• นาย.มาร์ค อภิสิทธ์..มาดูนี่.ถึงวิธีการจัดการกับผู้ประท้วง |
โพสต์โดย ก๊ากก , วันที่ 11 ส.ค. 54 เวลา 13:03:29 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นายกฯอังกฤษเผยเตรียมใช้"ปืนฉีดน้ำ"ตอบโต้อันธพาล เบอร์มิงแฮมพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:49:08 น.
Share
|
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ เตรียมที่จะ"โต้กลับ"กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตามเมืองต่างๆของอังกฤษ ที่ยังคงก่อเหตุความวุ่นวายไปทั่วประเทศติดต่อกัน
นายคาเมรอนแถลงว่า จะไม่ปล่อยให้"วัฒนธรรมแห่งความกลัว"มาครอบงำท้องถนนในอังกฤษ และว่าขณะนี้ตำรวจเตรียมใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อรับมือเหตุที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมาย
ทั้งนี้อังกฤษไม่เคยใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงในการสลายชุมนุม แต่ล่าสุดตำรวจอังกฤษได้เตรียมพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ผู้นำอังกฤษกล่าวว่า จะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนสู่ท้องถนนในอังกฤษ
ขณะที่ยอดผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมเฉพาะในกรุงลอนดอนเพิ่มขึ้นเป็น 820 รายแล้ว และถูกตั้งข้อกล่าวหาแล้วรวม 279 ราย ขณะที่ทั่วประเทศมีผู้ถูกจักุมแล้วอย่างน้อย 1,300 ราย โดยศาลมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมอยู่เสมอตลอด 24 ชม.ที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่ปล้นสะดม ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ซึ่งรวมถึงผู้ก่อเหตุที่อายุน้อยที่สุดเพียง 11 ปี เท่านั้น
ขณะที่สถานการณ์ในกรุงลอนดอนเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ในช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจออกลาดตระเวนตามท้องถนนตลอดทั่วทั้งเมืองหลวง โดยยังคงเกิดเหตุปล้นสะดมและความรุนแรงตามเมืองต่างๆ อาทิ แมนเชสเตอร์ ซัลฟอร์ด ลิเวอร์พูล น็อตติงแฮม และเบอร์มิงแฮม ขณะที่พบผู้เสียชีวิตแล้วซึ่งเป็นชาย 3 ราย ที่พยายามปกป้องชุมชนของตน ถูกรถชนเสียชีวิตที่เมืองเบอร์มิงแฮม เมืองใหญ่อันดับสองของอังกฤษ
ผู้เสียชีวิตได้แก่ นายฮารูน จาฮาน วัย 21 ปี นายชาห์ซาด อาลี วัย 30 ปี และนายอับดุล มูซาวีร์ วัย 31 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนชาวเอเชียเชื้อสายมุสลิม ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล แต่บิดาของผู้เสียชีวิตเรียกร้องชาวมุสลิมอย่าแก้แค้น และปล่อยให้ทางการดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะที่เมืองแมนเชสเตอร์ เมืองใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษ กลุ่มวัยรุ่นได้วางเพลิงเผาห้างสรรพสินค้าอันเดล เซ็นเตอร์ ซึ่งใหญ่ที่สุดในเมืองแมนเชสเตอร์ และเข้าไปฉกฉวยทรัพย์สินจากภายในห้าง ส่วนที่เมืองลิเวอร์พูล ผู้ก่อความวุ่นวายประมาณ 200 คนได้ปะทะกับตำรวจในบริเวณที่เคยเกิดเหตุจลาจลรุนแรงมาแล้วก่อนหน้านี้เมื่อปี 1981 และที่เมืองบรอมมิชกับวูล์ฟแฮมตัน ในภาคกลางก็มีการวางเพลิงเผาอาคารหลายแห่ง
ทางด้านชาวบ้านในเมืองแมนเชสเตอร์ กล่าวตำหนิรัฐบาลว่าล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาสังคม พวกเขาเชื่อว่า รากเหง้าของปัญหาเกิดจากความรู้สึกของคนยากจนว่าพวกเขาเป็นผู้รับเคราะห์จากนโยบายของรัฐบาลผสมชุดนี้ที่ตัดลดงบประมาณลงอย่างมาก โดยที่คนรวยยังคงเสวยสุข
ทางด้านผู้จัดการร้านค้าที่ถูกปล้นสะดมกล่าวว่า ผู้ก่อจลาจลได้มีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยแยกออกเป็นหลายกลุ่ม ๆ ละไม่ถึงสิบคนเพื่อสร้างความเสียหายอย่างทั่วถึง
ขณะที่คณะกรรมการของเมืองทั้งสองออกคำเตือนว่า หากพบว่าประชาชนหรือบุตรหลานของพวกเขาในเมืองคนใด มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงหรือการปล้นสะดม หรือมีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิดว่ากำลังก่อเหตุร้าย พวกเขาจะถูกเชิญให้ออกจากเมืองในทันที
เหตุความรุนแรงครั้งนี้ ก่อให้เกิดความแคลงใจต่อมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคอนุรักษ์นิยม ที่เตรียมตัดลดงบประมาณจำนวน 8 หมื่นล้านปอนด์ ภายในปี 2015 เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งส่วนหนึ่งกระทบต่องบประมาณของสำนักงานตำรวจโดยตรง โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมามีรายงานว่า การปรับลดอาจรวมถึงการลดจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจลง 16,000 นาย
ทางด้านเจ้าของกิจการในกรุงลอนดอน ประเมินค่าเสียหายจากเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นมีมูลค่าหลายร้อยล้านปอนด์ แต่ชื่อเสียงของอังกฤษซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลกและการ
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1574 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ก๊ากก
IP: Hide ip
, วันที่ 11 ส.ค. 54
เวลา 13:03:29
|