การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา รอบแรก นัดสุดท้าย สาย เอ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จ่าฝูงของกลุ่มที่เข้ารอบไปแล้ว โดยนัดแรกชนะฟิลิปปินส์ 2-1 และนัดสองชนะพม่า 4-0 พบ “เหงียน” เวียดนาม อันดับ 3 ของกลุ่มที่นัดแรกเสมอ พม่า 1-1 และนัดสองแพ้ ฟิลิปปินส์ 0-1
 
               เกมนี้ทีมชาติไทยส่ง 11 คนแรก ประกอบไปด้วย กวิน ธรรมสัจจานันท์, ปิยพล บรรเทา, นิเวส ศิริวงค์, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, อนุชา กิจพงษ์ศรี, ประหยัด บุญญา, อภิภู สุนทรพนาเวศ, สมปอง สอเหลบ, อาทิตย์ สุนทรพิธ, สุมัญญา ปุริสาย, กีรติ เขียวสมบัติ
 
               เริ่มเกมได้เพียง 8 นาที เวียดนามทักทายไทยก่อนจากลูกยิงไกล 30 หลาของ เคา ซี ควง แต่บอลพุ่งเช็ดคานออกหลังอย่างน่าเสียดาย จากนั้น ไทยครองบอลได้มากกว่า กระทั่งนาที 21 “ช้างศึก” ทำประตูขึ้นนำสำเร็จ เมื่อ อภิภู สุนทรพนาเวศ ตวัดบอลจากฝั่งขวาไปหน้าประตูให้ กีรติ เขียวสมบัติ ยิงระยะ 5 หลาเข้าประตู ทีมชาติไทยนำ 1-0

               หลังทำประตูขึ้นนำ ปรากฏว่า ไทยผ่อนเกมลงไปเปิดโอกาสให้ เวียดนามได้ทำเกมบุก และได้ลุ้นนาที 31 จากลูกยิงไซด์โค้งของ พรัม ทัน ลอง แต่หลุดกรอบนิดเดียว และนาที 39 เหงียน ตรอง ฮวน ยิงไกลหน้าเขตโทษ แต่ กวิน ธรรมสัจจานันท์ บินปัดบอลออกหลังไปได้หวุดหวิด ก่อนหมดครึ่งแรก ทีมชาติไทย นำ 1-0

               ครึ่งหลังเล่นมา 5 นาที กีรติ ได้โหม่งจ่อๆ แต่ถูกกองหลังเวียดนาม สกัดบนเส้นหวุดหวิด จากนั้นไทยกลับเป็นฝ่ายโหมบุก และนาที 65 สุมัญญา ปุริสาย เปิดบอลจากกราบขวาให้ กีรติ โหม่งสะบัดเสียบเสาสองเข้าประตู ให้ทีมชาติไทยหนีห่าง 2-0
 
               นาที 70 ไทยต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน อาทิตย์ สุนทรพิธ เจตนาเล่นนอกเกมทำให้โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม และ 2 นาทีถัดมา เหงียน วาน เคีย โหม่งจ่อๆ ตีไข่แตกไล่มา 1-2 อย่างไรก็ตามนาที 82 เหงียน เกีย ตู นักเตะเวียดนาม สกัดบอลจากลูกเตะมุมของทีมชาติไทยพลาดเข้าประตูตัวเองไป ทำให้ไทยชนะเด็ดขาด 3-1 และเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม โดยรอพบอันดับ 2 ของสาย บี ซึ่งรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ทีมชาติไทยจะออกไปเยือนวันที่ 9 ธันวาคม และนัดสองกลับมาเล่นที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 13 ธันวาคม ส่วนผลอีกคู่ที่สนามศุภชลาศัย ฟิลิปปินส์ ชนะ พม่า 2-0 ส่งผลให้ฟิลิปปินส์มี 6 คะแนน เข้ารอบตามทีมชาติไทยในฐานะรองแชมป์กลุ่ม

               ในขณะที่ “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เกมรอบรองชนะเลิศไทยจะเตะที่สนามศุภชลาศัย โดยได้พูดคุยกับกรมพลศึกษา ในฐานะเข้าของสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโปรแกรมไม่ตรงกับฟุตบอลนักเรียน ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย โดยราคาบัตรเข้าชมด้วยว่าจะเปิดจำหน่ายรอบรองชนะเลิศในราคา 100, 300 และ 500 บาท ซึ่งจะเปิดจำหน่ายล่วงหน้าทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมเป็นต้นไป เนื่องจากต้องทราบวันเตะที่แน่ชัดก่อนถึงจะเปิดจำหน่ายได้ ขณะที่นัดชิงชนะเลิศยังไม่กำหนดว่าราคาบัตรจะเท่าใด เพราะยังไม่แน่ชัดว่าทีมชาติไทยจะผ่านเข้าชิงชนะเลิศหรือไม่    

               ทั้งนี้ ทีมชาติไทยหากเข้ารอบชิงชนะเลิศจะเตะนัดแรกด้วยการออกไปเยือน วันที่ 19 ธันวาคม และกลับมาเตะนัดที่สองวันที่ 22 ธันวาคม ที่สนามศุภชลาศัย