หน้าแรก | ลงโฆษณาฟรี l หางาน l คอมพิวเตอร์ l เว็บบอร์ด | ตลาดออนไลน์ | อัตราค่าลงโฆษณา
www.cmprice.com เว็บไซต์ของฅนเชียงใหม่ เครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!

หน้าแรก » เว็บบอร์ด
ห้องการเมือง
เว็บบอร์ด » ห้องการเมือง
รายละเอียดของห้อง : "แตกต่างแต่ไม่แตกแยก" ความคิดอันหลากหลาย สำหรับการเมืองในไทย
กระทู้ที่ตอบกลับล่าสุด | สร้างกระทู้ใหม่ | ดูกระทู้ทั้งหมด | ค้นหากระทู้ :
เดินสายประจาน..ฟ้อง(ศาล)โลก

แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV
เดินสายประจาน..ฟ้อง(ศาล)โลก
โพสต์โดย mou , วันที่ 05 ก.พ. 54 เวลา 23:43:27 IP: Hide ip    


กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน


 

© เนื้อหาข่าว/กระทู้

 



“การเสียชีวิตหมู่ประเทศไทย
ไม่อนุญาตแม้แต่จะให้มีการสืบสวนสอบสวนในชั้นศาล
แม้ไทยได้ชื่อเมืองล้านรอยยิ้ม
แต่โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
อาชญากรรมโดยรัฐต่อประชาชนจะถูกบอกให้โลกรับรู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง
หลังจากนี้ผมจะโน้มน้าวให้อัยการไอซีซีเห็นว่ามีเหตุผลที่ศาลจะรับฟ้อง
เพราะมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นจริง
ซึ่งผู้ที่สั่งฆ่าประชาชนคือรัฐบาล โดยผู้บริหาร
หรือนายกรัฐมนตรีไทยที่ถือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งกฎหมายเปิดช่องให้ยื่นฟ้องได้”

นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความสำนักกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ
และทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าว
ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2554
กรณีการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court - ICC)
ในฐานะตัวแทนผู้มีอำนาจของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ให้ดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
และศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ในคดีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ และบาดเจ็บพิการเกือบ 2,000 คน
โดยมีการถ่ายทอดสดระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากญี่ปุ่นมาไทย (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หน้า 18)

“อภิสิทธิ์” ยันสัญชาติไทย

“เขารับจ้างมาทำอย่างนั้นเขาก็ต้องทำอย่างนั้นแหละครับ
แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบ เข้าใจว่าเขาแถลงข่าวว่าจะยื่นฟ้อง
ผมสัญชาติไทยครับ ไม่มีสัญชาติมอนเตเนโกร”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายอัมสเตอร์ดัมที่ระบุว่า
นายอภิสิทธิ์ถือพาสปอร์ตสัญชาติอังกฤษ เพราะเกิดในอังกฤษจึงมีสัญชาติอังกฤษโดยอัตโนมัติ
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังจะดำเนินการแถลงเรื่องนี้ต่อไป

ขณะที่ ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นว่า
ตามหลักกฎหมายสัญชาติต้องดูว่านายอภิสิทธิ์มีชื่อในทะเบียนราษฎรอังกฤษหรือไม่
ถือเอกสารพิสูจน์ตนที่ออกโดยรัฐอังกฤษหรือไม่
แค่มีจุดเกาะเกี่ยวตามที่กฎหมายสัญชาติอังกฤษกำหนดไม่ทำให้มีสถานะเป็นคนสัญชาติอังก​ฤษ

โลกกระชับ “อภิสิทธิ์”

แม้กรณีสัญชาติอังกฤษของนายอภิสิทธิ์จะมีผลหรือไม่
ก็ไม่ใช่ประเด็นเดียวในการยื่นฟ้องไอซีซี
เพราะในสำนวน 250 หน้าได้ระบุว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ซึ่งมีการใช้อาวุธจริงและอุปกรณ์ที่กองทัพใช้ในการสงคราม
ใช้ผู้เชี่ยวชาญที่ถูกฝึกฝนเป็นทีมสไนเปอร์กว่า 150 คน
ที่มีการระบุตัวบุคคลชัดเจนในลักษณะของมือที่สาม
เพื่อประหัตประหารประชาชน

ที่สำคัญการยื่นคำร้องต่อไอซีซียังมีศาสตราจารย์ดักลาสส์ คาสเซิล
ผู้อำนวยการศูนย์สิทธิพลเรือนและสิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยนอร์ทเทอดาม
ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “Norte Dame Presidential Fellow” ร่วมร่างคำร้องดังกล่าวด้วย
ซึ่ง ศ.คาสเซิลยืนยันว่าไอซีซีสามารถพิจารณาคดีที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศไทยได้
แม้ยังไม่ได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีไอซีซีก็ตาม

นอกจาก ศ.คาสเซิลจะมีบทความทางวิชาการทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปน
ที่ถูกตีพิมพ์ในสหรัฐ ลาติน อเมริกา และยุโรป ได้รับเชิญไปแสดงปาฐกถา
ในมหาวิทยาลัยและงานประชุมสัมมนาทั่วโลกแล้ว
ยังมีส่วนร่วมในการยื่นเอกสาร (amicus curiae briefs)
ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของนักโทษในกวนตานาโม
และการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายใต้กฎหมาย Alien Tort Claims Act (ATCA)
ต่อศาลฎีกาในสหรัฐ ในนามของนักการทูตอเมริกันที่เกษียณแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นทนายให้กับเหยื่อ
ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในโคลอมเบีย กัวเตมาลา เปรู และเวเนซุเอลา

นายอัมสเตอร์ดัมจึงมั่นใจว่า
ประสบการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของ ศ.คาสเซิล
มีค่าอย่างมหาศาลในการช่วยเหลือการยื่นคำร้องต่อไอซีซี
ขณะเดียวกันก็ถือว่า
การยื่นคำร้องต่อไอซีซีเป็นการเริ่มต้นนำเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต”
เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในเวทีโลกอย่างเป็นทางการ
เป็นการดึงโลกกระชับวงล้อมนายอภิสิทธิ์
และยังเป็นการประจานอำนาจเผด็จการในไทยไปทั่วโลกอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญคุมฝูงชนสหรัฐ

ขณะเดียวกันนายอัมสเตอร์ดัมยังระบุว่า
การยื่นคำร้องครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก
ที่มีความพยายามรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน
และเป็นระบบมากที่สุด เพื่อชี้ให้เห็นว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
โดยความจงใจและก่อให้เกิดความรุนแรงเกินกว่าจะรับได้
ซึ่งจะต้องมีผู้รับผิดชอบ
ทั้งยังอ้างคำให้การของพยาน รวมทั้งนายโจเรย์ วิตตี้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการควบคุมฝูงชน
และเคยสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งนครลอสแอนเจลิส ที่ระบุว่า
การปฏิบัติการของกองทัพไทยเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เป็นการปฏิบัติการทางทหาร
ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์

แม้แต่กรณีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่ถนนราชดำเนิน
จน พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รอง เสธ.พล.ร.2 รอ. เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมษายน
อาจเป็นฝ่ายทหารทำกันเอง เพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชน
ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎการใช้กำลังของกองทัพ

ฮิวแมนไรท์ฯประจานไทย

เช่นเดียวกับรายงานประจำปี 2553 ขององค์กรสิทธิมนุษยชนสากล (ฮิวแมนไรท์วอทช์)
ได้ระบุถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง วิกฤตการเมืองไทยช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2553 ว่า
รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เพิกเฉย ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาว่า
จะเร่งสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบต่อกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้ชุมนุมเสื้อแดง
แต่การสอบสวนกลับแทบไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่มีหลักฐานและข้อมูลชัดเจนว่า
มีการใช้พลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ในการปราบปรามประชาชน
มีการใช้อาวุธสงครามระดมยิงใส่ประชาชนในวัดปทุมวนาราม
จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ มีการปกปิดข้อมูลคนเสื้อแดงที่ถูกจับกุมคุมขัง

ขณะเดียวกัน ศอฉ. ยังถือโอกาสที่มีการใช้อำนาจ พ.ร.ก.
การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ปิดกั้นเสรีภาพสื่อและการแสดงความเห็นของประชาชน
โดยการปิดสื่อต่างๆมากมาย

รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์จึงเป็นการตอกย้ำการละเมิดสิทธิมนุษยชน
และการสังหารโหดในไทยว่า ผ่านมากว่า 9 เดือน
รัฐบาลไทยก็ยังพยายามปกปิดความจริง

ในขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยืนยันว่า
ได้ทำตามพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา
โดยระบุว่าแม้ว่าตนเองจะเป็นกรรมการ ศอฉ.
แต่ก็ไม่มีผลกับการสอบสวนหรือบิดเบือนเป็นอันขาด
เพราะคดีทำในรูปของคณะพนักงานสอบสวน
ที่มีพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมสอบสวนด้วย

นอกจากนั้นนายธาริตยังตอบโต้การยื่นฟ้องของนายอัมสเตอร์ดัมว่า
เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมืองที่ต้องการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเท่านั้น
แต่นายอัมสเตอร์ดัมก็กล่าวถึงนายธาริต
ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งใน ศอฉ. ว่าไม่ว่าจะทำอย่างไร
ก็จะเป็นไปตามทิศทางที่ ศอฉ. ให้เป็น ทั้งอธิบดีดีเอสไอ
บอกให้ทีมสอบสวนสรุปว่าถ้าไม่มีหลักฐานว่า
ใครเป็นคนยิงให้ทีมสอบสวนสรุปไปว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง
ซึ่งเป็นการกล่าวหาผู้ต้องหาให้เป็นผู้ก่อการร้าย

“คณิต” ชี้ไม่ได้รับความร่วมมือ

แต่นายคณิต ณ นคร คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง
เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
กลับยืนยันว่า คอป. ไม่ได้รับความร่วมมือจากตำรวจและดีเอสไอจริง
แม้นายกรัฐมนตรีจะสั่งการกำชับไปแล้วก็ตาม
แต่เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีความหมายอะไร

เช่นเดียวกับการไม่ให้ประกันตัวแกนนำ นปช. และคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังกว่า 400 คน
แต่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ
ที่มีข้อหาเดียวกันศาลกลับให้ประกันตัวนั้น ต้องถามศาล
แต่ฝ่ายอัยการเองก็ต้องดำเนินการด้วย เพราะรัฐบาลไม่สามารถบังคับศาลได้
และรัฐบาลก็ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเช่นกัน

ขณะที่นายจรัญ โฆษณานันท์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าว
ถึงการสอบสวนคดีของคนเสื้อแดงว่า
ที่ฝ่ายทหารปฏิเสธจะให้ความร่วมมือในการสอบสวนนั้น
เป็นการตอกย้ำให้เห็นอำนาจอิทธิพลของกองทัพในประเทศไทย

เช่นเดียวกับกระบวนการยุติธรรมที่มีความล่าช้าผิดปรกติ
ก็แสดงถึงอำนาจทางการเมืองที่กำลังบ่อนทำลายกฎหมายในประเทศไทยนั่นเอง

ไอซีซีร่วมสังเกตการณ์

ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. ได้กล่าวถึง
จดหมายปรับทุกข์ของแกนนำ นปช. ที่ถูกจำคุกที่ส่งถึงผู้พิพากษา 1,300 คนทั่วประเทศว่า
เพื่อให้รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลและความไม่ยุติธรรมในคดีที่แกนนำ นปช. ถูกกล่าวหา
นอกจากนี้ยังได้รับจดหมายตอบกลับจากไอซีซีว่า
จะรับพิจารณาเรื่องการส่งพยานมาสังเกตการณ์การพิจารณาคดีคนเสื้อแดงในประเทศไทย
แม้ประเทศไทยจะไม่ได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญากรุงโรมก็ตาม

ขณะที่ น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยมหิดล ยืนยันว่า
รัฐบาลพยายามใส่ร้ายคนเสื้อแดงทั้งที่ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยง
ไม่ว่าจะเป็นชายชุดดำหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าคนเสื้อแดงมีอาวุธ
แต่กลับสั่งการให้สังหารหมู่แถมยังทำลายหลักฐาน อาทิ
เซ็นทรัลเวิลด์ที่ระบุว่าคนเสื้อแดงเป็นคนเผา
แต่มีหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลอื่นเป็นผู้ดำเนินการ
จึงน่าสงสัยว่าเป็นการทำลายหลักฐานหรือไม่

นอกจากนี้ยังใช้คำว่า “ปรองดอง” เป็นหน้ากากที่น่าละอาย
โดยอ้างถึงความปรองดองแต่กลับจับกุมคุมขังแกนนำ นปช.
โดยตั้งข้อหาก่อการร้ายที่มีโทษถึงประหารชีวิต
ทำให้มีปัญหาในกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่การสอบสวนข้อเท็จจริงกว่า 9 เดือนก็ไม่มีผลสรุปที่ชัดเจนใดๆ
จึงต้องยื่นร้องต่อไอซีซี
ซึ่งการต่อสู้ครั้งนี้ทำเพื่อให้ได้ความยุติธรรมต่อคนเสื้อแดง
รวมทั้งรัฐบาลอิตาลีและญี่ปุ่นที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
เชื่อว่าอัยการไอซีซีเมื่อรับข้อมูลไปและศึกษาอย่างดีแล้ว
น่าจะยื่นฟ้องกับไอซีซีต่อไป เพื่อยุติการกระทำที่เป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

“จริงๆแล้วคนไทยคงต้องถามตัวเองว่า
ปล่อยให้ผู้นำรัฐบาลที่สั่งปราบปรามประชาชน
จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน
ยังลอยหน้าลอยตาเป็นนายกฯอยู่ต่อไปได้อย่างไร”

แม่น้องเกดชวดชี้แจงอังกฤษ

ส่วนความเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจคือ
กรณีที่สภาสูงประเทศอังกฤษ (House of Lord) ได้มีหนังสือเชิญตัวแทน
ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” ไปชี้แจง
ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น
ปรากฏว่านางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ “น้องเกด” น.ส.กมนเกด อัคฮาด
พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม และ
นายสันติพงษ์ อินจันทร์ (น้องเบิร์ด) เหยื่อจากการสลายการชุมนุม
ในวันที่ 10 เมษายนจนทำให้ตาบอด ที่จะเดินทางไปชี้แจงนั้น
สถานทูตอังกฤษกลับไม่อนุมัติคำร้องขอวีซ่าดังกล่าว
โดยให้เหตุผลว่าเงินในบัญชีไม่เพียงพอมีพอแค่เดินทางไปและกลับ

เช่นเดียวกับ “น้องเบิร์ด” ที่ระบุว่า
ได้แนบกอง ทุนธนาคารกรุงไทยจำนวน 1 ล้านบาทไปด้วย
แต่กลับไม่ได้รับอนุมัติวีซ่าเช่นกัน

นางพะเยาว์จึงตั้งข้อสงสัยว่าคำเชิญดังกล่าวนั้น
ทางสภาสูงอังกฤษมีตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และรายละเอียดการเดินทางมาให้หมดแล้ว
จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องเงินในบัญชี
เชื่อว่ามีการใช้อำนาจรัฐแทรกแซงขัดขวางเพื่อไม่ให้ไปให้ข้อเท็จจริง
เพราะการชี้แจงความจริงเท่ากับเป็นการประจานความเหี้ยมโหดของรัฐบาล
และกองทัพที่กระทำกับประชาชน
ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าเธอจะเดินทางไปที่ไหนก็จะมีคนแปลกหน้าคอยติดตามตลอด
ทำให้รู้สึกเครียดและกดดันมาก ในวันนี้ประเทศไทยไม่มีใครเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว
เพราะไม่มีใครในโลกที่จะสังหารพยาบาลอาสาที่กำลังช่วยผู้บาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม นางพะเยาว์ได้บันทึกเทปวิดีโอ
ส่งมอบให้กรรมาธิการสภาสูงของอังกฤษแล้ว
และหากได้รับอนุญาตก็พร้อมจะให้ข้อมูลผ่านทางวิดีโอลิ้งค์

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า
กรณีสถานทูตอังกฤษไม่ยอมออกวีซ่าให้นางพะเยาว์และนายสันติพงษ์
เพราะมีการพยายามปิดกั้นไม่ให้ข้อมูลการสังหารหมู่ถูกเผยแพร่ออกไป
ทั้งกล่าวหาว่าทูตอังกฤษเข้ามายุ่งกับการเมืองภายในของไทย
และมีการรับเงินเดือนจากบริษัทน้ำเมารายใหญ่ของไทยที่ใกล้ชิดกับกลุ่มอำมาตย์

สื่อต่างชาติร่วมประจาน

นอกจากนี้นิตยสารรายสัปดาห์ชื่อดังของเยอรมนี
“แดร์ ชปีเกิล” ได้สัมภาษณ์นายอัมสเตอร์ดัมระบุว่า
ขณะนี้ประเทศไทยมีภาพไม่แตกต่างจากพม่าที่มี “ทหาร” เป็นผู้กุมอำนาจที่แท้จริง
และยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ยังมีสถานะเป็น “พลเมือง” ของสหราชอาณาจักร
หากยังไม่มีการประกาศสละสัญชาติอย่างเป็นทางการ
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาล
ที่ใช้กำลังปราบปรามประชาชน ขณะที่กระบวนการสอบสวนในประเทศไทย
ก็มีการสกัดกั้นไม่ให้มีการเรียกตัวบุคคลในกองทัพมาสอบสวน

ด้านวอลล์สตรีท เจอร์นัล เอเชีย รายงานว่า
ยังไม่รู้ว่าไอซีซีจะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาไต่สวนหรือไม่
แต่โฆษกหญิงคนหนึ่งของไอซีซีให้ความเห็นว่า
โดยทั่วไปแล้วไอซีซีไม่สามารถให้ความเห็นใดๆได้ต่อกรณีที่มีการยื่นคำร้องเช่นนี้
รวมถึงการที่ประเทศไทยไม่ได้เป็น 1 ในภาคี 144 ชาติของไอซีซี
จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการในกรณีนี้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าตั้งแต่มีการก่อตั้งไอซีซีขึ้นเมื่อปี 2002
ได้มีการพิจารณาและตัดสินความผิดของผู้ต้องหา
ที่เข้าข่ายการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปแล้วทั้งสิ้น 16 ราย
ในประเทศยูกันดา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐแอฟริกากลาง เคนยา
และแคว้นดาฟัวร์ของซูดาน ซึ่งซูดานไม่ได้เป็นภาคีของไอซีซีเช่นเดียวกับไทย

ทั่วโลกหัวใจดวงเดียวกัน

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะ นิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบันทึกหลังอ่านรายงานของนายอัมสเตอร์ดัมว่า
ไอซีซีจะรับฟ้องหรือไม่ก็มีประเด็นทางการเมืองที่สำคัญกว่า 3 ข้อคือ

ข้อแรก การกดดันไปที่ไอซีซีว่าจะตัดสินใจทำ อย่างไร
อย่างน้อยก็ทำให้คดีพร้อมจะไต่สวนเบื้องต้นได้ทันที
หากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะอนุญาตให้ไอซีซีมีเขตอำนาจ (เหมือนซูดาน)
แม้ประเทศไทยเส้นใหญ่มากก็ตาม
แต่อย่างน้อยการกดดันให้ไอซีซีต้องเข้ามาตรวจสอบก่อนก็น่าจะเป็นการดีมาก

ข้อสอง เป็นรายงานที่มีการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานไว้เสร็จหมดแล้ว
หากไอซีซีไม่รับเพราะข้ออ้างไม่มีเขตอำนาจ
ก็เป็นการผลักลูกบอลกลับไปที่รัฐบาลไทยต้องให้สัตยาบันโดยเร็ว

ข้อสาม ประเด็นสังหารหมู่ถูกโหมกระพือไปทั่วโลก
นับเป็นความชาญฉลาดของนายอัมสเตอร์ดัมที่เลือกญี่ปุ่นเป็นที่แถลงข่าว
แต่ช่วยไม่ได้ รัฐบาลไทยดันไม่ฉลาด ไปห้ามนายอัมสเตอร์ดัมเข้าเมืองไทยเอง

นายปิยบุตรจึงให้จับตา 2 ประเด็นที่น่าสนใจคือ
1.รัฐบาลไทยและนายอภิสิทธิ์จะว่าอย่างไรกรณีเขตอำนาจศาลไอซีซีแบบ ratione personae
แม้นายอภิสิทธิ์จะปฏิเสธว่าไม่ได้ถือสัญชาติอังกฤษแล้ว
แต่ก็ถือว่านายอัมสเตอร์ดัมเก็บความลับได้ดีมากก่อนจะเปิดเผยออกมา

2.ความรับผิดชอบของรัฐบาลไทยจะทำอย่างไร
เงียบ ล็อบบี้สหรัฐอเมริกา ล็อบบี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือรัฐประหาร?

ไม่ว่านายอภิสิทธิ์และกองทัพจะพยายามปกปิด
หรือบิดเบือนความจริงเหตุการณ์ “เมษา-พฤษภาอำมหิต” อย่างไร
แต่วันนี้หลักฐานต่างๆก็ถูกประจานไปทั่วโลกอย่างเป็นทางการแล้ว
ซึ่งสามารถอ่านและดาวน์โหลดข้อมูล วิดีโอเหตุการณ์
และถ้อยคำเบิกความของพยานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้อย่างละเอียด
ที่ http://www.thaiaccountability.org รวมถึงสำเนาคำฟ้องไอซีซี
และเอกสารประกอบที่ http://www.robertam sterdam.com/Thailand

อย่างที่นายอัมสเตอร์ดัมแถลงว่า วันนี้ทั่วโลกมีหัวใจดวงเดียวกัน
ที่จะสนับสนุนให้คนเสื้อแดงต่อสู้ต่อไป
เพราะทั่วโลกได้รับรู้ถึงการกระทำของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคดีที่ยื่นฟ้อง แต่เราก็ได้แสดงให้ทั่วโลกรับรู้ว่า
รัฐบาลอภิสิทธิ์คือคนร้ายที่เข่นฆ่าประชาชน!

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกว่า
ครั้งหนึ่งได้เกิดการสังหารหมู่ประชาชนครั้งยิ่งใหญ่
โดยรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับฟ้องเป็นคดีหรือไม่
อีกไม่นานเกินรอคงได้คำตอบ
แต่การเดินสายประจานฟ้อง (ศาล) โลกได้เริ่มต้นนับหนึ่งแล้ว!

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 297 วันที่ 5 - 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 หน้า 16-17
อลัมน์ เรื่องจากปก โดย ทีมข่าวรายวัน

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank...ws_id=9579

 


Copy Link : ท่านสามารถ copy ลิงค์ของข่าวนี้เพื่อเผยแพร่ต่อได้
แชร์หน้านี้ ไปยัง facebook ตอบกลับกระทู้นี้ VV กดถูกใจกระทู้นี้ VV


ลิงก์ผู้สนับสนุน

ลิงก์ผู้สนับสนุน

 

 

 

 

 



แจ้งลบกระทู้นี้

อ่าน 1422

แสดงความคิดเห็น โดย mou IP: Hide ip , วันที่ 05 ก.พ. 54 เวลา 23:43:27
 

 

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 

 
กรุณาอ่าน
ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บบอร์ดไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถ ระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใด ที่ขัดต่อกฎหมายและ ศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ 08-0500-1180 เพื่อให้ผู้ควบคุม ระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป
 
 
 


ปิดโฆษณานี้X

ผ้าพันคอราคาถูก

ปิดโฆษณานี้X

จำหน่าย ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ผ้าฝ้ายทอมือ ราคาส่ง ราคาถูก เริ่มต้นที่ 25 บาท/ผืน ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%โซ่สเตอร์และวงล้ออลูมิเนียม ดี.ไอ.ดี ถูกผลิตขึ้นโดยเทคโนโลยีของประเทศญึ่ปุ่น และส่งไปยังผู้ประกอบการรถมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกเครื่องฟอกอากาศ pm2.5 Oxygen สุดคุ้ม ราคาถูก 1,490 ลำพูน-เชียงใหม่ ส่งฟรี!
www.cmprice.com เว็บไซต์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในเชียงใหม่ !!! เห็นชัด เห็นบ่อย ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพียง 1500 บาทต่อเดือน
สนใจลงโฆษณาตรงนี้ ติดต่อ 080-500-1180

 


หน้าแรก l หางานเชียงใหม่ | ตลาดออนไลน์ | เว็บบอร์ด | อัตราค่าลงโฆษณา | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี | ติดต่อเรา


เพื่อนบ้านเราทั้งหมด วิธีแลก Link

© cmprice.com since 14 Jan 2005
E-mail: info@cmprice.com
FaceBook : facebook.com/cmprice.fc
TEL. 08-0500-1180
Line id: cmprice









www.cmprice.com ที่นี่มีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่
ผู้สนับสนุน แบบพิเศษ

บ้านหนองช้างคืน | เครื่องฟอกอากาศ เชียงใหม่-ลำพูน | ผ้าพันคอราคาถูก | ของชำร่วย | ลงโฆษณาฟรี ประกาศฟรี