เพื่อไทยระส่ำ!ถูกบีบทุกด้าน ส.ส.จ่อคิวย้ายเพียบ
พรรค เพื่อไทยระส่ำหนัก ทุกกลุ่มมีแนวโน้มทิ้งเรือโดดหนีเพียบ โดยเฉพาะกลุ่มส.ส.ในพรรคถึงกับหนักใจ เพราะภท.เล่นเกมแรง “ซื้อตัว-ใช้อำนาจมหาดไทยบีบส.ส.ย้ายขั้ว” ส่วนการตัดท่อน้ำเลี้ยงเป็นอีกปัจจัยในการชนะเลือกตั้ง
ขณะ ที่นักวิชาการไม่อยากเปลืองตัว กลัวถูกศอฉ.ขึ้นบัญชีดำ “ล้มเจ้า-ก่อการร้าย” จึงมุ่งช่วยแค่เบื้องหลัง ขณะที่รองประธานภาค กทม.ยัน แม้พรรคอ่อนแอ แต่ยังเดินหน้า พร้อมเตรียม 12 นโยบายเลือกตั้งครั้งหน้าเทียบชั้นนโยบายประชานิยมสมัยไทยรักไทย ชี้เศรษฐกิจยังมี “โอฬาร-มิ่งขวัญ” ส่วน “เจ้หน่อย”ไม่ทิ้งส.ส.กทม.
ไม่ เพียงแต่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีข้อหาทั้งทางการเมืองและข้อหาทางกระบวนการยุติธรรมติด ตัว โดยเฉพาะล่าสุดการที่ศาลอนุมัติหมายจับในคดีก่อการร้ายก็ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณนอกจากจะใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศได้ยากขึ้นแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังถูกลดบทบาทในการอยู่เบื้องหลังทางการเมืองในประเทศไทยให้มี น้อยลง และยิ่งน้อยลงไปอีกเมื่อศอฉ.(ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) ใช้วิธีตัดท่อน้ำเลี้ยงคนใกล้ตัว พ.ต.ท.ทักษิณถึง 83 ราย
แน่ นอนว่าการเปลี่ยนเกมจากผู้รับกลายมาเล่นเกมรุกของรัฐบาลจะมีผลโดยตรงต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็พบว่าผลกระทบดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลโดยตรงต่อกลุ่มขบวนการเสื้อแดง ที่โดนตัดความช่วยเหลือทุกทางจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กลับกระทบหนักไปถึง “พรรคเพื่อไทย” ที่จะอยู่ได้ยากขึ้นด้วย ล่าสุดก็ยังเสีย ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคในฐานะมือนโยบายด้านเศรษฐกิจไปอีก ยิ่งทำให้ภาพของ “พรรคเพื่อไทย”อ่อนแอลงชัดเจนขึ้น...
ยิ่ง ถ้าเปรียบเทียบกับ “พรรคไทยรักไทย”ในสมัยก่อน วันนี้ “พรรคเพื่อไทย”ยังถือว่าอ่อนด้อยลงไปมาก ในช่วงระยะเวลา 10ปีที่ผ่านมา แถมจะดำรงเป็นพรรคการเมืองต่อไปก็ยากยิ่งกว่า
พรรคไทยรักไทย
รุ่งแค่ ภาพอดีต
พรรค ไทยรักไทยนั้นได้ชื่อว่าเป็น พรรคของคนรุ่นใหม่ และเป็นการเมืองแบบใหม่ในปี 2541-2544 ก่อนได้รับการเลือกตั้งอย่างท้วมท้นในปี 2544 จุดเด่นของพรรคไทยรักไทย นอกจากบุคลากรที่มีนักวิชาการจำนวนมากมาช่วยงานในพรรคแล้ว ยังมีนโยบายเป็นจุดขายที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการเลือกตั้งของไทย จากที่มีค่านิยมเลือกตั้งโดยเลือกที่ตัวบุคคล มาเป็นการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองที่มีนโยบายโดนใจ
ช่วง นั้นพรรคไทยรักไทยถือว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวในเวลานั้นที่นักวิชาการ อิสระสายต่างๆ ต่างแห่แหนกันเข้าไปช่วยในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศผ่านนโยบายด้วย เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่มีช่องทางในการแสดงความสามารถ
ขณะ ที่ในส่วนของการบริหารพรรคในรูปแบบบริษัท ก็ได้ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นแม่แรงหลักในการดูแลเรื่องต่างๆ ทั้งกฎเกณฑ์พนักงานต่างๆ และเงินสนับสนุน ส.ส.พรรคการเมือง โดยในการทำงานขับเคลื่อนพรรค ไทยรักไทยก็ได้แบ่งโครงสร้างการทำงานเป็น 2 สายได้แก่ สายวิชาการจัดทำนโยบาย และสายการเมืองเพื่อวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ซึ่งเป็นโครงสร้างการทำงานที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนจัดแยกงานเป็นโครง สร้างแบบนี้อย่างชัดเจนมาก่อน
แต่วันนี้ ภาพของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่เช่นนั้น โดยเฉพาะข้อหา “ขบวนการล้มเจ้า” และ “ก่อการร้าย” ได้ทำให้นักวิชาการสายไทยรักไทยไม่กล้าเข้ามาช่วยงานพรรคเพื่อไทย
ที่มา>>>
http://www.fwdder.com/topic/257167