| • จิ๋ว-พัลลภ-เสธ.แดง" "ม้าไม้เมืองทรอย" สายลับอำมาตย์ เจาะกองทัพ "แม้ว-แดง" กับฝัน |
|
โพสต์โดย ^__^ , วันที่ 23 พ.ค. 53 เวลา 00:16:44 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
"จิ๋ว-พัลลภ-เสธ.แดง" "ม้าไม้เมืองทรอย" สายลับอำมาตย์ เจาะกองทัพ "แม้ว-แดง" กับฝันของ "พระราม"
ท่า ทีและคำพูดของ ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในสามเกลอ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ระเบิดศึกแดงเดือดกับ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. เป็นการสะท้อนถึงความหวาดระแวงที่มีต่อการเปลี่ยนขั้วย้ายข้างมาซบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย
"คนพวกนี้เคยอยู่ฝั่งที่จะฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณมาทั้งนั้น ไม่รู้เลยว่าที่เข้ามาอยู่ที่นี่ใครจัดวางใครมาอย่างไร..."
"ช่วง ที่ไปเมืองดูไบครั้งล่าสุด เพื่อพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำเหมือนถ่ายทอดสดการเข้าพบมาที่ประเทศไทย มันหมายความว่าอย่างไร ทำอย่างนี้คิดไม่ได้หรือว่าดีหรือไม่ดี"
"การออกไปให้สัมภาษณ์ข้าง นอกทั้งในเรื่องบนดินใต้ดินอย่างนี้ ทำให้คนที่เขาทำงานกันมาก่อนอึดอัด มีอย่างที่ไหนจะตั้งโต๊ะแถลงว่าจะใช้ยุทธวิธีใต้ดินอย่างไรบ้าง ในหนังเขายังไม่ทำกันอย่างนั้น แล้วอย่างนี้คนเสื้อแดงจะมีความไว้วางใจได้อย่างไร"
"...แล้วอย่าง พล.อ.พัลลภ เข้าๆ ออกๆ หา พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว 3 ครั้ง ในขณะที่พวกผมยืนอยู่ที่เดิม ส่วน พล.ต.ขัตติยะ ก็ไม่แน่ใจว่าจะยอมให้มีหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยที่เป็นเด็กในบ้านของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ได้อย่างไร..."
ก่อนตบท้ายว่า ใครกันแน่ที่จะมาทำให้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงแตก...
ไม่ ใช่เรื่องแปลก เพราะในเมื่อ พล.อ.พัลลภ ที่เคยเป็นผู้ร่วมวางแผนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งการซุ่มยิง การยิงระเบิดใส่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนถึงคาร์บอมบ์ จนที่สุดต้องมาใช้การปฏิวัติล้มอำนาจมาก่อน
แต่จู่ๆ ก็อยากจะย้ายข้าง ขอไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองจีน เมื่อปลายปี 2551 โดยอาศัยที่เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมาก่อน ในการกลับมาอยู่ "บ้านเก่า"
ไม่ต่างจาก พล.ต.ขัตติยะ ที่เคยเป็นหัวหน้าทีม รปภ. ของ สามสี ไตรรงค์ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ และเคยเป็นแนวร่วมของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้วก็พยายามเลียบๆ เคียงๆ จนได้มาอยู่กับเสื้อแดง ตั้งแต่การชุมนุมที่สนามหลวง ด้วยการเป็นผู้ฝึกและจัดตั้งกลุ่มนักรบพระเจ้าตาก และฮาร์ดคอร์ เป็นกองกำลังป้องกันกลุ่มเสื้อแดง และถูกสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับกฐินสามัคคี การระดมยิงเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และ สนามหลวง
จนทุกวันนี้ พล.ต.ขัตติยะ ยอมรับว่า นายไตรรงค์ ยังเป็นผู้มีพระคุณ ที่เขายังเคารพรัก "ตอนที่ผมอยู่กับท่านไตรรงค์นั้นผมได้ประสบการณ์และความรู้ทางการเมืองเยอะ มาก ผมได้วิชา เห้...ศาสตร์ มาเยอะมาก คนที่ผมแพ้ทางมีคนเดียว คือท่านไตรรงค์" เสธ.แดง กล่าว
ดังนั้น การที่นายจตุพร หรือแกนนำเสื้อแดงหลายคนจะหวาดระแวง มีข้อสงสัยว่า การเข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทย และยอมมาเป็นพวก พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ เป็นแผน "ลับ ลวง พราง" แฝงตัวเข้ามา เพื่อมาทำให้กลุ่มเสื้อแดงแตกหรือไม่
เสมือน ว่า พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ เป็นดั่ง "ม้าไม้เมืองทรอย" ตำนานการสู้รบของกรีก ที่แสร้งยอมถอยทัพ แล้วทิ้งม้าไม้ที่มีทหารกรีกซ่อนอยู่ไว้เพื่อแสดงการยอมแพ้ จนชาวเมืองทรอยตายใจ ขนม้าไม้เข้าเมือง วันดีคืนดี ทหารกรีกก็ออกจากม้าไม้ มาเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้าตีเมืองทรอยแตกในที่สุด
ที่สำคัญ งานนี้ ยังมีการจับจ้องไปถึง บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ด้วยว่า เป็นม้าไม้ที่ถูกส่งเข้าเมืองทรอย อีกตัวหนึ่งหรือเปล่า ด้วยเพราะรู้กันดีว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิต เคยเป็นลูกป๋า เคยสวมเครื่องแบบทหาร เดินตาม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เดินสายบรรยายพิเศษปลุกสำนึกทหารให้แข็งขืนต่อรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติในเวลาต่อมา
ไม่แค่นั้น พล.อ.ชวลิต ยังมีส่วนช่วยให้คำปรึกษาแก่คณะปฏิวัติ ด้วยการส่ง พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รอง ผบ.ทบ. น้องรัก เข้าไปอยู่ในกองบัญชาการปฏิวัติ ที่ บก.ทบ.
และต้อง ไม่ลืมว่า พล.อ.ชวลิต เป็นลูกรักของ พล.อ.เปรม เพราะทำงานด้วยกันมาตลอด ถึงขั้นที่ พล.อ.เปรม ต้องโทรศัพท์แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทุกวันที่ 15 พฤษภาคม และยังคงเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เป็นระยะๆ
จนถูกสงสัยว่า การยอมมาเป็นประธานพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้หลังจากที่อิดออดมานาน เพราะรู้เห็นเป็นใจกับ พล.อ.เปรม เพื่อหวังให้ พล.อ.ชวลิต มายึดครองพรรคเพื่อไทย มาเป็นหัว เป็นผู้นำพรรค แทน พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะรู้ดีว่า พรรคที่มีฐานเสียงมากและหนาแน่นเช่นนี้ ยากที่จะทำลายล้าง แต่ใช้วิธีการแทรกซึมและเข้าครอบครอง
แต่จะให้สมจริง เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และพลพรรคเสื้อแดงเชื่ออย่างสนิทใจ พล.อ.เปรม ก็ฝากข้อความมาถึง พล.อ.ชวลิต เตือนให้คิดให้รอบคอบก่อนการเข้าพรรค มิเช่นนั้นจะเป็นการ "ทรยศชาติ" เพื่อเป็นการสะท้อนสัมพันธ์ที่สะบั้น
"ไม่มี เพราะผมกับป๋าท่านห่างกันมาหลายปีแล้ว ไม่ได้วางแผนอะไรกันอย่างนั้น" พล.อ.ชวลิต ปฏิเสธข้อกล่าวหา
"จะ มาหาว่าผม ลับ ลวง พราง หรือ ไม่ใช่หรอก ผมมาอยู่กับนายกฯ ทักษิณ จริงๆ เพราะที่ผ่านมา ผมอาจเข้าใจท่านผิด แล้วท่านก็เข้าใจผมผิดเหมือนกัน พอได้เคลียร์ใจกัน ก็จบ" พล.อ.พัลลภ แจง
"มันเป็นไปโดยธรรมชาติ มากกว่า คนอย่าง เสธ.แดง ไม่มีแผนลึกซับซ้อนอะไรอย่างนั้นหรอก แต่การจะสู้กับทหารตุ๊ด แต๋วแตก จะต้องรู้จักธรรมชาติของพวกนี้ คอยดูฝีมือ เสธ.แดง ก็แล้วกัน ไม่ต้องหวาดระแวง มันเป็นการปล่อยข่าวให้พวกเราแตกกันเอง" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
แต่ ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ การที่ พล.ต.ขัตติยะ อาจเป็นคนชอบพูดชอบเล่าและอาจขี้คุย จึงมักจะนำสิ่งที่พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเล่าให้นักข่าวฟังทั้งหมด ทั้งๆ ที่หลายเรื่องควรจะเก็บไว้เป็นความลับเพื่อการขับเคลื่อนทางยุทธศาสตร์
ยิ่ง การไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบ เป็นครั้งที่สองนั้น พล.ต.ขัตติยะ ออกมาให้ข่าวแบบหมดเปลือกว่า คุยอะไร วางแผนอะไรกันบ้าง โดยเฉพาะการเดินเกมแบบทหารสายเหยี่ยว
โดยเฉพาะการตั้ง "กองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ที่ทั้ง พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่า ผ่านการตกผลึกความคิด และความเห็นชอบของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว
ด้วยเพราะเห็นว่า ทั้ง นปช. และ พล.อ.พัลลภ และ พล.ต.ขัตติยะ จะต้องมาร่วมกันเป็นหนึ่ง ในการสู้ศึกครั้งใหญ่นี้ เพื่อให้ครบองค์ประกอบ พรรค แนวร่วม และกองกำลัง แล้วกลายเป็น กองทัพประชาชนฯ
ในเบื้องแรก ที่ใช้คำว่า "ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เพราะต้องการล้างภาพที่ถูกกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดี และเพื่อสะท้อนว่า คนเสื้อแดง ก็เป็นประชาชน ที่จะทำเพื่อในหลวง แต่ต่อมา ต้องตัดคำนี้ทิ้ง เพราะเกรงว่าจะไม่เหมาะสม
อีก ทั้งเบื้องต้น มีการตกลงให้ พล.อ.ชวลิต เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.พัลลภ เป็น รอง ผบ.สส. และ พล.ต.ขัตติยะ เป็น ผู้นำกองกำลัง โดยที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้นำสูงสุด
หรือที่ พล.ต.ขัตติยะ เปรียบเทียบว่า พล.อ.ชวลิต จะเป็น พระราม พล.อ.พัลลภ เป็น พระลักษณ์ ส่วนตัวเองเป็น หนุมาน แต่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นดั่ง นโปเลียน ในการวางแผนบัญชาการรบอย่างชาญฉลาด
โดยจะมีเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ให้ พล.อ.ชวลิต แม้เจ้าตัวจะไม่อยากเป็น แต่ก็จะขอให้เป็นแค่ 1 ปี เพื่อจัดระบบก่อน
"นายกฯ ทักษิณ ถามผมว่า ผมอยากเป็นอะไร ผมบอกว่า ผมก็จะเป็นประชาชนธรรมดา ที่จะใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไร แต่พร้อมที่จะออกมาช่วยพี่จิ๋ว" พล.อ.พัลลภ กล่าว
ก่อนที่จะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.พัลลภ ได้ไปหารือกับ พล.อ.ชวลิต มาก่อนแล้ว เพราะเห็นว่าเป็นคนเดียวที่เหมาะจะเป็นหัว เป็นผู้นำในการต่อสู้
แม้แต่นายจตุพร เองก็ตาม พล.อ.พัลลภ ก็ได้เคยพูดคุยถึงแนวทางการต่อสู้ก่อนแล้ว
"ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไร" พล.อ.พัลลภ กล่าวด้วยความงุนงง
"อยู่ ดีๆ ก็มาบอก ไม่ให้ผมมายุ่ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมคุยกับเขาถึง 2 ครั้งแล้วว่า ให้เขานำมวลชนไป ส่วนผมจะดูแลเรื่องกองกำลัง เรื่องการดูแลความปลอดภัยให้"
"ผมสงสัยว่า เขาคงจะไม่พอใจที่ กี้ อริสมันต์ และ แรมโบ้ ไปกับผม และ เสธ.แดง ด้วย เพราะตอนอยู่ที่ดูไบ ก็เห็นจตุพร ก็โทรศัพท์มาต่อว่าทั้งคู่ใหญ่เลยว่า มาทำไมไม่บอก"
"เขา คงกลัวว่าผมจะไปแย่งการเป็นผู้นำมวลชนเสื้อแดงของเขา โดยเฉพาะวันที่ผมพา เสธ.แดง ไปมอบตัวกับตำรวจ มีพี่น้องเสื้อแดงไปด้วยจำนวนมาก เขาก็คงกลัวว่า ผมจะเป็นผู้นำแทนเขา ผมไม่เคยคิดจะไปแย่งซีนเขาเลย เพราะเราตกลงกันแล้วว่า ใครจะทำหน้าที่อะไร" พล.อ.พัลลภ กล่าว
ที่สำคัญ พล.ต.ขัตติยะ กลับไปพูดให้ท้ายแรมโบ้ นายสุพร อัตถาวงศ์ ให้ล้มนายจตุพร แล้วขึ้นมาเป็นผู้นำแทน ก็ยิ่งทำให้นายจตุพร ไม่พอใจ
ขณะ ที่ในอีกมุมหนึ่ง ไม่เชื่อเรื่องทฤษฎีม้าไม้เมืองทรอย หรือการแย่งการเป็นผู้นำและบทนำ แต่อีกมุมหนึ่งบอกได้ว่า อาจมีเรื่องผลประโยชน์
"ไม่มี ไม่ได้ขัดแย้งเรื่องเงินอะไร เพราะผมไปหานายกฯ ทักษิณ ที่ดูไบมา 2 ครั้ง ไม่ได้ไปรับเงิน แม้แต่ครั้งแรกที่ไปพบท่านที่เมืองจีน ก็ไม่ได้อะไรเลยสักบาท แต่มาครั้งนี้ นายกฯ ทักษิณ ให้มา 5 พันดีแรห์ม หรือประมาณ 5 หมื่นบาท ช่วยค่าตั๋วเครื่องบินและโรงแรมเท่านั้น อย่าไปคิดว่าผมต้องไปรับเงิน หรือคนที่ไปต้องได้เงิน แล้วคนที่ไม่ไปจะไม่ได้ คนอย่างผม เรื่องเงินไม่สำคัญ" พล.อ.พัลลภ กล่าว
ยิ่งกับ พล.ต.ขัตติยะ ด้วยแล้ว เขาประกาศว่า "คนอย่าง เสธ.แดง จะมารับเงินของพี่ทักษิณ เพราะ เสธ.แดง ถือเคล็ด เพราะจะทำให้การรบของเราไม่ศักดิ์สิทธิ์ ยิงไม่แม่น แต่ เสธ.แดง มีคนอื่นเป็นสปอนเซอร์ให้"
แต่ก่อนที่แดงจะแตก เพราะวิวาทะของจตุพร ที่เปรียบอีกฝ่ายเป็น "ของปลอม" หรือ "หมาเน่า" หลังจากที่ พล.อ.พัลลภ ไม่รับคำขอโทษ แต่ให้นายจตุพรไปขอโทษ พล.อ.ชวลิต แทน แม้ว่า พล.อ.ชวลิต จะปฏิเสธรับตำแหน่ง ผบ.สส. แล้วก็ตาม
พ.ต.ท. ทักษิณ ก็ต้องโทรศัพท์ข้ามประเทศ หย่าศึกแดงเดือดนี้ด้วยตนเอง "ขอให้นิ่งเฉยไว้" แม้แต่ พล.อ.ชวลิต เอง ก็เคลียร์กับ พล.อ.พัลลภ ที่ประกาศยุติทบบาท ด้วยการขอให้ "สู้ต่อไป"
"อย่าไปใส่ใจ ทำงานของเราต่อไป" พล.อ.พัลลภ เผยคำพูดของ พล.อ.ชวลิต ที่ให้กำลังใจหากจะทำงานใหญ่
อันจะเป็นผลให้ พล.อ.พัลลภ จะต้องเป็นแค่คนนั่งดูเท่านั้น "แต่เรายังต้องทำงานใต้ดินกันต่อไป"
นี่ จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ มีการมองว่า การที่ พล.อ.พัลลภ ประกาศยุติบทบาท ไม่ช่วยกลุ่มเสื้อแดงต่อสู้อีกแล้ว และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นแผนเหนือชั้นในการตัดตัวเองออกจากการเป็นเป้าหมาย หากเกิดการใช้ความรุนแรงขึ้นในอนาคตอันใกล้
ห
น้าฉาก เวลานี้ คือ การหยุดเดินหน้าเรื่องกองทัพประชาชนฯ และไม่มี ผบ.สส. แต่มีแค่ผู้นำสูงสุด ที่จะไม่ยอมให้มีการใช้ความรุนแรง และไม่มีกองกำลังติดอาวุธ
แต่หลังฉากนั้น แผนเดิมกำลังเดินหน้าต่อไป กับแผนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ทั้งแผนการยึดทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา และหากทหารออกมาปราบปรามม็อบ กองกำลัง รปภ. ที่ พล.ต.ขัตติยะ ตั้งขึ้น โดยมีอดีตทหารพราน นักรบชุดดำ มากกว่า 200 คน และกำลังสร้างให้มากขึ้นๆ ในหลายจังหวัดในภาคอีสาน จะทำการสงครามนอกแบบ รบแบบจรยุทธ์ กับกองทัพ เพื่อปกป้องคนเสื้อแดง โดยมี พล.อ.พัลลภ คอยปรับกลยุทธ์สู้ให้ โดยมีฉากแห่ง สงกรานต์ทมิฬ และพฤษภาทมิฬ เป็นสถานการณ์ต้นแบบ
"ที่ต้องไปคุยที่ดูไบ เพราะต้องการให้ชัดเจนว่า พวกเราจะเดินหน้าแล้ว แต่นายกฯ ทักษิณ ขอเวลาที่จะเจรจากับรัฐบาลก่อน ถ้าคุยกันได้ ก็จบ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ถ้าไม่คุย พวกเราก็จะก้าวไปสู่ขั้นที่ 7 คือการปลดปล่อยกองทัพประชาชน เมื่อนั้นจะไม่มีใครมาหยุดเราได้ แม้แต่พี่ทักษิณ" พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
อันเป็นเหตุผลให้ พล.ต.ขัตติยะ ทำใจที่จะไม่ถือสานายจตุพร ที่เขาเปรียบเป็นเตียวหุย นักรบของเล่าปี่ ในสามก๊ก ที่ฉากนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ย่อมต้องดุดันเป็นธรรมดา "มึงไม่เอากู แต่กูจะเอามึง" จะทำหน้าที่ดูแลปกป้องม็อบเสื้อแดงต่อไป
ขณะที่หน้าฉากหนึ่ง พล.อ.ชวลิต พยายามถอยห่างจากความขัดแย้งนี้ และปฏิเสธการเป็น ผบ.สส. หรือผู้นำสูงสุดของกองทัพประชาชนแห่งชาติฯ แต่หลังฉาก พล.อ.ชวลิต พร้อมแล้วสำหรับทุกสถานการณ์
อย่าลืมว่า เมื่อกลางเดือนมกราคม พล.อ.ชวลิต บินไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บรูไนมาแล้ว และก่อนไปดูไบ พล.อ.พัลลภ ก็ได้มานั่งคุยกับ พล.อ.ชวลิต และ เสธ.หมึก พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ เพื่อน จปร.7 มือขวาบิ๊กจิ๋ว ก่อนแล้วด้วย
ไม่ว่าฝันที่จะมีชัยชนะในศึก ครั้งนี้ หรือฝันที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสักครั้ง และพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน ได้หรือไม่ แต่พร้อมๆ กันนี้ พล.อ.ชวลิต พยายามเดินหน้าไปสู่อีกความฝันหนึ่ง ในการตั้ง "นครปัตตานี" ให้ได้ ด้วยการยังลงพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะปัตตานี อยู่เป็นระยะๆ
แต่ครั้ง ล่าสุด พล.อ.ชวลิต ยังคงขายฝันนครปัตตานีต่อไป แม้ว่าจะถูกรัฐบาลและกองทัพโจมตีคัดค้านอย่างแรง แต่ก็ไม่สะทกสะท้านต่อขงเบ้งผู้นี้ ด้วยเพราะเขาคิดร่างแผน "นครปัตตานี" ไว้เรียบร้อยแล้วว่า จะมีรูปแบบการปกครองพิเศษอย่างไร ทั้งเรื่องกฎหมาย และงบประมาณ และจะต้องมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก หรือสาธารณูปโภค ที่เจ้าตัวเรียกว่า infrastructure อย่างไร
ทั้งการสร้างมัสยิดที่ ใหญ่ที่สุดในโลก การสร้างมหาวิทยาลัยที่ใหญ่และจะเป็นเป้าหมายในการมาเรียนของชาวมุสลิมทั่ว โลก โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง แทนที่ชาวมุสลิมในสามจังหวัดจะแห่กันไปเรียนตะวันออกกลาง
ที่เวลานี้ มีทุนและเงินบริจาคจากตะวันออกกลางมหาศาล ที่พร้อมจะเนรมิตฝัน นครปัตตานี ให้ พล.อ.ชวลิต ที่มั่นใจว่า เป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และมีอดีตแกนนำกลุ่มวาดะห์เป็นกองหนุน
แต่เมื่อหันกลับมาดูศึกในพรรค เพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดงแล้ว พล.อ.ชวลิต ต้องส่ายหน้า ก่อนจะทิ้งปริศนาว่า "ศึกในไม่น่าห่วง เท่าศึกนอก"
รับอุณหภูมิร้อน ไทย-เขมร ที่ทหารเขมรโชว์ความพร้อมรบ และศึกวิวาทะของนายกฯ อภิสิทธิ์ เด็กน้อยในสายตา บิ๊กจิ๋ว กับ ฮุน เซน น้องรักต่างชาติพันธุ์ พอดี...
http://serichon.com/board/index.php?topic=32863.0
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 9512 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย ^__^
IP: Hide ip
, วันที่ 23 พ.ค. 53
เวลา 00:16:44
|
