กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวถึงกรณีสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยไม่เก็บดอกเบี้ย และไม่คิดเบี้ยปรับ ไม่มีผู้ค้ำประกัน และให้มีผลย้อนหลังด้วย ว่า หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ตามที่สภาฯ เห็นชอบ คณะกรรมการกองทุน จะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อสถานะกองทุนและการบริหารจัดการเรื่องการปล่อยกู้ ในกับนักเรียนในระยะต่อไป เนื่องจากในแต่ละปี กองทุนจะมีสภาพคล่องจากที่ได้รับจากการชำระหนี้เงินกู้ประมาณ 40,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ประมาณ 6,000 ล้านบาท เมื่อไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รายรับส่วนนี้ก็จะหายไป
“กยศ.คงเอาข้อเท็จจริงทั้งหมดไปชี้แจงคณะกรรมาธิการวุฒิสภาอีกครั้ง ซึ่งตามกระบวนการกฎหมาย ใช้เวลาพิจารณา 1 เดือน เพราะเป็นกฎหมายด้านการเงินและหากมีความเห็นไม่ตรงกับสภาผู้แทนราษฎร ตามกระบวนการก็จะตีกลับกฎหมายไปที่ชั้นสมาชิกสภาผู้แทน และมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมอีกครั้ง ซึ่งประเด็น การยกเว้นดอกเบี้ยและ เบี้ยปรับ ขณะนี้ มีการถกเถียงกันอย่างมาก และมีความเห็นหลายฝ่ายที่ต้องมาพิจารณาให้รอบคอบ”
ผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2538 กองทุนใช้เงิน ‘งบประมาณ’ สำหรับให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 3,000 ล้านบาทโดยเป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต ซึ่งขณะนี้ดำเนินการมาแล้วกว่า 20 ปี มีเงินหมุนเวียนแล้ว 4 แสนล้านบาท ปล่อยกู้กว่า 6.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 6.2 ล้านคน
ทั้งนี้ มีผู้ปิดบัญชีการชำระหนี้แล้ว 1.6 ล้านคน เสียชีวิต 6.7 หมื่นคน กำลังศึกษาอยู่ 1 ล้านคน และอยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.5 ล้านคน โดยในจำนวนดังกล่าว มีการผิดนัดชำระหนี้กว่า 2.5 ล้านคน คิดเป็นเงินต้นกว่า 9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ กองทุนอยู่ได้ด้วยเงินทุนหมุนเวียน รุ่นพี่ชำระหนี้คืนตรงเวลา เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้โอกาสกับรุ่นน้อง ซึ่งขณะนี้ ยังมีเงินกองทุนอยู่หลายหมื่นล้าน ยังเพียงพอเป็นหลักประกันทางการศึกษาให้กับทุกครอบครัว กองทุนหวังว่า เมื่อมีการยกเว้นดอกบี้ยและเบี้ยปรับ จะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ของเด็กมีมากขึ้น ซึ่งก็จะช่วยในเรื่องของสภาพคล่องของกองทุนได้
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|