ภาพจาก The Daily Bail
สถานการณ์ในอังกฤษปัจจุบัน ถ้าเป็นไทยยุค "มาร์ค" ครองเมืองรึ.... ทหารเรียงหน้า ไปนานแล้ว
“ทำไมรัฐบาลอังกฤษไม่ประกาศ state of emergency ”
ที่มา siamintelligencล่าสุดรัฐบาลของเดวิด คาเมร่อน เพิ่งจะประกาศมาตรการใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงและกระสุนพลาสติกเพื่อต่อกรกับ กลุ่มผู้ก่อจลาจล หลังความวุ่นวาย ทุบทำลายทรัพย์สิน เผาสิ่งปลูกสร้างใหญ่น้อย ลามไปทั่วในหลายเมืองสำคัญของอังกฤษมา 5 วันติดต่อกัน และรัฐบาลปฏิเสธที่จะใช้ ‘ไม้แข็ง’ ในการปราบปรามมวลชนมาตลอด
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลอังกฤษใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงในการสลายชุมนุม
‘ไม้แข็ง’ ที่ชาวอังกฤษพูดถึงกันว่ารัฐบาลควรงัดออกมาใช้ ก็จำกัดอยู่แค่การใช้กระสุนพลาสติกกับปืนฉีดน้ำแรงดันสูงนะครับ นี่คือแรงที่สุดที่เขาจะใช้กับคนที่ก่อจลาจลแล้ว
ท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่น ที่รัฐบาลถูกโจมตีว่าทำงานแย่ แก้ปัญหาล่าช้า กล้าๆ กลัวๆ ไม่เด็ดขาด ไร้ภาวะผู้นำ (รองนายกฯ นิค เคลกก์ รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่และนักการเมืองถึงกับโดนประชาชนโห่ไล่ตอนลงพื้นที่ บอกว่ากูทนมานานเกินไปแล้วโว้ย พวกมึงทำห่าอะไรกันอยู่วะ) และกลุ่มสันนิบาตเพื่อปกป้องอังกฤษ (EDL) ประกาศระดมพลต่อกรกับม็อบป่วนเมือง ไม่รับประกันว่าสองฝ่ายจะปะทะกันจนบาดเจ็บเสียชีวิตหรือไม่ หลังเห็นว่าตำรวจจัดการอะไรไม่ได้จนบานปลายเละเทะไปทั้งบ้านทั้งเมือง
โชคดีว่าไม่มีการปะทะกันจนเกิดเรื่องซ้อนเป็นม็อบปะทะ เมื่อกรุงลอนดอนเริ่มสงบลงบ้าง ทาง EDL ก็ระดมพลเรียกร้องให้ออกมาทำความสะอาดเมืองหลวง ทูเกตเตอร์วีแคนกันให้พร้อมเพรียงหลังเหตุเผาเหตุปล้นสะดม
ขออนุญาตไม่วิเคราะห์อะไรถึงสถานการณ์การเมืองอังกฤษ ประเด็นทางสังคมชนชั้น เศรษฐกิจ ชาติพันธุ์วรรณา ฯลฯ (ผู้สนใจไปอ่านได้ ที่นี่ - ที่นี่ และ ที่นี่) แต่เห็นความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างที่อดจะเอามาพูดถึงไม่ได้เสียจริงๆ เพราะเหล่าคนไทยในเฟซบุคที่สถิตอยู่ตามว่านเครือต่างๆ ของเฟรนด์รอบตัว เล่นประเด็นนี้เป็นสำคัญกันก็มาก เพื่อนพี่น้องที่ตอนนี้ไปเรียนต่อไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษก็มากหลาย บางคนอยู่อพาร์ตเมนต์ห่างจากจุดจลาจลไม่กี่ร้อยเมตร บางคนออกไปถ่ายรูปเหตุการณ์แล้วถูกหนึ่งใน rioter เข้ามาข่มขู่ให้ลบรูปในกล้องทิ้งซะ
ข้อที่น่าสนใจคือกลุ่มคนไทย (ทั้งในไทยและในอังกฤษ) ที่เอาจลาจลเที่ยวนี้มาโยงกับการชุมนุมของเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้ว ด้วยประเด็น ‘เผาบ้านเผาเมือง’ อ่านไปอ่านมาแล้วก็อดหัวร่อมิได้กลั้นไว้มิอยู่ไปประมาณ 112 นาที – หยิบมายกตัวอย่างพอสังเขปให้ได้ยลกันโดยไม่ต้องขอเจ้าตัว
“ทำไมรัฐบาลอังกฤษไม่ประกาศ state of emergency วะ!”
“นึกถึงภาพทหารไทย ถูกฝูงควายแดงรุมกระหน่ำปางตาย”
“อังกฤษเป็นผู้นำด้านประชาธิปไตย แต่ยังตามหลังไทยในด้านการเผาเมือง”
“นักก่อจลาจลในอังกฤษยังตามหลังไทยในเรื่องการยิงทหาร ยิง M79 ฆ่าคนที่คิดต่าง”
“คนพวกนี้ไม่รู้รึไงว่าตัวเองกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกเสื่อมถอย และกำลังทำให้โลกร้อนไม่รู้เท่าไหร่ด้วยการเผาร้าน”
ไปจนถึงคอลัมนิสต์คนหนึ่งในหนังสือพิมพ์รายวันที่ “คิดว่าเหตุการณ์ร้ายอย่างนี้มีโอกาสที่จะลามปามไปยังเมืองใหญ่ในประเทศอื่น เป็นลัทธิเอาอย่าง อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ” (อ่านประโยคนี้แล้วรู้สึกโชคดีอย่างวิปริตที่ชาวซีเรียส่วนใหญ่ไม่น่าจะอ่าน ภาษาไทยได้)
ถ้าไม่นับว่าอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยมาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ ผมคงไม่ชินกับการเชื่อมโยงที่มั่วซั่ว แถแหลก ไร้ตรรกะขนาดนี้มาเป็นทุนจนต้องหัวเราะลั่น
เพราะพอลองเข้าออฟฟิเชียลเว็บไซต์ของกลุ่มสันนิบาตฯ EDL ก็พบว่า นี่ขนาดกลุ่มการเมืองขวาจัดที่สนับสนุนการสังหารหมู่ในนอร์เวย์ ก็ยังดูมีเหตุมีผล และจับตาสถานการณ์ในอังกฤษได้น่ารับฟัง อย่างน้อยก็ไม่งี่เง่าเหมือนกลุ่มขวาจัดในหลายๆ ประเทศ ที่เอะอะก็โยนบาปให้มุสลิม ให้พวกต่างด้าวอพยพ ว่าเป็นต้นตอความฉิบหายทั้งมวลในบ้านเมืองอันศิวิไลซ์
อย่างน้อย EDL ก็รู้ว่า 3 ใน 4 ผู้เสียชีวิตระหว่างการจลาจลเป็นมุสลิมที่ออกมาปกป้องชุมชนและศาสนสถานของ ตัวเองจากพวก rioter และออกตัวว่าพวกเขาไม่คิดจะโจมตีกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงสำหรับการจลาจลเที่ยว นี้
รู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าคนไทย (ที่ก่นด่าความวุ่นวายอย่างไร้แก่นสารและเชื่อมโยงอย่างไร้รายละเอียด) จะไม่รู้เรื่องนี้ หรือไม่เห็นว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะเอามาพิจารณาเหตุการณ์ มากไปกว่าเอามาเชื่อมโยงกับเสื้อแดงเพื่อความสะใจมันส์ปากไปเรื่อยๆ
ก็ขนาดชาวชุมชนนางเลิ้งที่ถูกยิงเสียชีวิตตอนจลาจลเสื้อแดงเมื่อปี 2552 (และไม่ได้เป็นคนเสื้อแดง) ยังถูกลืมไปจากสารบบการเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย
ถึงได้กล้าไปพูดปาวๆ อวดฉลาดว่า ทำไมรัฐบาลอังกฤษไม่ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน (แบบประเทศชั้น!)
สมาชิก EDL ที่อ่านภาษาไทยออกคงตกใจสิ้นสติ “โอ้ว คนไทยนี่มันขวาจัดกว่ากูอีกนะนี่ มิติแห่งการเป็นฝ่ายขวามีอะไรให้ศึกษาอีกมาก เรายังอ่อนยังด้อยนัก สมแล้วที่เป็นประเทศบาร์บาเรี่ยนเล็กจ้อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนอกจากขวาจัดแบบไม่เอาม็อบอย่างสิ้นเชิง สนับสนุนรัฐอย่างสุดเหยียด (ยิงมันเลยค่า ยิงมันเลย) ยังขวาจัดคลั่งชาติว่า ‘พวกมึงเลียนแบบกู’ อีกแน่ะ – อ่านแล้วกูดูเป็น moderate ขึ้นมาทันทีทันใด”
คนที่มองว่า riot นี้เป็น “ลัทธิเอาอย่าง” แล้วเอาไปเทียบกับเสื้อแดงไทย เทียบกับเหตุการณ์ในตูนีเซีย, ลิเบีย, ซีเรีย, อียิปต์, เยเมน, โมร็อคโค นี่ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกเขาแยกระหว่าง ‘การเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงทางการเมือง’ กับ ‘การจลาจล’ ไม่ได้หรืออย่างไร
ลำพังแค่ลักษณะของเหตุการณ์ก็ต่างกันแล้วไม่ว่าจะทางทฤษฎีหรือทางปฏิบัติ
เหมือนกับว่าการเรียกร้องทางการเมืองทุกครั้ง ประชาชนต้องอาศัยแต่สถานการณ์ไม่สงบ เพื่อจะได้ฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง และเมื่อพวกนี้สร้างความวุ่นวาย รัฐก็ต้องปราบให้หนักเพื่อความสงบ – สุดแสนจะเดินตามสเต็ป อย่างกับเป็นเทมเพลตพื้นฐานตอนทำพาวเวอร์พอยนต์ส่งอาจารย์
UK's Together We Can (ภาพจากหนังสือพิมพ์ Herald Sun)
คนที่พูดได้เช่นนี้คือคนที่ไม่สนใจความตึงเครียดรอบๆ ตัวเลยแม้แต่น้อย บางทีอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นเหตุของจลาจลในอังกฤษ เกิดจากตำรวจวิสามัญฆาตกรรมชายคนหนึ่ง เหมือนกับคราวที่ตำรวจฝรั่งเศสบีบคนต่างด้าวอพยพคนหนึ่งจนเสียชีวิต แล้วเกิดจลาจลเมื่อปี 2005 ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายกลายเป็นปล้นสะดมและเผาสถานที่ต่างๆ ด้วยความคึกคะนอง
การหยิบเอาการชุมนุมรวมตัวของประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง และเป้าประสงค์ทางการเมืองที่ชัดเจน ไปตีขลุมรวมกับการจลาจล (และคนที่พยายามอธิบายการจลาจลเพื่อความคึกคะนอง และพฤติกรรมแบบอาชญากร ให้ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์อันหนักแน่นอย่างโรแมนติก) แสดงให้เห็นชัดว่าคนที่พูดเช่นนั้น ‘ไร้การศึกษา’ อย่างไม่น่าให้อภัย
ผมเคยพูดอย่างคะนองปากในเฟซบุคทำนองว่า ดูสิ อังกฤษก่อจลาจลบ้านเมืองวอดวายแค่เพราะตำรวจยิงคนตายคนเดียว ส่วนเมืองไทยยังมีพวกเรียกร้องให้ฆ่าคนที่คิดต่างอยู่ คิดเอาเองแล้วกันว่าอีกกี่สิบกี่ร้อยปีถึงจะตามเขาทัน แต่จากความคิดทางการเมืองของคนไทยต่อเหตุจลาจลครั้งนี้ กว่าจะตามเขาทันคงนานกว่าที่ผมสันนิษฐานไว้แต่แรก ในเมื่อคำว่า การชุมนุมทางการเมือง ได้ถูกริบเรือนไปจากพจนานุกรมของประชาชนในประเทศนี้เสียแล้ว
หลังจากนี้ก็จะไม่มีใครสนใจจลาจลในอังกฤษมากไปกว่าเป็นแค่เหตุการณ์โลกที่ ผ่านมาผ่านไป (เร็วพอๆ กับตอนบินละดินตาย) แต่ก็ไม่แน่… ถ้าบอลพรีเมียร์ลีกต้องเลื่อนเปิดฤดูกาล