“นายกฯ” วอน ปชช.รักษาแนวพนังกั้นน้ำ ลุ้นผ่าน 31 ต.ค.สถานการณ์ดีขึ้น ยันรัฐบาลไม่ทอดทิ้งประชาชนเพื่อช่วยคนกทม.อย่างเดียว เผยประเมินสถานการณ์ เพื่อประกาศวันหยุดเพิ่ม รับข้อเสนอพี่ชายทำฟรีเวย์ระบายน้ำ

เวลา 10.00 น. วันที่ 30 ต.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ศปภ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พาด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชายเดินทางมาด้วย เดินทางเข้ามาทำงานที่ศปภ. แห่งใหม่ ที่อาคารเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ ถนนวิภาวดี โดยนายกฯยังคงมีสีหน้าอิดโรย และน้ำเสียงแหบจากอาการหวัด และกล่าวกับผู้สื่อข่าวทันทีที่เจอหน้าว่า “อย่าเข้าใกล้นะ เดี๋ยวจะติดหวัด” ส่วนน้องไปป์พูดกับผู้สื่อข่าวว่า “แม่ไม่สบายครับ แต่ไปป์ไม่เป็นอะไร”

โดยนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำในกทม. ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง ว่า เป็นห่วงตามแนวคันคลองต่าง ๆ ที่ทำเป็นพนังกั้นน้ำเอาไว้ จึงขอความร่วมมือประชาชนอย่าไปพังทลายหรือดึงออกไป เพราะจะทำให้การควบคุมน้ำเป็นไปได้ยาก เพราะถ้าดูจากระดับน้ำทะเลวันนี้อาจล้นแนวพนังกั้นน้ำเข้ามาได้ กทม.ก็ต้องเร่งสูบน้ำที่อาจจะเจิ่งนองเข้ามา และในวันนี้ตนจะหารือกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และจะพูดคุยทุก ๆ วัน เพื่อติดตามสถานการณ์หลังจากที่ได้มอบหมายงานไปแล้วว่ามีจุดใดที่ดีขึ้นบ้าง เช่น การตัดคลอง 9 จ.ปทุมธานี เพื่อระบายน้ำออกทางแม่น้ำบางปะกง ที่สถานการณ์ดีขึ้น อยากขอร้องให้ประชาชนปฏิบัติอย่างที่พูดคุยตกลงกันไว้ เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม ขณะที่จุดอื่น ๆ ก็ต้องประคองกันไป

เมื่อถามว่าขณะนี้การระบายน้ำบริเวณคลอง สามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นการระบายเพื่อลดลงกดดันของน้ำใต้ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งจะบริหารน้ำเป็นบล็อก โดยใช้แนวคันคลองต่าง ๆ ทั้งคลองระพีพัฒน์ คลองหกวาสายล่าง เพื่อระบายออกทะเล เพื่อชะลอน้ำไม่ให้เข้ากทม. ส่วนน้ำในคลองต่าง ๆของกทม.ก็จะเร่งระบายอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ปล่อยน้ำจากเหนือไหลลงทีเดียว เมื่อถามว่าจะสามารถระบุหรือยังว่าสถานการณ์น้ำจะคลี่คลายได้เมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอดูอีก 1 วัน ถ้าพ้นจากวันที่ 31 ต.ค.ไปแล้วก็น่าจะคลี่คลายลง ต้องต่อสู้กันอีก 2 วัน เพราะขณะนี้จากการติดตามระดับน้ำทะเลคงไม่สูงไปกว่านี้ จึงเหลือแค่รักษาคันคลองที่เป็นพนังกั้นน้ำ หากไม่มีฝนหรือพายุเข้ามาซ้ำ ก็ไม่น่าจะแย่ไปกว่านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตัวประตูน้ำยังแข็งแรง แต่ถ้าล้นมาเรากลัวไว้ว่าแนวที่กั้นถนนรังสิต-นครนายก ซึ่งจะไหลมาที่คลองหกวา ต่อมาที่แนวคันกั้นน้ำพระราชดำริ เราเป็นห่วงตรงนั้น

เมื่อถามถึงกรณีที่มีเสียงบ่นจากประชาชนในพื้นที่อื่นที่ประสบภัยว่าถูกทอด ทิ้ง เพราะเจ้าหน้าที่บางส่วนต้องมาช่วยที่กทม.นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ซึ่งได้แบ่งเป็น 2ทีมทำงาน ส่วนที่ทำแนวป้องกัน กทม.ก็เป็นกลุ่มหนึ่ง ขณะที่ในต่างจังหวัดก็มีอีกกลุ่มหนึ่ง เราห่วงประชาชนทุกคนไม่แพ้กัน ซึ่งตนจะย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง แต่จะติดขัดบ้างกรณีที่มีประชาชนที่ยังอยู่ตามบ้าน ไม่มาพักที่ศูนย์พักพิง ไม่สามารถไปบริการได้ทันที ยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งแน่นอน

ต่อข้อถามว่า สาเหตุที่ประชาชนไม่ออกจากบ้านเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยทรัพย์สิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องบอกว่าตนได้ย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จัดหน่วยลาดตระเวนดูแลความปลอดภัย แต่บางพื้นที่ซึ่งอยู่ในทีเปลี่ยว ขอแนะนำให้คิดถึงความปลอดภัย ออกมาก่อน แต่ถ้ายังเป็นห่วงทรัพย์สินก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปดูแลแทน เมื่อถามว่าจะดูแลได้แค่ไหนเพราะขณะนี้รถที่ไปจอดอยู่บนทางด่วนบางส่วนก็ถูก ทุบงัดทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนจะย้ำในเรื่องนี้ เพราะมีเจ้าหน้าที่จากต่างจังหวัดเข้ามาช่วยด้วย ต้องขอความเห็นใจ เพราะเจ้าหน้าที่ก็ทำงานเต็มที่ และต้องดูแลผู้ประสบอุทกภัยกว่า 3 ล้านคน แต่ต้องดูแลทั่วประเทศ ขอความร่วมมือเป็นหูเป็นตาให้กับตำรวจด้วยเพื่อพร้อมในการเข้ามาดูแลได้ อย่างทันที

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แนะนำให้ทำฟรีเวย์เพื่อใช้เป็นทางระบายน้ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตนก็รับไว้ เพราะเป็นข้อเสนอหนึ่ง ซึ่งมีหลายแนวทางที่เสนอ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีและจะนำเสนอให้คณะกรรมการทีเกี่ยวข้องที่มีความรู้ เรื่องนี้ทำการศึกษาต่อไป ส่วนการพิจารณาขยายวันหยุดราชการเพิ่มเติมนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะต้องประเมินสถานการณ์ ถ้าจะหยุดก็ต้องหยุดจนกว่าสถานการณ์จะดี ไม่ใช่หยุดเป็นช่วงๆไป