันอย่างไรก็ได้ เอาใครมาเป็นนายกฯ ก็ได้ ยังมีการเลือกปฏิบัติอยู่ ไม่ใช่ประชาธิปไตย ปัญหาที่เป็นอยู่คือ คนที่มีอำนาจเขาไม่เคยมาถามเฮาว่าต้องการอะไร แต่เขากลับยัดเยียดสิ่งที่เฮาบ่ต้องการ เช่น เมื่อเร็วๆ นี้ เฮาเสนอทางการไปว่าชาวบ้านต้องการอ่างเก็บน้ำ เพราะมันแล้งมาก ชาวบ้านบ่มีน้ำใช้ทำนา ทำสวน แต่สิ่งที่ทางมหาดไทยเปิ้นบอกกลับมาคือ ให้ทำโครงการฝายแม้ว หรือปลูกป่า ต้องเป็นโครงการแบบที่เขาคิดไว้แล้ว แต่ตามความคิดชาวบ้าน ฝายแม้ว และปลูกป่า มันเป็นแค่โครงการสวยหรู แต่ไม่ตอบสนองความเป็นจริง เพราะปลูกป่าไป ป่าก็ถูกทำลาย และไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
นโยบายที่ชาวบ้านเห็นว่าเป็นประโยชน์ คือสมัยที่ทักษิณยังอยู่ รู้สึกว่าสอดคล้องกับความต้องการของชาวบ้าน อย่างเรื่องเงินกองทุนหมู่บ้าน มันสามารถช่วยชาวบ้านได้ลืมตาอ้าปากหลายราย เขาไม่ระบุ ไม่บังคับว่าชาวบ้านจะเอาเงินไปทำอะไร บางคนเอาเงินไปต่อทุน ลงทุนทำธุรกิจใหม่ๆ ได้ แต่พอมาถึงสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เขาจะระบุมาเลยว่าคนที่จะมากู้เงินต้องเอาเงินไปทำเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าชาวบ้านจะซื้อรถไถนา เขาก็บอกให้เราซื้อควาย มันถึงจะเป็นเศรษฐกิจพอเพียง ความเป็นจริงยุคนี้มันทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว เฮาไม่มีแรงขนาดนั้น ลูกหลานเฮาก็ไปเรียนในเมือง มันต้องมีเครื่องทุนแรงบ้าง
สิ่งที่จะบอกว่ามันเป็น ประชาธิปไตยหรือไม่ ให้ดูจากสื่อด้วย ตอนนี้ไม่มีสื่อไหนที่มีความเป็นกลาง สื่อเอียงข้างหมด มีแต่เรื่องโกหกของรัฐบาล ตอนนี้เฮาไม่ได้ดูสื่อหลักแล้ว มันดูไม่ได้เลย เฮาต้องมานั่งคุยกันเอง แล้วก็ดูเคเบิลที่ยังพอดูได้บ้าง