กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
จุดธูปสาบานให้ข้อมูล แฉยิบทุกขั้นทุกตอน เมียธาริตฟ้อง"ตู่"แล้ว โต้สินบน-แค่ค่าบริการ
เปิดตัว - นายธีรชัย หรือเฮียเม้ง ธำรงพงศกร จุดธูปสาบานยืนยันว่าเป็นคนโอนเงิน 1.5 แสนบาท เข้าบัญชีนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ พร้อมโชว์ลายมือของนางวรรษมลที่เขียนเลขบัญชีและเบอร์โทร.ด้วย
|
เพื่อไทยเปิดตัว "เฮียเม้ง" คนโอนเงินให้เมียธาริต เพ็งดิษฐ์ เข้าพบ "เหลิม" จุดธูปสาบานก่อนให้ข้อมูลทั้งหมด ตั้งแต่ถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษี 1.7 ล้าน ต่อมามีคนแนะนำให้ไปปรึกษาเมียธาริต เจรจากันหลายครั้ง ตอนแรกเรียก 1 แสน ต่อมาเพิ่มเป็น 1.5 แสน อ้างจะไปช่วยลบข้อมูลที่กรมสรรพากรให้ แต่สุดท้ายก็โดนเรียกเก็บภาษีอยู่ดี จึงขอเงินคืนแต่บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนต้องเข้าร้องส.ส.เพื่อไทย "จตุพร" โชว์สลิปอีกรอบยืนยันของจริง ด้านเมียธาริตส่งทนายฟ้อง "ตู่" ฐานหมิ่นประมาทแล้ว พร้อมโต้รับสินบน อ้างแค่ค่าบริการบางอย่างแต่จะขอให้การในชั้นศาล ธาริตพาเจ้าของร้านเพชรมาแถลงยันเพชรไม่หาย แต่พูดไม่ตรงกัน ธาริตบอกบัญชีของกลางซ้ำกัน ส่วนเจ้าของร้านบอกตอนรับของกลางดูไม่ละเอียด
-เมียธาริตฟ้องจตุพร
เวลา 10.15 น. วันที่ 28 ก.ค. ที่ศาลอาญา นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มอบอำนาจให้นายธนากร แหวกวารี ทนาย ความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจุตพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91,326 และ328
ตามฟ้องโจทก์บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 23-25 ก.ค.2553 กลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไป ทำนองว่าโจทก์ใช้อำนาจของนายธาริต เรียกรับเงินจากนักธุรกิจคนหนึ่ง จำนวน 150,000 บาท โดยรับปากว่าจะช่วยเหลือคดีที่นักธุรกิจคนดังกล่าวถูกเรียกคืนภาษีย้อนหลัง 1.7 ล้านบาท ซึ่งข้อความดังกล่าวล้วนเป็นเท็จ เป็นการใส่ความทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายถูกเกลียดชัง จึงขอให้ศาลลงโทษตามความผิดด้วย ทั้งนี้ศาลรับเป็นคดีดำ อ.2323/2553 เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ วันที่ 6 ก.ย. เวลา 13.30 น.
-โต้สินบน-อ้างค่าบริการ
ด้านนายธนากร กล่าวถึงกรณีนายจตุพรนำสลิปการโอนเงิน 1.5 แสนบาทให้นางวรรษมล ออกมาเปิดเผยว่า ยอมรับว่ามีการโอนเงินกันจริง แต่เงินจำนวนดังกล่าวไม่ใช่เงินสินบน เป็นเงินค่าบริการบางอย่างที่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในชั้นนี้
"ไม่หนักใจที่นายจตุพร ขู่จะฟ้องกลับ เพราะเรื่องนี้ต้องสู้กันที่พยานหลักฐาน ซึ่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเราได้เตรียมพยานไว้ 2-3 ปาก โดยคุณวรรษมลจะขึ้นเป็นพยานเบิกความด้วยตัวเองเป็นปากแรก" นายธนากร กล่าว
-"ตู่"โชว์สลิปโอนเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันที่ศาลอาญา นายจตุพรได้นำสลิปโอนเงินชื่อบัญชีนางวรรษมล ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 370-2-08312-4 จำนวน 150,000 บาท เมื่อวันที่ 21 ก.ค.51 ที่อ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการลบข้อมูลภาษีโชว์ต่อสื่อมวลชนด้วย จากนั้นนายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่นางวรรษมลยื่นฟ้อง ว่า ตนพร้อมจะสู้คดี เพราะมีใบโอนเงินที่ได้รับมาจากผู้ร้องเรียนระหว่างการช่วยหาเสียงนายก่อแก้ว พิกุลทอง ในพื้นที่เขต 6 กทม.มาเป็นหลักฐาน
ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 28 ก.ค.นี้ "เฮียเม้ง" ที่เป็นคนโอนเงินเข้าบัญชีภรรยาอธิบดีดีเอสไอ จะเข้าพบตนเพื่อหารือด้านกฎหมาย ซึ่งตนได้แจ้งว่าเรื่องนี้หากต้องการให้ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน เจ้าตัวต้องแถลงข้อเท็จจริงเอง หากการพูดจากันได้ข้อตกลงแล้วเขายอมเปิดตัว ก็จะนำมาแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
-"เฮียเม้ง"รุดพท.-ให้ข้อมูล
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายธีรชัย ธำรงพงศกร หรือเฮียเม้ง เจ้าของบริษัทมังกรเหิรฟ้า ซึ่งเป็นผู้ระบุว่าเป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีนางวรรษมล มาพบร.ต.อ.เฉลิม ที่พรรคเพื่อไทยเพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมาย จากนั้นจึงได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยก่อนการแถลงข่าวนายธีรชัยได้จุดธูปเทียนไหว้พระ สาบานว่าทุกอย่างที่แถลงต่อจากนี้เป็นความจริง หากไม่เป็นจริงขอให้มีอันเป็นไปใน 1 สัปดาห์หรือ 1 เดือน แต่หากใครนำข้อความของตนไปดัดแปลง ทำ 2 มาตรฐาน ก็ขอให้ฉิบหาย มีอันเป็นไปทั้งครอบครัว
จากนั้น นายธีรชัย กล่าวว่า ตนทำธุรกิจเป็นฟรีแลนซ์เกี่ยวกับการจัดงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเช่าโต๊ะ เก้าอี้ เต็นท์ ใครจะจัดงาน แล้วต้องการอุปกรณ์เหล่านี้ ก็จะไปติดต่อจัดหามาให้ เรียนจบแค่ป. 4 ไม่รู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอะไร ทำมาหากินอย่างเดียว เวลาเก็บเงินก็เก็บเงินสด แต่จะถูกหักครั้งละ 3-5 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นการเสียภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่พอมาปี 2551 กรมสรรพากร ได้มีหนังสือแจ้งให้มาว่าเมื่อปี 2550 ตนมีรายได้ประมาณ 5 ล้านบาท และต้องเสียภาษี 1.7 ล้านบาท ก็ตกใจมาก เพราะถึงบอกว่ามีรายได้ 5 ล้านบาท ก็ไม่ใช่กำไรทั้งหมด แต่ต้องมีส่วนที่จ่ายในการมัดจำหรือค่าเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจ่ายเป็นเงิดสดทั้งหมด ไม่เคยขอใบเสร็จไว้ จึงได้ไปปรึกษาคนนั้นคนนี้
-แฉแหลก-โชว์หลักฐาน
นายธีรชัย กล่าวว่า ลูกชายของตนซึ่งทำงานเป็นครูสอนฟิตเนส อยู่ที่เอสพลานาด ได้รู้จักสมาชิกฟิตเนสคนหนึ่ง แนะนำว่ามีน้องชาย เป็นทนายความสำนักงานกฎหมาย-บัญชี ซึ่งแนะนำว่ามีญาติอยู่คนหนึ่ง ทำงานอยู่ที่สรรพสามิต ชื่อว่านางวรรษมล จากนั้นจึงได้นัดพบปะนางวรรษมลครั้งแรกที่ห้างจัสโก้ รัตนา ธิเบศร์ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้างเซ็นทรัลแล้ว ครั้งที่ 2 ไปที่บ้านหลังวัดดอนเมือง ซึ่งนางวรรษมล ระบุว่าทำงานอยู่สรรพสามิต แต่รู้จักกับหัวหน้าสรรพากร บางกะปิ ซึ่งเป็นย่านที่อยู่ของตน การพบนางวรรษมล ได้ปรึกษาว่าจะขอลด หย่อนอะไรได้หรือไม่ เพราะถ้าเก็บกัน 1.7 ล้านบาทไม่ไหวจริงๆ อีก 2 วันเขาก็โทรศัพท์มาหา บอกว่าเจ้านายบอกขอค่าดำเนินการ 1 แสนบาท
"ผมบอกว่าแสนนึงก็ต้องไปกู้เขามา เขาก็บอกว่าลองคิดดูแล้วกันว่า เงิน 1 แสนบาทแลกกับ 1.7 ล้านบาท คุ้มหรือไม่คุ้ม ก็พยายามไปติดต่อหาเงินกู้ จน 1 สัปดาห์ผ่านไปได้เงินกู้แล้ว ติดต่อกลับไปเขาบอกว่า 1 แสนบาทไม่พอแล้ว ต้องขอเพิ่มเป็น 1.5 แสนบาท ผมต้องกู้เพิ่มแล้วจ่ายคืนให้นายทุนดือนละ 2 หมื่นบาท 10 เดือน เท่ากับว่าต้องจ่ายเงินกู้ 2 แสนบาท หลังจากการพูดคุยแล้วเรียกเงินค่าดำเนินการ 1 แสนบาท นางวรรษมลได้เขียนชื่อธนาคารชื่อบัญชีและเลขบัญชี รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ใส่เศษกระดาษให้ด้วย" นายธีรชัยกล่าว พร้อมโชว์แผ่นกระดาษดังกล่าวให้ดู
-สุดท้ายต้องจ่ายภาษี-เงินก็สูญ
นายธีรชัย กล่าวว่า เมื่อจ่ายเงินเสร็จ ตนก็ถามหาหลักฐานที่ระบุว่าลดหย่อนภาษีหรือไม่ต้องจ่าย เขาก็บอกว่าหลักฐานไม่มี เพราะเขาใช้วิธีการลบข้อมูล โดยจะลบข้อมูลว่าเคยมีเงินได้ 5 ล้านบาท ออก ก็จะไม่มีหลักฐานว่าต้องเสียภาษี ตนเรียนแค่ป.4 ก็นึกว่าทำได้จริง จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปกว่า 1 ปี ช่วงนั้นตนย้ายบ้านมาอยู่เขตคลองสามวา เมื่อถึงปลายปี 2552 ก็มีหนังสือจากสรรพากร มีนบุรี แจ้งมาอีกว่าตนยังไม่ได้ชำระภาษี 1.7 ล้านบาท ก็ตกใจแล้วจึงให้คนทำบัญชีไปยื่นเรื่องต่อสรรพากร มีนบุรี เพราะหลังจากที่มีเรื่อง ตนก็จดทะเบียนบริษัทให้ถูกต้อง มีผู้ทำบัญชีเรียบร้อย เมื่อเจรจากันเสร็จสรรพากร ก็บอกว่าลดหย่อนภาษีให้ได้เหลือ 7 แสนบาท ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ผ่อนชำระภาษีเดือนละ 4 หมื่นบาทกับกรมสรรพากร
นายธีรชัย กล่าวอีกว่า หลังจากที่สรรพากรมีหนังสือมาถึง ก็พยายามติดต่อนางวรรษมล เพื่อสอบถามว่าทำไมเรื่องเป็นอย่างนี้ แล้วเมื่อลดหย่อนภาษีได้แล้ว จึงขอเงิน 1.5 แสนบาทที่เคยให้ไปคืน แต่นางวรรษมลก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อครั้งที่พรรคเพื่อไทย ไปปราศรัยที่สวนสยาม ตนจึงเอาข้อมูลไปร้องเรียนต่อนาย วิชาญ มีนชัยนันท์ นายวิชาญก็แนะนำให้เอาข้อมูลไปให้นายจตุพร จึงไปบอกนายจตุพร ก็เอาไปปราศรัยบนเวทีเลย เรื่องมันเลยเกิดเป็นอย่างนี้
-พร้อมเป็นพยานให้จตุพร
นายธีรชัย กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวออกไป ก็มีการติดต่อจากทนายความที่แนะนำให้รู้จักกับนางวรรษมล ว่าขอพูดคุยกันหน่อย แล้วก็จะคืนเงินให้ โดยนัดไปพบที่ห้างโลตัส แถวเลียบทางด่วนรามอินทรา แต่ตนไม่กล้าไปพบ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เงินก็อยากได้คืนแต่หากมีลูกเล่นแล้วใส่ความตนอีก จะทำอย่างไร "ถ้าถามว่าทำไมไม่ยื่นเรื่องตามกระ บวนการยุติธรรม ก็ต้องบอกว่าไม่กล้ายื่นเพราะกลัว จริงๆไม่อยากรบกับเขาหรอก แต่เมื่อเห็นร.ต.อ.เฉลิม รบกับนายธาริตอยู่ก็เลยเอาเรื่องนี้มาให้ แล้วก็พร้อมจะขึ้นหลังเสือพร้อมๆกัน" นายธีรชัย กล่าว
เมื่อถามว่า พร้อมที่จะเป็นพยานในคดีที่นายจตุพร ถูกฟ้องหมิ่นประมาทหรือไม่ นายธีรชัย กล่าวว่า หากจำเป็นต้องเป็นพยานก็พร้อมให้การตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง เมื่อถามว่าหลังจากเหตุการณ์นี้กังวลความปลอดภัยของตัวเองหรือไม่ นายธีรชัย กล่าวว่า กลัว เพราะงานของตนต้องออกไปข้างนอกตลอดเวลา แต่ก็คิดว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย คนที่พูดความจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะต้องคุ้มครอง
-อ้างลายมือเมียธาริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าว นายธีรชัยได้นำกระดาษที่ระบุว่าเขียนด้วยลายมือของนางวรรษมล มีข้อความว่า "B.ไทยพาณิชย์/ สาขา เทสโก้ โลตัส รังสิต ชื่อนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เลขที่ 370-208312-4 Tel.(081)713-2142" รวมทั้งเอกสารการผ่อนชำระภาษีของบริษัทมังกรเหิรฟ้า เดือนละ 4 หมื่นบาท มาแสดงด้วย
รายงานข่าวแจ้ง การเข้าพบร.ต.อ.เฉลิม ครั้งนี้ เฮียเม้ง ยังมาขอความคุ้มครองเพราะไม่มั่นใจว่าเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวหลายเป็นข่าวต่อ สาธาณะ และสร้างความเสียหายให้ผู้มีอำนาจในขณะนี้ อาจทำให้ตนเองไม่ปลอดภัยได้ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม รับปากจะช่วยดูแล
-อธิบดียันลบข้อมูลไม่ได้
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพา กร กล่าวถึงกรณีการวิ่งเต้นเพื่อลบข้อมูล ผู้เสียภาษีของกรมสรรพากร ว่า ขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะระบบการเข้าถึงข้อมูลผู้เสียภาษีของกรมสรรพากร มีระบบป้องกันที่ดีมาก การดูข้อมูลผู้เสียภาษีจะมีรหัสให้กับข้าราชการตั้งแต่ระดับ 7 และแบ่งเป็นแต่ละสำนักสรรพากรพื้นที่ สรรพากรภาค และระดับกรม ซึ่งรหัสจะถูกล็อกแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ และการเปิดเผยข้อมูลผู้เสียภาษียังถือว่าผิดกฎหมาย มาตรา 10 ตามประมวลกฎหมายรัษฎากรด้วย
-"ธาริต"ควงเสี่ยจิวเวลรี่แถลง
ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อ 10.00 น. นายธาริต และนายฐติพล ไพศาลมั่นคง เจ้าของร้านสยาม จิวเวลรี่ เซ็นเตอร์ แถลงข่าวร่วมกันถึงกรณีเครื่องประดับเพชรที่ตรวจยึดมาจากรถยนต์คันหนึ่งในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องประดับเพชรดังกล่าวได้ตกเป็นของกลาง และเกิดสูญหายไประหว่างการเก็บรักษาที่ดีเอสไอ
นายธาริต แถลงว่า กรณีเครื่องประดับเพชรสูญหายครั้งนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม มอบหมายให้ พ.อ.เฟื่องวิชช์ อนิรุทธเทวา เลขานุการรมว.ยุติธรรม ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค. พ.อ.เฟื่องวิชช์ เป็นประธานตรวจสอบและส่งมอบของกลางคืนต่อหน้าสักขีพยานหลายฝ่าย โดยมีนายฐติพล ผู้เสียหาย ร่วมตรวจสอบด้วย ขั้นตอนทั้งหมดมีการทำอย่างเปิดเผย มีการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ซึ่งยอมรับว่าเครื่องประดับมีชิ้นเล็กชิ้นน้อย จึงมีความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการตรวจนับ โดยเฉพาะในบัญชีที่อ้างว่ามีการสูญหายอยู่ในบัญชีของกลางรายการที่ 90 กับ 99 ซึ่งทับซ้อนกัน แต่เมื่อตรวจสอบและถ่ายรูปทีละชิ้น สุดท้ายพบว่าไม่มีของกลางรายการใดสูญหาย ทั้งนี้ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้รมว.ยุติธรรมรับทราบแล้ว
-เจ้าของร้านรีบสรุปเพชรอยู่ครบ
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า ของกลางที่เป็นอัญมณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีการก่อการร้าย พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จึงได้คืนให้กับเจ้าของไปแล้ว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เป็นผู้ส่งคืนของกลางให้กับเจ้าของที่แท้จริง สำหรับการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งมี นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานนั้นจะตรวจสอบใน 2 ประเด็นหลัก คือ กรณีที่มีของหาย กับกรณีที่มีกระแสข่าวจ่ายเงิน 3 แสนบาท ให้กับผู้เสียหาย
นายฐติพล กล่าวว่า วันนี้ได้นำเครื่องเพชร ประกอบด้วย แหวน ต่างหู และสร้อยข้อมือ 3 รายการ มูลค่ากว่า 1 แสนบาท มาประกอบการแถลงข่าวด้วย โดยยืนยันว่าได้รับของกลางครบถ้วนหมดแล้ว ครั้งแรกมีแหวน 2 วง กับต่างหู 1 คู่ แต่การไปดูครั้งแรกอาจเพราะเร่งรีบ และไม่สามารถแกะของกลางซึ่งอยู่ในซองพลาสติกมาดูได้อย่างละเอียด ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเครื่องเพชรสูญหาย แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อธิบดีดีเอสไอเปิดให้เข้าไปดูของกลางอีกครั้งอย่างละเอียด ก็พบว่าเครื่องเพชรอยู่ครบ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าบัญชีของกลางของเจ้าหน้าที่กับของตนไม่ตรงกัน จึงทำให้เข้าใจผิด และไม่ขอตอบคำถามหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติม ข้อเท็จจริงทุกอย่างเป็นไปตามการแถลงข่าว
-"เฟื่องวิชช์"เบี้ยวแถลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ เดิมพ.อ.เฟื่องวิชช์ มีกำหนดจะมาแถลงข่าวด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นผู้รับผิดชอบการตรวจสอบกรณีเพชรของกลางสูญหาย แต่เมื่อถึงเวลาแถลงปรากฏว่าพ.อ.เฟื่องวิชช์ กลับไม่มาร่วมแถลงข่าว ทั้งที่นั่งทำงานอยู่บนชั้น 38 ของอาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค โดยอ้างว่าถูกนายพีระพันธุ์ เรียกพบด่วน ทำให้นายธาริต ต้องแถลงข่าวแทนร่วมกับนายฐติพล และเป็นที่สังเกตว่าสำนักงานรมว.ยุติธรรม ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาบันทึกภาพผู้สื่อข่าวทุกรายที่ซักถามข้อมูลเกี่ยวกับคดีเพชรครั้งนี้ด้วย
ข่าวจาก ข่าวสด
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|