|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ครบรอบ 1 ปี ในที่สุด สำหรับการหายไปอย่างเป็นปริศนา ของเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH370 ซึ่งออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเวลา 00.41 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 8 มีนาคม 2557 โดยมีกำหนดบิน 6 ชั่วโมง ไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
รายงานชี้ว่าศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศสุบัง เสียการติดต่อกับเครื่องบินเมื่อเวลาประมาณ 01.22 น. ขณะบินอยู่เหนืออ่าวไทย โดยรับรายงานว่าสูญหายเมื่อเวลา 02.40 น.
ผู้โดยสารและลูกเรือ รวม 239 คน 15 สัญชาติ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย 6,แคนาดา 2,จีน 152,ฝรั่งเศส 4,ฮ่องกง 1,อินเดีย 5, อินโดนีเซีย 7,อิหร่าน 2,มาเลเซีย 50,เนเธอร์แลนด์ 1,นิวซีแลนด์ 2,รัสเซีย 1,ไต้หวัน 1,ยูเครน 2 และ สหรัฐอเมริกา 3
โดยกัปตันคือ ซาฮารีย์ อาหมัด ชาฮ์ ชาวปีนัง อายุ 53 ปี ซึ่งเข้าทำงานที่สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ด้วยประสบการณ์บินทั้งหมด 18,365 ชั่วโมงบิน มีผู้ช่วยนักบินคนที่ 1 คือ ฟาริค อับดุล ฮามิด อายุ 27 ปี ประสบการณ์บินทั้งหมด 2,763 ชั่วโมงบิน
MH370 ถูกระบุว่า การค้นหาเครื่องบินในครั้งนี้ได้ใช้งบประมาณ สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน กว่า 12 ประเทศ พยายามค้นหาและกู้ภัยร่วมกัน ครอบคลุมพื้นที่ 27,000 ตารางไมล์ทะเล (93,000 ตารางกิโลเมตร) ในช่องแคบมะละกาและทะเลจีนใต้
หลังการหายไปอย่างเป็นปริศนาของ MH370 ได้มีการตั้งทฤษฎีหรือข้อสันนิษฐานมากมาย โดยรอยเตอร์ ชี้ว่า ทฤษฎีที่มีการพูดถึงกันมากที่สุด ได้แก่
1.เครื่องบินโดยสารมาเลเซีย แอร์ไลน์ ตกในมหาสมุทรอินเดีย 2.โดนยิงตกโดยอุบัติเหตุ 3.ถูกบังคับให้ลงจอดใกล้เกาะดิเอโก การ์เซีย ในมหาสมุทรอินเดีย 4.โดนจี้ให้ไปลงจอดในรัสเซีย และ 5.เครื่องบินอยู่ในปากีสถานเพื่อถูกใช้ในการก่อการร้าย
ล่าสุด ยังมีการเสนอทฤษฎีโดยผู้เชี่ยวชาญการบินหลายคน ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า เครื่องบินโดนบังคับให้บินไปยังมหาสมุทรแอนตาร์กติกในขั้วโลกใต้
สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ MH370 แต่เชื่อว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ครอบครัว เพื่อนๆ และคนรัก ของ 239 ชีวิต บนเครื่องบินดังกล่าว ยังรอคอยการกลับมาของคนที่ตัวเองรักอยู่เสมอ
(เนื้อหานี้ จะลบตัวเองภายใน 24 ชม. หากใครต้องการอ่านเนื้อหาจะลิงค์ไปยังที่มาต้นฉบับ)
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
