"แดง"จุดพลุ"2 มาตรฐาน" ชุมนุมหน้าศาลอาญา และหลักฐานใหม่ "วิกีลีกส์" "ทูตสหรัฐรู้ล่วงหน้า 1 เดือน ยุบพลังประชาชน"
วันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.ph...&subcatid=
การตัดสินใจปรับขบวนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ จากเดิมที่ตั้งขบวนที่เรือนจำคลองเปรม และมุ่งหน้าไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ล่าสุด แกนนำ "คนเสื้อแดง" ตัดสินใจเปลี่ยน "จุดเริ่มต้น" ใหม่
จาก "เรือนจำคลองเปรม" เป็นหน้า "ศาลอาญา"
แน่นอน เป้าหมายของ "คนเสื้อแดง" คือการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ "แกนนำ" ที่ไม่ได้รับการประกันตัว
การเคลื่อนไหวของ "จตุพร พรหมพันธุ์" และ "ธิดา ถาวรเศรษฐ์" ในช่วงหลังพุ่งเป้าไปที่กระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการส่งจดหมายถึงผู้พิพากษา 1,300 คน
หรือการชุมนุมที่หน้าศาลอาญาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และอีกครั้งที่หน้าศาลฎีกาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์
แม้จะบอกว่าเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ภาพที่ออกมาถือว่าเป็นการกดดันอำนาจศาลอย่างเปิดเผย
เพราะ "คนเสื้อแดง" รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่"แกนนำ"ถูกกุมขังมาเป็นเวลา 8 เดือน ไม่ได้รับการประกันตัว
ในขณะที่แกนนำ "เสื้อเหลือง" อย่าง "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์-สมบูรณ์ ทองบุราณ" ซึ่งเจอข้อหาก่อการร้ายเหมือนกันได้รับการประกันตัวในวงเงินที่ต่ำมาก
แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีคนแย้งว่าแม้ "ข้อหา" จะเหมือนกัน แต่ "ความรุนแรง" ของคดีแตกต่างกัน
"เสื้อเหลือง" ยึดสนามบิน แต่ "เสื้อแดง" มีการใช้อาวุธและเผาบ้านเผาเมือง
ดุลพินิจของผู้พิพากษาจึงแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ "คณิต ณ นคร" อดีตอัยการสูงสุด ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ(ศอป.) ออกมาให้ความเห็นว่าแกนนำ นปช.ควรได้รับการประกันตัว
"น้ำหนัก" ของ "คนเสื้อแดง" จึงเพิ่มขึ้น
วันนี้ "จตุพร-ธิดา" มั่นใจแล้วว่าพลังของ "คนเสื้อแดง" กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
และเชื่อกว่าวันที่ 13 นี้ ปริมาณคนที่มาร่วมชุมนุมจะเพิ่มขึ้นกว่าครั้งก่อน
เขาจึงรุกฆาตไปยังที่ "อำนาจ" ซึ่งไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์มาก่อน
และเปิดประเด็นเรื่อง"2 มาตรฐาน"อีกครั้ง
........................
ในช่วงเดียวกัน "พงศ์เทพ เทพกาญจนา" อดีตผู้พิพากษา และแกนนำพรรคไทยรักไทยในอดีต ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แวดวงตุลาการอย่างรุนแรงในหนังสือพิมพ์ประชาชาติ ธุรกิจ
เขาเปิดประเด็นเรื่องเบื้องหลังการตัดสินคดีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สมัยที่ "นพดล ปัทมะ" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
"ตอนหลังมีข้อมูลซี่งมีน้ำหนักว่ามีการจ่ายสำนวนไปแล้วโดยองค์คณะลงมติแล้ว 3 ต่อ 2 หลังจากนั้นมีการโอนสำนวนไปให้อีกคณะหนึ่ง ซึ่งประธานศาลศาลปกครองเป็นหัวหน้าคณะเอง แล้วตัดสินมาเป็นอีกอย่างหนึ่ง ผมทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องไปขอคัดสำนวนนี้แล้วถูกกีดกันไม่ให้คัด ไม่ให้ดูบางส่วนของสำนวน มีการมาควบคุมเคร่งครัดซึ่งผิดปกติมาก ภายหลังทราบจากสื่อมวลชนว่าเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 ป.ป.ช. มีมติให้รับเรื่องกล่าวหาอดีตประธานศาลปกครองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการ สั่งเปลี่ยนองค์คณะ"
หรืออีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการยุบพรรคพลังประชาชน
เขาบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญนัดเรื่องการสืบพยานในวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อฟังว่าจะสืบพยานกี่ปาก จะได้กำหนดวันต่อไป
"แต่พอไปถึงศาลสั่งไม่ต้องสืบพยานแล้ว แล้วให้นัดแถลงการณ์ปิดคดีในวันอังคารที่ 2 ธันวาคม ให้เวลาในการเตรียมตัว 3 วัน ซึ่งเป็นวันหยุด 2 วัน ทั้งๆ ที่ทั้ง 3 พรรคไม่คิดว่าคดีจะเสร็จ คดีสำคัญที่มีผลยุบพรรคการเมือง 3 พรรค ซึ่งมีส.ส.ในสภา เยอะแยะ ลองไปถามผู้พิพากษาที่คุณเห็นว่าเที่ยงธรรม ดูซิว่ามีท่านใดเห็นควรให้เวลาเตรียมเพียง 3 วันบ้าง"
"พอคู่ความแถลงการณ์ปิดคดีเสร็จ ศาลประชุมปรึกษา ตุลาการแต่ละคนต้องแถลงความเห็นส่วนตน แล้วต้องมีการเขียนคำวินิจฉัยกลาง ศาลใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในขั้นตอนนี้ แล้วออกไปอ่านคำวินิจฉัย"
นั่นคือ บทสัมภาษณ์ของ"พงศ์เทพ"
ในขณะเดียวกัน "วิกีลีกส์" ก็เปิดเอกสารลับของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ฉบับวันที่ 6 พฤศจิกายน
เอกสารนี้เผยแพร่ออกมาเมื่อประมาณ 1-2 เดือนก่อน
เอกสารลับฉบับนี้ระบุว่าทูตสหรัฐได้พบกับ "แหล่งข่าว" ที่เป็น "ชนชั้นสูง" คนหนึ่งที่บ้านพักทูตเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน
ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคเกือบ 1 เดือน
"แหล่งข่าว" คนนั้นบอกทูตสหรัฐว่า "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นายกรัฐมนตรีคงไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้นานนัก เพราะเขาคงจะถูกปลดโดยคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคพลังประชาชน
ซึ่งเขาเชื่อว่าศาลจะมีคำตัดสินก่อนวันที่ 5 ธันวาคม
นี่คือ คำทำนายเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน
ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดเรื่องสืบพยานในวันที่ 28 พฤศจิกายนและเปลี่ยนใจไม่ต้องสืบพยาน
ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนี้ในวันที่ 2 ธันวาคม
เป็นไปตาม "คำทำนาย" ของ "แหล่งข่าว"
---------------------------------------------
ชุมนุมที่ศาลก็ดีแล้วครับ ศาลจะได้ทราบว่าคนเสื้อแดงรู้สึกต่อการทำหน้าที่ของศาลอย่างไร ข้อหาเดียวกัน แต่ใช้ดุลพินิจต่างกัน บอกว่าการยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ ร้ายแรงน้อยกว่าการเผาบ้านเผาเมืองที่มีคนตายจำนวนมาก
แต่พนักงานอัยการหรือศาลมีหลักฐานแน่ชัดแล้วหรือว่า แกนนำเกี่ยวข้องในการฆ่าและเผาบ้านเผาเมือง ยิ่งตอนหลังมีหลักฐานเป็นคลิปหรือภาพถ่ายที่อาจแสดงได้ว่ามีการจัดฉากกระทำ โดยฝ่ายอื่น ศาลก็น่าจะอนุญาตให้ฝ่ายเสื้อแดงได้รับประกันตัวบ้าง คนมันจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกกดขี่เหยียบย่ำอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝ่ายการดำเนินคดีเป็นอย่างล่าช้า คดียังอยู่ในชั้นตำรวจ ชั้นอัยการ เลื่อนแล้ว เลื่อนอีก บางคนมีหมายจับ ก็ไม่ถูกจับ ถูกจับก็ได้รับประกันโดยเร็วในวงเงินที่ต่ำ ขับรถไล่ทับตำรวจ ก็วินิจฉัยว่าบันดาลโทสะ รอการลงโทษให้ แล้วจะอยู่กันอย่างไงครับ ประเทศไทย