• ผู้ชายก็เป็น ฮีสทีเรียได้ |
โพสต์โดย เรียทีดิ , วันที่ 28 เม.ย. 50 เวลา 15:02:44 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คําว่า ฮิสทีเรีย (hysteria) เป็นคำเก่ามีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า คอนเวอร์ชั่น ดิสออร์เดอร์ (conversion disorder) ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งหมายถึงการเจ็บป่วยที่ปรากฏทางกาย เช่น อัมพาตที่แขน ขา มือ หรือหลัง หรือหมดแรงล้มลง ทั้งนี้ มิได้มีอะไรสัมพันธ์กับพยาธิสภาพทางร่างกายใดๆ เลย
แต่โบราณนานมาแล้ว เชื่อกันว่า สตรีเท่านั้นที่เป็นฮิสทีเรีย บุรุษไม่มีโอกาสเป็นแน่นอน เพราะว่าบุรุษไม่มีมดลูก !
คำว่า ฮิสทีเรีย มาจากภาษากรีก ฮิสทีรอน แปลว่ามดลูก สมัยกรีกโบราณและ ฮิปโปเครติส ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแพทย์สมัยนั้นเชื่อว่า ฮิสทีเรีย เกิดจากความยุ่งยากทางเซ็กซ์ของสตรี ความยุ่งยากนั้นเนื่องจากมดลูกได้เคลื่อนไปตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเธอเหล่านั้น เพราะมีความต้องการทางเพศรุนแรง และปรารถนาอย่างมากที่จะตั้งครรภ์
เชื่อว่าเมื่อมดลูกเคลื่อนไปที่คอหอย ก็จะทำให้สตรีมีความรู้สึกโชกชุ่มด้วยความรู้สึกเชิงรักใคร่ หรือเมื่อเคลื่อนไปที่ม้ามก็จะทำให้เกิดอารมณ์โกรธขึ้งหุนหัน เป็นต้น
ฮิปโปเครติส เชื่อว่าการแต่งงานจะเป็นการบำบัดเยียวยาได้ดีที่สุด เมื่อมีความเชื่อเช่นนั้น ก็เท่ากับปิดประตูสำหรับบุรุษไปโดยอัตโนมัติ
ความเชื่อเรื่องฮิสทีเรีย มีความสัมพันธ์กับเซ็กซ์ เป็นต้นตอหลัก ยังต่อเนื่องมาถึงสมัย ซิกมันด์ ฟรอยด์ ซึ่งเชื่อว่าอาการเจ็บป่วยทางกายที่ปรากฏ เช่น เป็นอัมพาตที่แขนขาหรือเจ็บปวดที่นิ้ว เนื่องมาจากการ เก็บกด ความต้องการทางเพศเข้าไว้อย่างเข้มข้น จนพลังเก็บกดนั้นได้ย้อนกลับหรือคอนเวิร์ต (convert) เข้าสู่ร่างกาย (จนเกิดอาการอัมพาตหรือเจ็บปวดที่แขนหรือนิ้ว)
ชายหนุ่มผู้มีข้อขัดแย้งอย่างรุนแรงกับการทำมาสเตอร์เบต จะคลี่คลายความรู้สึกขัดแย้งในใจ โดยเกิดอาการอัมพาตขึ้นที่แขนหรือมือ แน่นอนเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก เขาเองก็ไม่รู้ว่าต้นตออัมพาตนั้นมาจากอะไรด้วย
ฟรอยด์ ใช้คำว่า คอนเวอร์ชั่น ฮิสทีเรีย
ในปัจจุบันมิได้ใช้คำแบบฟรอยด์ แต่ใช้ว่า คอนเวอร์ชั่น ดิสออร์เดอร์ (conversion disoder) และมิได้วิเคราะห์อาการหรือพฤติกรรมการเจ็บป่วยเชื่อมโยงไปที่เซ็กซ์ แต่เชื่อว่าอาการทางกายที่ปรากฏนั้นเป็นกระบวน การป้องกันตนเอง ทำให้คนสามารถ หนี หรือ หลีกหลบ ออกจาก บ่วงทรมาน หรือ สถานการณ์เครียด ที่ตนรับผิดชอบโดยไม่รู้สึกผิดหรือเสียหน้าแต่อย่างใด
ฮิสทีเรียจึงไม่เฉพาะเจาะจงเกิดกับสตรี แต่เกิดกับบุรุษก็ได้เช่นกันหากจะต้องหนีจากงานรับผิดชอบที่หนักหน่วง (stressful job) โดยไม่รู้สึกผิดหรือเสียหน้ามากนัก
ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารมีอาการฮิสทีเรียกันมาก โดยแพทย์วินิจฉัยรวมๆ ไปว่าเป็น กลุ่มอาการทางจิตเวช-ไซไคอตริก ซินโดรม (psychiatric syndrome) และในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารมีอาการฮิสทีเรียชุกชุมปานกัน โดยเฉพาะในแนวหน้าหรือหน่วยประจัญบาน แม้ทหารเหล่านั้นจะได้ชื่อว่าหนักแน่นมั่นคงในจิตใจมากเป็นพิเศษก็ตาม
ในสมรภูมิซึ่งกำลังเผชิญกับการสูญเสียและความตายอยู่ทุกนาทีนั้น ทหารบางส่วนที่ไม่เข้มพอจะตกอยู่ในความเครียดอย่างหนัก อาการฮิสทีเรีย เช่น อัมพาตที่ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือสองข้าง ช่วยให้ทหารผู้นั้น หลีกหลบ จากความรู้สึกกลัวสุดสุด อันถูกเร้าจากสมรภูมิเลือด โดยปราศจากการถูกตำหนิว่า ขี้ขลาดตาขาว หรือ ไม่ต้องการขึ้นศาลทหาร
อัมพาตที่ขาหรืออวัยวะใดๆ ในสถานการณ์เครียดเช่นนั้นถือว่า เป็นกลไกปกป้องกันการเสียหน้าอย่างหนึ่ง (defensive function) โดยไม่มีพยาธิสภาพทางกายแต่อย่างใด
อย่าลืมนะครับว่า ฮิสทีเรีย เป็นหนึ่งใน โรคประสาท (neurosis) เรียกว่า ฮิสเทอริคัล นิวโรซิส มีประมาณร้อยละ 5 ในกลุ่มโรคประสาททั้งหมด (5-6 ชนิดด้วยกัน) ใครถูกเรียกหรือถูกตราว่าฮิสทีเรียวันนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเซ็กซ์มากหรือเซ็กซ์จัดแต่อย่างใด
แต่เป็นการเจ็บป่วยใจที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งมิใช่จะเป็นกับสตรีเท่านั้น บุรุษก็เป็นได้ด้วย
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 5862 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย เรียทีดิ
IP: Hide ip
, วันที่ 28 เม.ย. 50
เวลา 15:02:44
|