• หวดก้นแม้วซะขนาดนี้... จะตายน้ำตื้นเชียวหรือ |
โพสต์โดย การัน , วันที่ 06 ก.ค. 50 เวลา 14:49:30 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ใกล้ถึงวันชี้ขาดว่า จะรับคำฟ้องคดีซื้อที่ดินรัชดาภิเษกไว้พิจารณาหรือไม่ มาทุกขณะ เพราะวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ เป็นเส้นตายที่ทางศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขีดให้ทางอัยการ ไปหา "ที่อยู่จริง " ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้มาให้ได้ เนื่องจากในวันฟ้องอัยการไม่มีตัวจำเลยทั้งสองมาส่งศาลฯ " องค์คณะผู้พิพากษาคดีนี้ เห็นว่า ตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2543 ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่า หากโจทก์ไม่ได้นำตัวจำเลยมาศาล ให้โจทก์ระบุที่อยู่จริงของจำเลยมาในฟ้อง จึงให้โจทก์แถลงที่อยู่จริงของจำเลยทั้งสองต่อศาลภายในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ก่อนเวลา 12.00 น. ไม่เช่นนั้นศาลอาจมีคำสั่งไม่รับฟ้อง " นี่คือคำแถลงของ รักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นอกจากนี้ "รักเกียรติ" ยังระบุว่าที่อยู่ของ "ทักษิณ" จำเลยที่ 1 ตามที่อัยการระบุมาในคำฟ้อง คือ... บ้านเลขที่ 472 ถนนจรัลสนิทวงศ์ 69 แขวงและเขตบางพลัด กทม. ส่วนที่อยู่ของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 2 คือ...บ้านเลขที่ 526 ถนนพระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ทั้งสองแห่งเป็นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน แต่ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงทางสื่อมวลชนเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า ขณะที่อัยการยื่นฟ้องคดีนี้ จำเลยทั้งสองไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ดังนั้นที่อยู่ของจำเลยทั้งสองที่ระบุมาในคำฟ้อง จึงไม่ใช่ที่อยู่จริง นี่คือข้อสรุปของ "รักเกียรติ" จนเป็นเหตุให้ทั้งอัยการ คนส. ลามไปถึงกระทรวงการต่างประเทศต้องวิ่งวุ่นกันชนิดหัวปั่น เพราะถ้าไม่ได้ "ที่อยู่จริง" มาแสดง ศาลก็อาจเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไป เพราะในการขึ้นศาลนักการเมืองนั้น กฎหมายระบุชัดเจนว่าต้องเป็น "ที่อยู่จริง" หากไม่สามารถลากตัวจำเลยมาให้ศาลเห็นหน้าได้ ต้องบอกว่าพลันที่ข่าวดังกล่าวนี้แพร่กระจายไป ก็เกิดความวิตกกังวลกันยกใหญ่ ทำนองมันจะยุ่งอะไรขนาดนั้น หลายคนตั้งคำถามว่า ถ้ารูปมวยออกมาอย่างนี้ ก็เท่ากับกฎหมายเปิดช่องให้มีการ "หนีคดี" ไปได้เรื่อยๆงั้นสิ โดยใช้ข้ออ้างที่ว่า "หาที่อยู่จริงไม่เจอ" เพราะถ้าจำเลยอาศัยวิธีบินไปอยู่ประเทศโน้นเดือนนึง ประเทศนี้เดือนนึง ก็ตายสิ หาที่อยู่จริงกันไม่ได้สักที แล้วคำถามสำคัญกว่านั้นก็คือว่า... คดีความต่างๆเร่งรัดทำกันมาถึงขนาดนี้แล้ว จะมาตายน้ำตื้นกะอีแค่หาที่อยู่จริงไม่เจอมันก็คงยังไงๆอยู่ ฝ่ายรัฐคงบ้อท่าน่าดู ถ้าจะต้องเสียมวยให้ "ทักษิณ" ด้วยเหตุนี้ อย่างไรก็ดี น่าจะมีข่าวดีออกมาในเร็วๆนี้จากฝ่ายอัยการ เพราะนับจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่งให้ทางอัยการซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ไปหาที่อยู่จริงของ พ.ต.ท. ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา อัยการก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ติดต่อไปยังเอกอัครราชฑูตไทยประจำประเทศอังกฤษและประเทศสิงคโปร์ ให้หาที่อยู่จริงของบุคคลทั้งสอง และบัดนี้ทางอัยการ ก็ได้ที่อยู่จริงของจำเลยทั้งคู่มาแล้ว ทั้งที่ลอนดอน และสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามตอนนี้ทางอัยการขอปกปิดรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่จริงไว้ก่อนไว้ก่อนว่า เลขที่เท่าไหร่ ถนนอะไร เนื่องจากเกรงว่าหากเปิดเผยออกไปก่อนแถลงให้ศาลทราบในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ทาง "ทักษิณและคุณหญิงพจมาน" อาจจะเล่นแง่กฎหมาย เดินทางออกจากประเทศอังกฤษและสิงคโปร์ไปอยู่ที่ประเทศอื่น แล้วเที่ยวอ้างว่าสถานที่อยู่ที่อัยการได้มานั้น ไม่ใช่ที่อยู่จริง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในคดีนี้ขึ้นมาได้อีก อย่างไรก็ตาม การแถลงต่อศาลของอัยการในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ นอกจากอัยการจะแถลงเกี่ยวกับที่อยู่จริงของจำเลยทั้งสองในต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่อยู่สุดท้ายตามที่ได้มาแล้ว อัยการยังจะแถลงให้ศาลทราบ เกี่ยวกับเหตุผลที่อัยการ ระบุที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของจำเลยทั้งสองไปในคำฟ้องก่อนหน้านี้ด้วยว่า เนื่องจาก พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 29 ระบุว่า หากคนใดมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านใด ให้ถือว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่นั่น ดังนั้น ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านจึงเป็นที่อยู่จริงตามกฎหมาย อีกทั้งที่ผ่านมา "ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน" ก็ใช้ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านดังกล่าว ในการติดต่อกับทางราชการ ในการทำธุรกิจและการดำเนินการฟ้องร้องคดีตลอดมา ซึ่งการพยายามควานหาที่อยู่จริง รวมทั้งหาเหตุผลต่างๆข้างต้น มาแถลงต่อศาล ก็เพียงเพื่อพยายามอุดช่องโหว่ในทางคดีให้มากที่สุดเท่าที่อัยการจะสามารถทำได้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ที่ศาลฯว่า หลังจากที่อัยการแถลงให้ทราบแล้ว องค์คณะผู้พิพากษา จะใช้ดุลยพินิจในการสั่งคดีนี้ว่าอย่างไร ซึ่งในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ก็จะรู้กันว่าออกหัวหรือก้อย เพราะเป็นวันที่ศาลนัดฟังคำสั่งว่า จะรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาหรือเปล่า แต่หากไม่รับฟ้องขึ้นมาจริงๆ ด้วยเหตุเรื่อง "ที่อยู่จริง" ของจำเลย อัยการก็ยังสามารถยื่นฟ้องคดีนี้ใหม่ได้ภายในอายุความ แต่ปัญหาคือว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็เท่ากับ "เสียรูปมวย" ตั้งแต่ยกแรกแล้ว เรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้ ถ้าต้องมาตายน้ำตื้น คงถูกฝ่ายตรงข้ามเย้ยกันน่าดู
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2768 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย การัน
IP: Hide ip
, วันที่ 06 ก.ค. 50
เวลา 14:49:30
|