กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
'เทพเทือก'เผยนายกฯไม่เคืองลาออกจาก ส.ส.
"ประชาธิปัตย์"ชงตั้งกรรมการอีกชุด ยื้อเวลาเอกซเรย์แก้ รธน.ส.ว.40 ขอโพลสำรวจให้ละเอียดไล่มาตราแก้ตรงไหนบ้าง “วิทยา” น่วม สตง.ทวงยิกผลสรุปรถพยาบาลฉาว รมว.สธ.เผยขอตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพิ่ม นายกฯยืนยันไม่กลัวเสื้อแดง ลั่นลงพื้นที่ได้ทั่วไทย “อิสสระ” เคลียร์อุบลฯเตรียมต้อนรับต้น ส.ค. มั่นใจเสื้อแดงไม่ล้ำเส้น ปชป.จวก “เสื้อแดง” ป่วนเมืองหวังกลบล่าชื่อไม่ครบ 2 พรรคท้าสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมส.ส.สุราษฎร์ฯเขต 1 ปชป.ให้ “เพื่อไทย” ส่งมวยถูกคู่ ฝ่ายพท.โต้กลับพรรคสะตอแก้เกี้ยว หวังดัน “ธานี” นั่งส.ส. หลังเจอใบเหลือง นายกอบจ. “เทพเทือก” เผยนายกฯไม่เคือง ลาออกไม่แจ้งล่วงหน้า สับนักข่าวอย่าจินตนาการ ก๊วนกอล์ฟชิงถ้วยทักษิณกร่อย “เสื้อแดง”เปิดตัวนิตยสาร “เสียงทักษิณ” จัดรูปแบบคล้ายไทม์แมกกาซีน ขายหุ้นละ 1,000 บาท พิมพ์เป็นกระบอกเสียงให้ “แม้ว” ขณะที่ “วีระ”โวล่าทะลุล้านชื่อช่วย “ทักษิณ” เผยนายใหญ่ทราบเรื่องดีใจมาก
“เทพเทือก”ย้ำนายกฯไม่เคือ ง
เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังเคืองจากที่ได้ลาออกจาก ส.ส. โดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยย้อนถามนักข่าวว่า ท่านบอกอย่างนั้นหรือ ตนถึงบอกว่าระวังจินตนาการ ไม่เช่นนั้นพวกตนก็แย่เล่นไปแหย่คนโน้นที คนนั้นทีและมาทำข่าวเอง ถ้านายกฯ เคืองท่านก็บอกตนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบแบบนี้มีผลอะไรหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วไม่ใช่สายฟ้าแลบ ตนเคยบอกพวกเขาก่อนหน้านี้แล้วจำได้หรือไม่ จึงไม่ใช่สายฟ้าแลบ
เมื่อถามย้ำว่าในพรรคเองก็มีความเห็นที่แตกต่าง นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เรื่องนี้คุยกันในพรรคมาก่อนแล้วและมีความเห็นหลาก หลายเป็นปกติ เมื่อถามย้ำว่าดูแนวโน้มแล้วจะมีใครออกตามบ้าง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนบอก แล้วว่าไม่ประสงค์ให้ใครลาออกตามตน เพราะแต่ละคนเหตุผลไม่เหมือนกัน ตนลาออกเพราะต้องการเวลา และสมาธิในการทำหน้าที่ของตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลความมั่นคง
ดึงจังหวะส่งน้องชายลงส.ส.
เมื่อถามว่า ได้ข้อตกลงหรือยังที่จะให้น้องชายลงสมัครรับเลือกตั้งที่ จ.สุราษฎร์ธานีแทน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกลไกของพรรคที่มีคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ซึ่งจะต้องฟังเสียงฝ่ายต่าง ๆ ที่จริงตนคิดว่าตั้งแต่เรื่องที่ตนลาออกเรื่องควรจะจบได้แล้ว ถ้าต้องพูดกันทุกวัน รู้อย่างนี้ก็จะตัดสินใจอยู่ดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งซ่อมทางพรรคไม่คิดว่ามีปัญหาใช่หรือไม่ เพราะมีการท้าให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาลงสมัครแข่งด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า คงเป็นความคิดเห็น เพราะนายยงยุทธก็เป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายธวัช วิชัยดิษฐ พี่ชายของนายยงยุทธก็เคยเป็น ส.ส. ที่นั่น ต่อข้อถามว่าตระกูลวิชัยดิษฐ จะสู้กับเทือกสุบรรณ ได้หรือ นายสุเทพ กล่าวว่า การเมืองไม่ใช่เอาเรื่องตระกูล มาห้ำหั่นกัน คงไม่ใช่อย่างนั้น
ปชป.ขอพท.ส่งมวยให้ถูกคู่
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยโจมตีการลาออกของนายสุเทพเป็นการสร้างภาพเพื่อ เปิดทางให้นายธานี เทือกสุบรรณ อดีตนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งลงสมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานีไม่ได้อีกว่า ขอชี้แจงแทนนายธานีว่านายธานีไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่กกต.ตัดสินให้นายธานีออกจากตำแหน่งเพราะ มีคนอื่นทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง นอกจากนี้พรรคยังไม่ได้มีมติว่าจะส่งนายธานีลงเลือกตั้ง ส.ส. สุราษฎร์ธานี เขต 1 แทนนายสุเทพเลย เพราะการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคต้องผ่านความเห็นชอบจากสาขาพรรค คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ของพรรค และที่ประชุมกรรมการบริหารก่อน
“ส่วนที่ผมพูดว่าอยากให้นายยงยุทธ วิชัย ดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลงเลือกตั้งที่สุราษฎร์ ธานี ก็ไม่ใช่การท้าทาย แต่เป็นเพราะนายยงยุทธมีฐานเสียงอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และหากส่งน้องชายนายยงยุทธอย่างนายสมพล วิชัยดิษฐ ซึ่งแพ้เลือกตั้งซ้ำซากลงก็จะไม่สนุก การที่ขอให้นายยงยุทธลงเลือกตั้งด้วยตัวเอง นอกจากเป็นการสร้างสีสันแล้ว ยังเป็นการจับมวยถูกคู่มาชกกันด้วย ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยจะได้มีหัวหน้าพรรคเป็น ส.ส. กับเขาเสียที” นายเทพไท กล่าว
โต้กลับเกมบ่ายเบี่ยงของปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้ว่า การที่นายเทพไทออกมาท้าทายพรรคเพื่อไทยส่งนายยงยุทธ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุราษฎร์ธานีเป็นการบ่ายเบี่ยงกรณีที่นายสุเทพถูกรู้ทันว่าที่ลาออกจาก การเป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่ใช่แสดงสปิริต แต่เพราะต้องการเปิดทางให้น้องชายตัวเองที่ถูกใบเหลืองจากการเลือกตั้งท้อง ถิ่น มาลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ดังนั้นขอให้นายเทพไทกลับไปพิจารณามาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์ดีกว่า
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนายยงยุทธคงไม่เอาศักดิ์ศรีความเป็นหัวหน้าพรรคไปแลกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีแน่ ซึ่งในวันที่ 21 ก.ค.นี้ กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ที่เห็นว่ามี คุณสมบัติเหมาะสม ดี เด่น ดังลงสู้กับน้องชายนายสุเทพแน่นอน
กอล์ฟทักษิณจืดก๊วนร่อยหรอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น. ได้มีการจัดแข่งขันกอล์ฟปาร์ตี้สานสามัคคี “111+37 = เพื่อไทย ครั้งที่ 2/2552” ที่สนามโลตัสวัลเล่ย์กอล์ฟรีสอร์ท อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ ส่วนผู้เข้า ร่วมแข่งขันมีทั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, นายพายัพ ชินวัตร,นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล, นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์,นายชูศักดิ ศิรินิล รวมถึงนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช
โดยมีถ้วยรางวัลจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมถึงถุงกอล์ฟโลโก้พรรคเพื่อไทยให้กับผู้ชนะ อย่างไรก็ตามบรรยากาศไม่ค่อยคึก คักเหมือนการแข่งขันนัดแรก ขณะที่อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนก็เข้าร่วม ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นส.ส.จากพรรคเพื่อไทย
“เหนาะ”ไม่กดดันสอบครองหุ้น
นายเสนาะ ซึ่งเป็นหนึ่งในส.ส.ที่อยู่ระหว่างการวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. จากการถือครองหุ้นบริษัทที่เป็นสัมปทานของรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า สถาบันหลักต้องมีดุลพินิจไม่ใช่ว่าเอาตามตัวหนังสือไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับเดิมไม่มีการเขียนไว้อย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเจตนารมณ์ ที่ต้องดูแลการคอร์รัปชั่นแต่กลายเป็นว่าโจรที่จะมาคอร์รัปชั่นลอยลำ ส่วนส.ส.ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ถือหุ้นอยู่นิดเดียว และหุ้นเหล่านี้ก็เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ถามว่าหุ้นที่มีจำนวนน้อยเช่นนี้จะเอาไปทำอะไรได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลับถือหุ้นได้แต่ส.ส.ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กดดันในกรณีที่นายสุเทพลาออกจากส.ส.หรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย ไม่มีอะไรกดดัน ตนพูดในทางสร้างสรรค์ไม่ได้พูดอย่างอคติ เมื่อถามว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป นายเสนาะ กล่าวว่า ไม่มีแนวทางอะไร เพราะได้แถลงไปหมดแล้ว ถ้า กกต.มีสามัญสำนึกบ้าง และตนคงไม่ฟ้องร้อง กกต.ในเรื่องนี้ เพราะจะได้พักผ่อนเสียที เมื่อถามถึงการเลือกตั้งซ่อมในหลายเขตแทน ส.ส. ที่อาจถูกวินิจฉัยขาดคุณสมบัติส.ส.นั้น นายเสนาะ กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ประเทศไทยอยู่ลำบากสำหรับ การมาออกรอบตีกอล์ฟกับแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีนัยทางการเมือง
เปิดตัวนิตยสาร“เสียงทักษิณ”
ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พร้อมด้วยนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายประแสง มงคลศิริ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช.รุ่น 1 นายจรัญ ดิษฐาอภิชัย และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำนปช.รุ่น 2 ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือนิตยสาร Voice of Taksin หรือ “เสียงทักษิณ” โดยนายสุธรรม กล่าวว่า นิตยสารดังกล่าวเป็นการสะท้อนความคิดความรู้สึกที่มีต่อพ.ต.ท. ทักษิณในทุกด้าน จะเป็นการรวบรวมความรู้สึกของคนในชาติให้นำไปสู่การออกกฎหมายปรอง ดองแห่งชาติ เนื่องจากที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องถูกเล่นงานจากคดีทางการเมือง พวกตนจึงต้องการทำหนังสือสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมทาง สังคมตีแผ่ให้สังคมได้รับทราบ
นายสุธรรม ระบุว่า ยังเป็นทางเลือกใหม่ให้กับสังคมไทยและที่สำคัญจะเป็นแรงผลักดันให้พ.ต.ท. ทักษิณสามารถกลับมาประเทศไทยและลงสู่สนามการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้นิตยสารดังกล่าวจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ก.ค.ซึ่งเป็นวันครบรอบคล้ายวันเกิดของพ.ต.ท.ทักษิณ และจะวางจำหน่ายเป็นรายปักษ์ ทุกวันที่ 1 และวันที่ 15 ของทุกเดือนในราคาเล่มละ 40 บาท
หวังใช้เป็นกระบอกเสียงโต้
นายสมยศ แกนนำนปช.รุ่น 2 กล่าวว่า รูปลักษณ์ของหนังสือจะทำให้เหมือนกับนิตยสารไทม์ ซึ่งมีความเป็นสากล บทบาทก็จะเน้นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเป็นกระบอกเสียงในการโต้ตอบกรณีที่มีการใส่ร้ายป้ายสีเกิดขึ้น ซึ่งนอกจากจะต่อสู้ให้พ.ต.ท.ทักษิณแล้วยังจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคน ที่ถูกกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะเป็นปากเสียงให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง
นายสมยศ ยังกล่าวว่า ส่วนทุนที่ใช้ในการดำเนินการนั้น เบื้องต้นมีทุนประเดิม 6 แสนบาท และจะเปิดให้ประชาชนร่วมเข้าซื้อ หุ้นหนังสือดังกล่าวราคาหุ้นละ 1,000 บาท ผลกำไรที่ได้จากการจำหน่ายหนังสือแบ่งดังนี้ 50% แรกจะเก็บไว้เป็นทุนขยายงาน, 20% จ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น, 20% จ่ายให้กับคนทำหนังสือและคอลัมนิสต์ ส่วน 10% ที่เหลือจ่ายให้กับคนเสื้อแดงเพื่อใช้ในการต่อสู้เรียกร้อง ประชาธิปไตย ตั้งเป้าว่ายอดพิมพ์แต่ละครั้งจะไม่น้อยกว่า 30,000 เล่ม
“วีระ”โวล่าทะลุล้านชื่อแล้ว
นายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้า การลงชื่อถวายฎีกาขออภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ขณะนี้มีรายชื่อประชาชนมากกว่า 1 ล้านรายชื่อในมือแล้ว คาดว่าปลายเดือนก.ค.จะมีรายชื่อเพิ่มมากขึ้นกว่าที่มีอยู่หลายเท่าหลายล้าน คน แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนมากต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน ทั้งนี้พี่น้องเสื้อแดงมีความประสงค์จะนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ เพราะขาดพ.ต.ท.ทักษิณแล้วประชาชนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากนายอภิสิทธิ์แก้ปัญหา อะไรไม่ได้
นายวีระ กล่าวอีกว่า เรื่องข่าวว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ถูกไล่ล่านั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากเมื่อวันที่ 11-12 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้บินไปเยี่ยมพ.ต.ท.ทักษิณ ไปนั่งคุยกับเขามา พูดคุยกันหลายเรื่อง แต่พูดไม่ได้ โดยได้บอกถึงเรื่องการเข้าชื่อถวายฎีกาว่ามีมากกว่า 1 ล้านรายชื่ออยู่ในมือ ทำให้พ.ต.ท.ทักษิณดีใจมาก
ภท.ไม่วิตกศึกเลือกตั้งซ่อม
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่มีนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยและส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และนายมานิตย์ นพอมรบดี รมช.สาธารณสุขและส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย ถือหุ้นต้องห้ามในบริษัทที่กกต.มีคำวินิจฉัยไว้แล้วว่า ทั้ง 2 คนพร้อมเลือกตั้งใหม่ หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าสิ้นสุดความเป็นสมาชิกภาพ ทางพรรคไม่มีความกังวลแต่อย่างใด พร้อมแนะว่าส.ส.ที่มีชื่ออย่ารีบร้อนลาออก ทั้งนี้ ตนเปรียบ กกต. เหมือนพนักงานสอบสวน แต่การตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิดนั้นขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า 44 ส.ส. พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสได้ที่นั่งมากแค่ไหนนั้น นายศุภชัยกล่าวว่าพรรคภูมิใจไทยได้จัดวางตัวบุคคลไว้ชัดเจนมากในภาคอีสาน หากมีการเลือกตั้งซ่อมก็พร้อมที่จะส่งส.ส.ของพรรคลงเลือกตั้งให้ได้มากที่ สุด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับประชาชนด้วย เมื่อถามว่าจะมีการตีท้ายครัวพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น นายศุภชัยกล่าวว่าต้องเข้าใจว่าส.ส.พรรคอื่นหรืออดีตส.ส.มีวิจารณญาณและมี อิสระทางความคิด พร้อมขณะนี้มีส.ส.จากพรรคอื่นไหลเข้ามาแต่ไม่ขอบอกว่าเป็นพรรคใด
ขอโพลถามแก้รธน.ให้ละเอียด
ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวถึงกรณีเอ แบคโพลระบุว่าจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่าร้อยละ 62.7 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ความคิดเห็นของประชา ชนที่สำรวจมาคงไม่ได้ต้องการที่จะให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น เพราะถามคำถามลักษณะนี้ได้ถามประชาชนแล้ว สมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล ซึ่งอยากเรียกร้องให้สำนักโพลทั้งหลาย สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเจาะจงทีละมาตราเลยว่าประชาชนต้องการให้แก้มาตราใดบ้าง ไม่ใช่ไปถามแบบรวม ๆ
“ลึก ๆ แล้ว กลุ่ม 40 ส.ว.เอง ก็อยากให้แก้บางประเด็น แต่ไม่ได้อยากให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น ประเด็นที่อยากให้แก้คืออยากให้ภาคประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบการทุจริตโดย ตรง อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯและประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้นักการเมืองเคารพกฎหมาย จะไปแก้รัฐธรรมนูญ ให้ตนเองพ้นผิดได้อย่างไร” นายไพบูลย์ กล่าว
ปชป.ชงยื้อเวลาศึกษาแก้รธน.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า หลังจากที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการ แก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะต้องหาเวลาเพื่อนำข้อเสนอดังกล่าวรายงานต่อที่ประชุมสภา เพื่อฟังความเห็นจาก ส.ส.ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุดเพื่อศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญให้ตกผลึก โดยอาจใช้ชื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ฯชุดถาวรหรือใช้ชื่ออื่นก็ได้ แต่เวลาการทำงานแค่ 45 วัน ยังไม่ทำให้ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญตกผลึกเพียงพอ จนทำให้กระแสคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังมีอยู่
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้คนที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาทิ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม 40 ส.ว. และพรรคการเมืองใหม่ เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชินวรณ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดใหม่จะต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยอาจทำประชาพิจารณ์ว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราใดบ้าง ซึ่งอาจทำให้มีประเด็นใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาด้วย แต่ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติโดยการตั้งคำถามง่าย ๆ ว่าควรแก้หรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะจะยิ่งไปตอกลิ่มความขัดแย้งอีก ฝ่ายที่ค้านก็ยังค้านอยู่ ซึ่งไม่มีทางทำให้เกิดความสมานฉันท์ขึ้นมาได้
“มาร์ค”ยังเล็งลงพื้นที่เสื้อแดง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงที่จ.อุบลฯล้อมรถระหว่างตรวจราชการว่า สำหรับตนยังตั้งใจที่จะไปในทุกจังหวัด เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของการไปติดตามงาน เพราะรัฐบาลเร่งรัดโครงการไทยเข้มแข็งอยู่ในทุกจังหวัด และก็จะไปดูการทำงานของรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ว่าจะมีแผนอย่างไร โดยตั้งใจว่าจะทำให้ได้ เมื่อถามว่าหากลงไปอาจถูกมองว่าฝ่ายรัฐบาลไปยั่วยุฝ่ายตรงข้าม นายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้คนในประเทศคงต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ทำงาน ได้ตามปกติ และขอเรียกร้องว่าคนที่อยากจะแสดงออกต้องมีขอบเขต
เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เข้าแผนตากสิน 2 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เหมือนกับครั้งแรกที่มีการพูดถึงแผน 1 แผน 2 ซึ่งก็มีหลายเหตุการณ์ที่สอดคล้อง แต่บางเหตุการณ์ก็ไม่สอดคล้อง เราจะไปยึดตรงนั้นเป็นหลักคงไม่ได้ แต่ต้องดูตามสภาพข้อเท็จจริง และอยากย้ำเราจะต้องไม่ยอมให้เกิดความรุนแรง การใช้อาวุธ หรือการขัดขวางการทำหน้าที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ซึ่งรัฐบาลเองก็เดินหน้าสร้างความเข้าใจต่อไป และไม่มีความกังวลอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขอความร่วมมือกับส.ส.ในพื้นที่หรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ส.ส. เป็นผู้ปลุกระดมเสียเอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความจริงถ้าพูดกันได้ก็พูดอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ส.ส. จะยืนยันว่าตนไม่เกี่ยวข้อง
“อิสสระ”ยันอุบลฯไม่ดุเดือด
นายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะส.ส.อุบลราช ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอลงกรณ์ลงพื้นที่จ.อุบลราชธานี แต่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงโห่ไล่ว่า ตนรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมของกลุ่มเสื้อแดงซึ่งทำอย่างนี้ทุกจังหวัด แต่ที่อุบลฯไม่ได้รุนแรงอะไร ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่กลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวกันอยู่หน้าโรงแรม เห็นว่ากลุ่มเสื้อแดงชุมนุมประท้วงด้วยความสุภาพเรียบร้อยดี ทั้งนี้กลุ่มคนที่มาชุมนุมต่อต้านมีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นไม่น่าเกิน 100 คน ทั้งนี้การจะชุมนุมประท้วงนั้นเราไม่ว่า ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขอเพียงอย่าไปละเมิดสิทธิของคนอื่น อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯจะลงพื้นที่จ.อุบลฯ นายอิสสระ กล่าวว่า ก็ไม่แปลกนายกฯสามารถไปได้ จ.อุบลฯพร้อมที่จะต้อนรับนายกฯ และไม่ใช่แค่เฉพาะจ.อุบลฯเท่านั้น เพราะนายกฯบอกว่าแม้แต่จ.เชียงใหม่ก็จะไป เท่าที่ตนรู้ช่วงที่นายกฯจะไปอุบลฯ นั้นเป็นช่วงประมาณต้นเดือนส.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงหากนายกฯลงพื้นที่จ.อุบลฯจะรุนแรงมากกว่า กรณีของนายอลงกรณ์หรือไม่ นายอิสสระ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะรุนแรง เพราะคนอุบลฯพูดรู้เรื่อง
สับเสื้อแดงป่วนกลบล่าชื่อวืด
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงที่อ้างถึงเหตุการณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นการสร้าง สถานการณ์จากฝ่ายรัฐบาลว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่แกนนำคนเสื้อแดงจะไม่ยอมรับพฤติกรรมด้านลบของตัว เอง และโยนความผิดให้กับคนอื่นอยู่ตลอด การโทษว่าการลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์เป็นการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงก็ไม่ ถูกต้อง เพราะอันที่จริงแล้วนายอภิสิทธิ์ต้องการลงพื้นที่อย่างเงียบ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นนายกฯพอจะไปไหนก็มักเป็นข่าว การพยายามป้ายสีว่ารัฐบาลขุดหลุมพรางไว้
นายเทพไท กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการที่คนเสื้อแดงพยายามโทษรัฐบาล เป็นความพยายามบิดเบือนการเดินหน้าล่ารายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯขอถวายฎีกาพระ ราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่น่าจะไม่เข้าเป้า ตามจำนวนที่ต้องการไว้ เพราะนิสัยของแกนนำคนเสื้อแดงเป็นพวกชอบโอ้อวดสรรพคุณตัวเอง หากได้ตามจำนวนคงนำมาอวดอ้างแล้ว ต้องบอกว่ารัฐบาลไม่มีเบ็ดล่อให้คนเสื้อแดงมาติดเบ็ด แต่คนเสื้อแดงเองต่างหาก ที่ไปติดเบ็ดของพ.ต.ท.ทักษิณ จนขณะนี้บางคนยังเห็นเบ็ดของพ.ต.ท.ทักษิณ คาปากอยู่เลย
จวกพท.ขวางชุมชนพอเพียง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การที่ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณตามโครงการเศรษฐกิจพอ เพียงเพื่อยกระดับชุมชน โดยอ้างว่าหลายโครงการไม่โปร่งใส เพราะมีนักการเมืองระดับชาติเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อขัดขวางการดำเนินโครงการนั้น พรรคขอยืนยันว่าโครงการนี้เป็นการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ และไม่มีนักการเมืองคนใดเข้าไปเกี่ยวข้อง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมามีอุปสรรคบ้าง เช่นการที่กำหนดเงื่อนไขให้คนในชุมชน 70 เปอร์เซ็นต์ต้องเห็นพ้องกันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในสังคมเมือง จึงได้มีการปรับเงื่อนไขให้เหลือเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญโครงการนี้พรรคใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง ยังเป็นโครงการที่ประโยชน์ตกกับชุมชนอย่างแท้จริง ไม่เหมือนหลายโครงการสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่นอกจากผลประโยชน์จะไม่ตกสู่ชุมชุนอย่างแท้จริง ยังสร้างหนี้ให้กับชุมชนด้วย
โต้ข้อวิจารณ์เปิดศึกเพื่อนบ้าน
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) วิจารณ์นโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลว่าทำให้ทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านไป หมดว่า ยืนยันว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน เห็นได้จากการเดินทางไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านจนหมดทุกประเทศหลังเข้ารับ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจมีปัญหาข้อพิพาท กับเพื่อนบ้านบ้าง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดที่แล้ว อย่างกรณีปัญหาเรื่องปราสาทพระวิหาร
ส่วนกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ไม่ยอมเดินทางไปเหยียบกัมพูชาอีก จนทำให้นายสุเทพ ต้องบินไปเจรจากับสมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาความตึงเครียดบริเวณชายแดนด้วยตัวเองถึง 2 ครั้งนั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ตามปกติแล้ววิธีทางการทูตในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ มักจะมีมากกว่า 2 ชั้น ทั้งการเดินทางไปพูดคุยอย่างเป็นทางการ หรือการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือที่เรียกว่า Backdoor Diplomacy หรือการเจรจาหลังบ้าน
สตง.ทวงผลสรุปรถพยาบาล
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉิน ระดับสูง 232 คัน ตามที่ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือถึง รมว.สาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.ว่า ขณะนี้ทางสำนักนายกฯได้ทำหนังสือตอบกลับมาแล้ว หลังจากที่ตนได้ทำหนังสือเพื่อหารือการดำเนินการต่อจากนี้ โดยระบุว่า ถ้ากระทรวงสาธารณสุขยังมีข้อสรุปไม่ชัดเจน ก็ให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบได้ ซึ่งตนคงจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดำเนินการภายใน 2-3 วันนี้
ก่อนหน้านี้ สตง.ได้มีหนังสือถึงรมว. สาธารณสุข เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2552 แจ้งผลการตรวจสอบกรณีการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง 232 คัน มาแล้วและให้แจ้งผลสอบทั้งทางแพ่งและอาญาไปยัง สตง. ทราบใน 90 วัน แต่เวลาล่วงเลยไป ทาง สตง. ได้ทำหนังสือด่วนมาก ที่ ตผ 0020/2948 วันที่ 22 มิ.ย. 2552 ถึง รมว.สาธารณสุขอีกครั้ง เพื่อขอทราบผลการดำเนิน การทางวินัยและตรวจสอบข้อเท็จจริงและผลการดำเนินการทางแพ่งและอาญา กรณีการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินดังกล่าว โดยมีใจความว่า “บัดนี้ระยะเวลาได้ล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว สตง. ยังไม่ทราบผลการดำเนินการดังกล่าวจึงขอให้เร่งรัดดำเนินการตามกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง”.
ที่มา เดลินิวส์
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
