• เทพเทือกท้า! ถ้าจับตั้งบ.พลังงานได้ ยกผลประโยชน์ให้มูลนิธิ |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 03 ก.ย. 54 เวลา 08:55:11 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
"สุเทพ" ท้า! ถ้าจับได้ว่าเปิด บ.พลังงาน เพื่อหวังทำธุรกิจในอ่าวไทยจริง ก็ขอยกผลประโยชน์ทั้งหมดให้"มูลนิธิ"ยัน ไม่เคยมีการตั้งบริษัทพลังงานอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้า หากสามารถหาข้อมูล ไม่จำเป็นถึงกับมีหลักฐานว่ามีการจดทะเบียนตั้งบริษัทพลังงาน ก็พร้อมยกบริษัทที่ว่านั่นให้ทันที..
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวเปิดใจกับทีมข่าว"ไทยรัฐออนไลน์" เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ามีการตั้งบริษัททำธุรกิจด้านพลังงานร่วมกับ พล.อ. ประวิตร วงค์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม เพืื่อเตรียมรองรับผลประโยชน์ น้ำมันกับก๊าซธรรมชาติในพื้นที่อ่าวไทย แถมด้วยมีข่าวการเดินทางไปเจรจาแบบลับๆกับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาหลังพ้นจาก ตำแหน่งรองนายกฯความมั่นคงแล้วว่า ไม่เคยมีการตั้งบริษัทพลังงานอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้า พร้อมท้าหากสามารถหาข้อมูล ไม่จำเป็นถึงกับมีหลักฐานว่า มีการจดทะเบียนตั้งบริษัทพลังงาน ตนเองก็พร้อมยกบริษัทพลังงานที่ว่านั้นให้กับมูลนิธิไทยรัฐทันที
"ส่วน ตัวยอมรับมีอาชีพอีกอย่าง คือ ทำสวนยาง สวนปาล์ม และเลี้ยงกุ้งบ้างเท่านั้น แต่ไม่มีการทำธุรกิจด้านพลังงาน ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงค์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ที่บินไปกับตนด้วย ก็เพื่อไปเจรจาให้ปล่อยตัวนักโทษชาวไทยมุสลิม ที่ทางกัมพูชาจับตัวไปเท่านั้น ไม่ได้มีการร่วมก่อตั้งบริษัทด้านพลังงานแต่อย่างใด" นายสุเทพกล่าว...
ส่วน กรณีที่มีความพยายามจากรัฐบาลชุดปัจจุบันที่พยายามเชื่อมโยงและเปิดประเด็น ว่า มีการบินไปเจรจาลับเรื่องธุรกิจด้านพลังงานที่ประเทศกัมพูชานั้น นายสุเทพระบุว่า ไม่อยากทะเลาะด้วย ช่วงนี้ไม่ได้คิดว่าจะเป็นช่วงที่ทะเลาะด้วย ยืนยัน ไม่ได้เดินทางไปเจรจาธุรกิจพลังงาน แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไป ความจริงที่เดินทางไป เพราะมีตำแหน่งหน้าที่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรี และคณะครม.ในขณะนั้น มีมติให้ไปเป็นตัวแทนเจรจากับกัมพูชา เพราะหากจำกันได้ตั้งแต่การประชุมอาเซียนซัมมิท สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี ที่ตอนแรกประกาศไม่เดินทางมาประเทศไทย เพราะช่วงนั้นไทยกับเขมรมีปัญหากระทบกระทั่งกัน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นก็ได้มอบหมายให้ตนเองเป็นผู้ดำเนินการพูดคุยและเจรจา จนนายกรัฐมนตรีกัมพูชากลับมาตอบรับมาร่วมประชุมกับไทยในที่สุด ซึ่งจำได้ว่า นายอภิสิทธิ์ยังได้ฝากให้ตนดูแลเรื่องนี้ ถ้าสมเด็จฮุนเซนเดินทางมาไทยตามคำเชิญจริง
ขณะ ที่การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กล่าวหาว่า บินไปเจรจาลับกับกัมพูชา จนไปถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เตรียมไปหาข้อมูลการเจรจาลับกับกัมพูชา ในวันที่ 14 ก.ย. ที่จะถึงนี้นั้น นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ไม่เป็นไรและก็ไม่ติดใจ ให้เค้า (หมายถึงนายสุรพงษ์และรัฐบาลเพื่อไทย )ทำไป เพราะมั่นใจว่าได้เรียนข้อเท็จจริงกับทางสื่อมวลชนไปทั้งหมดแล้ว "ผมรู้สันดานคนพวกนี้ เค้าต้องการดิสเครติตพวกผม เพื่อกลบเกลี่อนความผิดเรื่องของตัวเองที่ทำไว้ ก็จะรอดูว่าจะเล่นเกมอะไรอีก ให้ทำไปให้สุดก่อน แล้วจึงจะออกมาตอบโต้ เพราะเรื่องทั้งหมดยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
"ย้อนมาช่วงที่ ตนเดินทางไปพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น ก็ไปกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในขณะนั้น เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ขอให้ตนเดินทางไปเพื่อเจรจาใน 3 เรื่อง เพราะทางกัมพูชา เกิดเบี้ยวไทยของเรา ทั้งที่ได้มีการตกลงกันแล้ว โดยเฉพาะ กรณีขอให้กัมพูชาปล่อยตัวนักโทษชาวไทยมุสลิม ที่จับตัวไปโดยไม่มีความผิด ส่วนอีกเรื่องจำไม่ได้ ยอมรับ ก็ไปแบบคุยนอกรอบ ไม่เป็นทางการ ก็มีการเลี้ยงกินข้าวกัน ก็สามารถตกลงกันได้"
"แล้ว ครั้งต่อมา ผมก็ไปร่วมงานเป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปเปิดถนนที่กัมพูชา โดยโครงการนี้ประเทศไทยเป็นผู้ช่วยเหลือให้งบประมาณในการก่อสร้างถนน ซึ่งสมเด็จฮุนเซนก็บอกว่า รัฐบาลกัมพูชา มอบหมายให้ นายซกอัน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นคนเจรจาแทน จึงมีการนัดหารือกันระหว่าง 2 ฝ่าย ทั้งที่สิงคโปร์ ซึ่งได้ตอบปฏิเสธไป ขณะที่ฮ่องกง ก็ได้ไปพบหารือกัน ซึ่งนายซกอัน ระบุมาเองเลยว่าจะเจรจาเรื่องใด เรื่องไหนไม่เจรจา ซึ่งไม่ขอเจรจา กรณีขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว รวมไปถึงกรณีเขตแดน ที่ อ.เกาะกูด จ.ตราด เค้าขอให้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น แต่จะขอเจรจาเฉพาะพื้นที่ในอ่าวไทย" อดีตรองนายกฯ กล่าว
นายสุ เทพ ยังกล่าวอีกว่า ตอนนั้นก็บอกไปว่า คงคุยเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนตัดสินใจคนเดียว คนไทยคงไม่ยอม แล้วก็ไม่มีสิทธิ์มาตกลงกันว่า ใครจะแบ่งกันกี่ % แล้วเราเองก็ต้องไปทำเรื่องขอความเห็นชอบกับรัฐสภาก่อน จึงสามารถมาเจรจาได้ เพราะไม่เช่นนั้นผิดกฎหมาย หากทางรัฐสภาไทยเห็นชอบและมีมติครม.ออกมา และแต่งตั้งให้ตนเองมาเป็นหัวหน้าคณะเจรจา จึงมาตกลงกันในกรอบกฎหมายที่รัฐสภาให้อำนาจมาได้ ขณะที่ทางรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุถึงขั้นว่า ขอแบ่งพื้นที่อ่าวไทยออกเป็นแบบตราหมากรุกแล้วให้จับสลาก ใครได้พื้นที่ไหนก็ทำไป แต่ทางเรายืนยันในจุดยืนเดิม ว่าทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายไทย
แล้วส่วนตัวคิดเห็นอย่างไร ที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน เหมือนพุ่งเป้าพยายามหาความผิด โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใน ศอฉ. นายสุเทพ กล่าวต่อ ว่า คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณและกัมพูชาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วก็เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ และกัมพูชา ต้องการเล่นงานตน
"เมื่อ เค้าได้เป็นรัฐบาล ก็ต้องเล่นงานผม ก็จะไม่ขอทะเลาะด้วย และต้องอดทน ทั้งนี้ไม่กลัวเกมการดิสเครดิต ช่วงนี้จะขออยู่เฉยๆ รอดูไปก่อนว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน จะดำเนินการอย่างไรให้ถึงที่สุด แล้วจึงจะรับ รวมทั้งลงมือตอบโต้อย่างแน่นอน" นายสุเทพ กล่าว...
นี่ เป็นความในใจ ส่วนหนึ่งของชายที่ชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้จัดการรัฐบาล ปชป. ที่ตอนนี้ยอมผันตัวเองไปอยู่งานเบื้องหลังกับภารกิจเปิดโรงเรียนการเมือง เพื่อเป้าหมายสร้างมวลชนให้กับพรรค"พระแม่ธรณีบีบมวยผม" ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์...
http://www.thairath.co.th/content/pol/198883
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2803 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 ก.ย. 54
เวลา 08:55:11
|