เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ครูตู้ๆ ครูตู้มาแล้ว เด็กๆ ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลความเจริญร้องเรียก "ครูตู้" ครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้พวกเขาจากโรงเรียนวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านหหน้าจอสี่เหลี่ยมหรือที่เรียกกันว่า "โทรทัศน์" อย่างดีใจ แต่จะมีใครรู้บ้างว่ากว่าจะมีครูตู้ให้เด็กๆ ได้ร้องเรียก ต้องผ่านกรรมวิธีอะไรบ้างกับราคาจานดาวเทียมเพียง 900 บาท
ฮ้า! จานดาวเทียมราคาแค่ 900 บาท เฮ้ย...มันจะมีจริงๆ เหรอ เชื่อว่าหลายๆ คนคงร้องพร้อมๆ กับตั้งคำถามแบบนี้เมื่อได้ยินราคาของจานดาวเทียม ที่สามารถใช้งานได้จริงร้อยเปอร์เซ็นเต็ม
ณ บ้านไม้หลังเล็กๆ ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วแออัดไปด้วยวัสดุสิ่งของอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย ที่ดูเพินๆ เหมือนกองขยะที่ไร้ค่า แต่จะมีใครรู้ว่ามันมีค่าสำหรับชายร่างสูงใหญ่วัยเกือบ 80 ปี ที่วันๆ หนึ่งเกือบตลอด 24 ชั่วโมงใช้วันเวลาหมดไปกับการนั่งคิด สร้างสรรค์ ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตามหัวคิดแบบชาวบ้านๆ
"เหลือ เปรมปราคิน" หรือ "ลุงเหลือ" อดีตลูกจ้างประจำของกรมชลประทาน ที่เริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุ 22 ปี จนกระทั่งถึงวัยปลดเกษียณ ที่ชาวบ้านละแวกนั้นรู้จักกันดี แต่คงมีอีกหลายคนไม่รู้จักว่า "ลุงเหลือ" คือใคร เอาเป็นว่าเราสัมผัสวิถีชีวิตและแนวความคิดแบบ "ลุงเหลือ" กันดีกว่า...
"ตอนเด็กๆ ผมชอบแกะนู้นแกะนี่ ชอบสงสัยว่าเครื่องยนต์กลไกมันเป็นอย่างไร และผมก็เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองตลอด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด คอมพิวเตอร์ เครื่องยลกลไก การออกแบบโครงสร้างต่างๆ รีโมตส์คอนโทรล เครื่องไฮโดรริก ช่างเชื่อม ช่างไฟฟ้า ช่างก่อสร้าง และอื่นๆ อีกทุกชนิด ทุกวันนี้ผมก็ยังศึกษาค้นคว้าในเรื่องที่ผมยังไม่รู้อีกมากมาย ผมว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่"
ในขณะที่ปากลุงเหลือกำลังบอกเล่าถึงอดีตที่ผ่านมา พร้อมๆ กับมือที่กำลังขวานหาสิ่งประดิษฐ์มากหน้าหลายตาออกมาอวดให้ยลโฉม ไม่ว่าจะเป็น หมวกกันน๊อคที่สามารถฟังเพลงได้ เครื่องตัดหญ้าแบบใช้รีโมตส์คอนโทรล เครื่องใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องบินบังคับวิทยุ แม้กระทั่งเครื่องบินเล็กที่ใช้ขับได้จริง สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ล้วนเกิดจากเศษวัสดุเหลือใช้ทั้งนั้น
แต่ในจำนวนสิ่งประดิษฐ์ที่ผ่านมันสมอง ผ่านหัวคิดสร้างสรรค์ จินตนาการแบบลุงเหลือ ก็คงไม่มีสิ่งประดิษฐ์ชิ้นไหนน่าทึ่งเท่ากับสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ นั่นก็คือ "จานดาวเทียมกะทะเหล็ก"
"ช่วงที่มีจานดาวเทียมเข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมาที่สถานีจานดาวเทียมที่ศรีราชา กว้าง 29 เมตร หนัก 200 กว่าตัน ลงทุนไปทั้งหมด 141 ล้านบาท ผมก็สนใจและพยายามศึกษาค้นคว้ามาตลอด โดยหาความรู้จากหนังสือทั่วไปทั้งภาษาอังกฤษภาษาไทย แต่ผมอ่านไม่ออกหรอก อาศัยว่าใช้ตัวช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำการแปลให้
ผมก็ศึกษาค้นคว้ามาเรื่อยๆ จนจานดาวเทียมเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นราคาก็เริ่มลดลงประมาณ 38,000 บาท แต่เงินเดือนของผมไม่กี่บาท ผมก็เลยคิดค้นทำเองเลย โดยทดลองเอาสิ่งของใกล้ตัว อย่างเช่น เหล็กอะลูมิเนียมตู้กับข้าว กะทะที่เราใช้ทำกับข้าว โดยคิดว่าอะไรที่มันสะท้อนคลื่นได้นั้นก็สามารถทำได้หมด"
และแล้วจานดาวเทียมกะทะเหล็กของลุงเหลือจึงถูกนำไปติดตั้งตามโรงเรียนต่างๆ ทั้งใกล้และไกล เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมจากจานกะทะเหล็กของลุงเหลือ ด้วยความคิดที่ว่าความรู้ไม่ควรถูกปิดกั้น แต่ควรจะกระจายไปทุกที่ทุกตำบล
เพราะเป็นคนที่เรียนรู้ทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา แต่เวลาที่เหลืออยู่ก็มีแต่ถดถอยลงไปทุกขณะ ลุงเหลือจึงใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและเป็นประโยชน์มากที่สุด วันเวลาในช่วงกลางวันถ้าไม่หมดไปกับการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ ก็จะมีคนที่สนใจเรื่องจานดาวเทียมเดินทางมาขอคำแนะนำบ้าง หรือบางวันลุงเหลือก็จะเดินทางไปตามโรงเรียนต่างๆ ที่เชิญมาให้ไปสอน ส่วนในช่วงกลางคืนลุงเหลือมักนั่งอยู้หน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อศึกษาค้นคว้าในอินเตอร์เน็ตอีกด้วย
"ผมไม่คิดที่จะทำขาย หรือจดลิขสิทธิ์ ผมอยากให้ความรู้กระจายไปในทุกพื้นที่ ดังนั้นผมถือว่ามันเป็นกุศลที่ผมได้มอบให้กับคนอื่น อันดับแรกคือร่างกายผมไม่ป่วยยังแข็งแรงดี สองผมความจำยังดียังทำประโยชน์ได้ และสามคือผมพออยู่พอกินไม่ได้อยากร่ำรวยอะไร เพราะฉะนั้นเรื่องเงินเรื่องเล็ก ถ้าตัวเราอยู่สุขสบายแล้วล่ะก็ วิธีคิดเหล่านี้ผมได้มาจากพระราชดำรัสของในหลวง คือคิดอะไรให้มันง่ายๆ เข้าไว้อย่าสลับซับซ้อน คนอื่นเขาจะได้ทำตามได้"
...นี่คือปณิธานของชายชราผู้หนึ่งที่ตระหนักถึงคำว่า "ให้" และ "พอเพียง" อย่างแท้จริง ในยุคสมัยที่คนส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้รับมากกว่าการเป็นผู้ให้
ข้อมูลและภาพประกอบจาก