ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตามการแก้ไขราคาลำไยตกต่ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเตรียมเชิญประธานสมาคมลำไยอบแห้งเชียงใหม่-ลำพูนมาร่วมประชุมหาทางออก พร้อมแจ้งทุกอำเภอให้ตั้งทีมงานลงไปสำรวจผู้ประกอบการรับซื้อลำไยของแต่ละพื้นที่ เพื่อกำหนดวันลงพื้นที่สอบถามว่าถึงปัญหาที่ไม่สามารถรับซื้อลำไยของเกษตรกรได้
สำหรับ สถานการณ์ผลผลิตลำไยที่ออกสู่ตลาดของจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน ได้ออกพร้อมกันในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ คาดว่ามีจำนวน 134,106 ตัน ซึ่งผลผลิตลำไยน้อยกว่า ปี 57/58 แต่ราคาลำไยกลับตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ราคาต้นทุนการผลิตของเกษตร คือ ราคาลำไยเกรด AA อยู่ที่กิโลกรัมละ 13 บาทเท่านั้น ซึ่งในที่ประชุมเห็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตลำไยของจังหวัด ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก และทำให้เกษตรกรประสบปัญหาด้านราคาโดยจำหน่ายผลผลิตลำไยได้ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจาการกำหนดราคาของผู้ประกอบการฯ รับซื้อที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตของเกษตรกร เพื่อเป็นการหาแนวทางการกำหนดราคารับซื้อลำไยร่วมกันของผู้ประกอบการฯ ให้มีความเป็นธรรมต่อเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่
ด้าน สนง.พาณิชย์จังหวัดฯ ได้แจ้งข่าวดีจากกระทรวงพาณิชย์ ว่าการส่งออกลำไย ประเทศอินโดนีเซีย ได้ให้ใบอนุญาตนำเข้าลำไยต่อผู้ประกอบการฯ ประเทศไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าราคาลำไยจะปรับระดับราคาดีขึ้น ตลอดจนก่อนหน้านี้ได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการรับซื้อลำไย ไปจำหน่ายตามบูธ ที่ภาครัฐจัดหาให้ซึ่งยังคงเปิดรับอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการติดต่อจัดบูธจำหน่ายลำไย ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และตามจังหวัดต่างๆ ที่ไม่มีผลผลิตลำไย
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งให้ สนง.พาณิชย์จังหวัด เชิญประธานสมาคมลำไยอบแห้งเชียงใหม่-ลำพูน มาประชุมในครั้งต่อไป เพื่อต้องการทราบการกำหนดราคารับซื้อลำไย พร้อมทั้งให้ตัวแทนปกครองจังหวัด แจ้งทุกอำเภอ ให้ส่งรายชื่อมาที่ สนง.พาณิชย์จังหวัด เพื่อตั้งทีมงานลงไปสำรวจผู้ประกอบการรับซื้อลำไยของแต่ละพื้นที่ เพื่อกำหนดวันลงพื้นที่ว่าผู้ประกอบการฯ ในแต่ละพื้นมีกำลังรับซื้อเท่าไหร่ มีเตาอบจำนวนเท่าไหร่ สามารถรับซื้อลำไยทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้เท่าไหร่ มีปัญหาอุปสรรคอย่างไรถึงไม่สามารถรับซื้อลำไยของเกษตรกร