กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
"คณิต-หนั่น"ขึ้นเป็นพยานช่วย ดีเอสไอค้านเว้น"เหวง-ก่อแก้ว"
ลุ้นวันนี้ - เจ้าหน้าที่คุมตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อม แกนนำนปช. ออกจาก ห้องพิจารณาคดี หลังการไต่สวนยื่นขอประกันตัว โดยศาลนัดฟังคำสั่งเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.พ.นี้
|
ศาลไต่สวนคำร้อง 7 แกนนำแดงยื่นขอประกันตัว โดยฝ่ายดีเอสไอและอัยการยื่นคัดค้านประกัน 5 คน ยกเว้น'หมอเหวง'กับ'ก่อแก้ว' ฝ่ายนปช.เบิกตัวคณิต ณ นคร, ผบ.เรือนจำ เสธ.หนั่น และผบก.น.1 เป็นพยาน ยืนยันหากศาลปล่อยตัวเชื่อไม่มีปัญหาหลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยาน ด้านณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แถลงขอโอกาสออกไปต่อสู้คดี โดยศาลนัดชี้ชะตาวันนี้ พนง. สอบสวนดีเอสไอรุดชี้แจงวุฒิสภาแทน'ธาริต' โดนซักหนักโดยเฉพาะเรื่อง 2 มาตรฐานเมื่อเทียบกับคดีเสื้อเหลืองยึดสนามบิน-ทำเนียบ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ก.พ. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนคำร้องที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, น.พ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิสิต สินธุไพร, นายขวัญชัย ไพรพนา, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 3,4,5,6,7,8 และ 10 คดีร่วมกันก่อการร้าย ขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยยื่นหลักทรัพย์เงินสดคนละ 600,000 บาท โดยในวันนี้แกนนำทั้ง 7 คน ถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย
ศาลเบิกตัวพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก. น.1 เข้าไต่สวนเป็นพยานปากแรก ระบุว่าได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นตัวแทนประสานงานกับแกนนำ นปช. ในการดูแลการชุมนุม ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งด้านการหลีกเลี่ยงเส้นทางและการกีดขวางจราจร และการตรวจสอบไม่พบการสะสมอาวุธในพื้นที่การชุมนุม
จากนั้นนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชา การเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เบิกความเป็นพยานปากที่ 2 ระบุว่า ระหว่างถูกคุมขังแกนนำ นปช. 7 คน ซึ่งถูกแยกแดนขังนั้นมีความประพฤติเรียบ ร้อยปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำทุกประการ ไม่เคยก่อความวุ่นวายและให้ความร่วมมือกับเรือนจำเป็นอย่างดี ส่วนจำเลยที่ 11 นายภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุจินดาทอง ที่มีอาการป่วยด้วยโรคหัวใจ เคยมีอาการป่วยช่วงกลางคืน ซึ่งไม่สะดวก ในการรักษา เพราะสถานพยาบาลในเรือนจำจะมีเพียงพยาบาลช่วงกลางคืน หากมีอาการต้องส่งตัวไปยังสถานพยาบาลนอกเรือนจำ โดยตามระเบียบการนำตัวออกต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง การรักษาจึงไม่สะดวก
ด้านนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 คดีร่วมกันก่อการร้าย พยานปากที่ 3 เบิกความเล่าถึงจุดเริ่มการชุมนุมว่า มีจุดมุ่งหมายเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ และมีการชุมนุมระยะหนึ่งรัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรมการอิสระแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อความปรอง ดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ได้มีแนวทางหลายเรื่อง อย่างไรก็ดีหาก 7 แกนนำ นปช. ได้รับการประ กันตัว เชื่อว่าจะมีวุฒิภาวะที่จะไม่เข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานและจะไม่หลบหนี ส่วนที่คิดว่าการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วจะไปก่อความวุ่นวายนั้น ส่วนตัวคิดว่าในทางกลับกันเมื่อปล่อยตัวชั่วคราวแล้วจะเป็นการสร้างความปรองดองให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขมากกว่า
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. จำเลยที่ 3 ขึ้นเบิกความเป็นพยานปากที่ 4 ระบุว่า การชุมนุม นปช. ยึดหลักสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรงในการต่อสู้ โดยตนและแกนนำ นปช. เข้ามอบตัว เมื่อประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งหลังจากเดินลงจากเวทีไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารหรือตำรวจมารอจับกุม แต่ทุกคนเดินเข้ามอบตัวเอง ขณะที่ทุกคนพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและต่อสู้คดีตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง
นายณัฐวุฒิ เบิกความอีกว่าระหว่างการชุมนุม แกนนำ นปช. ประชุมร่วมกันและมีมติที่ประชุมที่พร้อมเจรจากับทุกฝ่าย เช่นรัฐบาลจนได้มีการกำหนดวันเลือกตั้ง 14 พ.ย. 2553 หรือการเจรจาโดยมีส.ว.เป็นตัวแทน แต่ที่ไม่อาจยุติการชุมนุมได้ทันทีเนื่องจากขณะนั้นผู้ชุมนุมยังมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 ที่รัฐบาลใช้กำลังทหารขับไล่ประชาชนบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตประมาณ 30 ราย ประ กอบกับการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติที่ทุกฝ่ายพอใจ หากประกาศยุติชุมนุมก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายบานปลาย
นายณัฐวุฒิ เบิกความต่อว่า ที่ผ่านมาแกนนำ นปช. ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งตนและทุกคนไม่คิดจะหลบหนีไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น หรือไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหากได้รับการปล่อยตัว เพราะคดีดังกล่าวศาลก็กำลังนัดตรวจหลักฐาน อีกทั้งแกนนำ นปช. ทั้งเจ็ด มีครอบครัวที่ต้องดูแล มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อไต่สวนพยานถึงเวลา 12.00 น. ศาลจึงพักการพิจารณาไว้ก่อน และนัดไต่สวนพยานปากต่อไปในเวลา 13.30 น. โดยฝ่ายจำเลยขอให้ศาลออกหมายเรียก นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป. เป็นพยานร่วมกับพล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี
สำหรับบรรยากาศบริเวณศาลอาญานั้น กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหลายร้อยคนเดินทางมาให้กำลังใจแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ปรากฏว่าภายในห้องพิจารณาคดี 704 ที่รองรับประชาชนร่วมฟังการไต่สวนประมาณ 300 ที่นั่ง แน่นจนบางส่วนต้องแยกมานั่งบนพื้นห้อง ขณะที่การรักษาความปลอดภัยภายในศาลอาญานั้น จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสกลนครจำนวน 1 กองร้อย ประมาณ 150 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พหล โยธิน 50 นาย และชุดเคลื่อนที่เร็ว ปะ ฉะ ดะ อีกจำนวนหนึ่ง และได้มีการตรวจสอบบุคคลที่ขึ้นฟังการไต่สวนด้วย เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงร่วมฟังการพิจารณาจนเต็มห้องพิจารณาคดี ขณะที่ศาลได้นำประกาศเตือน การประพฤติตัวให้เรียบร้อยในบริเวณศาล
ต่อมาเวลา 14.00 น. ศาลเริ่มการไต่สวนต่อในภาคบ่าย มีนายคณิต ณ นคร ประธาน คอป. ขึ้นเบิกความสรุปว่า ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นประธาน คอป. ภารกิจหลักคือการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุ การณ์โดยมุ่งไปที่การเยียวยาด้านจิตใจ รวมทั้งการวิจัยสาเหตุที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น และได้ทำข้อเสนอแนะให้กับนายกรัฐมนตรีพิจารณาสรุปว่า การได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ถ้าเป็นความผิดร้ายแรงก็อาจถูกจับกุมคุมขังได้ตามสมควร
"ส่วนกรณีแกนนำเสื้อแดงนั้นเห็นว่ามีความจำเป็นต้องได้รับการปล่อยตัว โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการก่อเหตุ ซึ่งเป็นการนำวิธีการทางสันติภาพมาใช้ หากจะทำให้มีการปรองดองสมานฉันท์ แต่เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมาย เป็นความเห็นทางวิชาการ เป็นข้อเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิบัติเพื่อความเป็นธรรมในสังคม ส่วนการพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล พยานไม่อาจก้าวล่วง" นายคณิต กล่าว
จากนั้นพล.ต.สนั่น ขึ้นเบิกความสรุปว่า คิดริเริ่มสนับสนุนการปรองดองเพื่อความอยู่รอดของบ้านเมือง โดยเดินสายพบปะตัวแทนพรรค การเมืองต่างๆ เพื่อขอความเห็น ซึ่งได้รับการตอบรับจากทุกพรรคการเมือง นอกจากนี้ยังเดินทางไปพูดคุยกับแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และแกนนำ นปช.ทั้ง 7 คน ต่างยืนยันว่ายินดีที่ให้การสนับสนุนแนวทาง ปรองดอง
ขณะที่พนักงานอัยการโจทก์แถลงต่อศาล ว่าไม่คัดค้านหากศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว น.พ.เหวง จำเลยที่ 4 และนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 เนื่องจากตามแนวทางการสอบสวนพบว่าแม้จำเลยทั้งสองเป็นแกนนำ กลุ่ม นปช. ที่ร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ก็นิยมสันติวิธีและไม่ใช้ความรุนแรงและไม่มีอาวุธ หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เชื่อว่าจะไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงและไม่หลบหนี แต่จะเกิดความปรองดองขึ้นสังคม โดยขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไข ในการให้ประกันตัวจำเลยทั้งสอง อย่างที่เคยกำหนดกับจำเลยในคดีนี้ที่ได้รับการประกันตัวไปแล้วก่อนหน้านี้
ต่อมานายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 แถลงต่อศาลระบุว่า แกนนำ นปช.ทุกคนขอโอกาสในการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่มีพฤติการณ์เกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่แกนนำทุกคนหากได้รับการปล่อยตัวก็พร้อมจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาล โดยไม่คิดที่จะหลบหนีหรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ซึ่งการปล่อยตัวก็เพื่อที่จะออกไปต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยก่อนหน้านี้แกนนำไม่เคยร้องขอที่จะให้มีการนิรโทษกรรมที่จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ชุมนุมทุกคนไม่ต้องรับโทษ แต่แกนนำทุกคนพร้อมที่จะเข้าสู่กระ บวนการยุติธรรมและขอโอกาสศาลที่จะออกไปทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวด้วย
ภายหลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดฟังคำสั่งว่าให้ประกันตัวหรือไม่ ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นี้ เวลา 14.00 น.
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ เป็นประธาน ได้พิจารณารับฟังข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความคืบหน้าในประเด็นการดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 2553 โดยเชิญอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาชี้แจง แต่ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ มาชี้แจงแทน
พ.ต.ท.พเยาว์ ชี้แจงว่า รายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีเกี่ยวกับการชุมนุม สรุปคดีที่รับไว้เป็นคดีพิเศษ ทั้งที่เป็นคดีอาญา และที่สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สอบสวนแล้วโอนมาเป็นคดีพิเศษ รวม 258 คดี สอบสวนเสร็จ 66 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 192 คดี ผู้ต้องหารวม 635 คน จับได้ 256 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 377 คน แบ่งออกเป็น 1.คดีที่รู้ตัวผู้ทำผิดและจับได้ 54 คดี ทำคดีเสร็จ 51 คดี มีผู้ต้องหา 583 คน จับได้ 256 คน หลบหนี 325 คน 2.คดีที่รู้ตัวผู้ทำผิดและจับไม่ได้ 21 คดี ทำคดีเสร็จ 7 คดี มีผู้ต้องหา 52 คน หลบหนี 52 คน และ 3.คดีที่ไม่รู้ตัวผู้ทำผิด มี 183 คดี ทำคดีเสร็จ 8 คดี
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวถึงการขอประกันตัวของกลุ่มนปช.ว่า ขณะที่เรื่องอยู่ระหว่างการสอบ สวนทางดีเอสไอต้องคัดค้านการประกัน แต่หากส่งความเห็นสั่งฟ้องไปยังศาลแล้ว อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ยกเว้นนาย จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ขอเป็นตัวแทนยื่นคำร้องให้อัยการค้านการประกันตัว เนื่องจากที่ผ่านมานายจตุพร ให้สัมภาษณ์ลงลึกถึงคดี ซึ่งกระทบกับพยานหลักฐาน นายธาริตจึงยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัว ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้สตช. กรมคุ้มครองสิทธิ์และสำนักงานอัยการสูงสุด หารือเรื่องหลักเกณฑ์การประกันตัว หากใครไม่มีทรัพย์สินในการประกันตัว กรมคุ้มครองสิทธิ์จะช่วยหาเงินประกันตัวให้ ซึ่งยอดผู้ต้องหา 256 คน ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวนั้นไม่ทราบว่ามีกี่ราย เพราะไม่มีข้อมูล
ข่าวจาก ข่าวสด
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
