| • เปิดฉากประชาพิจารณ์โครงการน้ำ ชาวบ้านลำพูนประสานเสียงค้านเขื่อนห้วยตั้ง(วังหลวง ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน) |
|
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 16 ต.ค. 56 เวลา 15:09:27 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
เวทีประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านเริ่มแล้ว ประเดิมโมดูลเอหนึ่งเขื่อนห้วยตั้ง จ.ลำพูน ปชช.ตบเท้าเข้าร่วมนับ 2,000 ทะลุยอด 800 คน เหตุไม่รู้ข้อมูลโครงการหวั่นรัฐเดินหน้า ด้านคณะติดตามเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทชี้กบอ.ยังไม่ทำตามคำชี้ขาดของศาล แจงการรับฟังมีปัญหาทั้งกระบวนการ
ตามที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมประชาสัมพันธ์ สมาคมสถิติแห่งประเทศไทย และสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ 5 แห่ง รวม 9 หน่วยงาน จัดโครงการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศซึ่งเป็นกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญในการให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในโครงการของรัฐ
ล่าสุดวันนี้ 15 ตุลาคม 2556 ณ ห้องประชุมโรงเรียนจักรคำคณาทร จ.ลำพูน มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและแก้ไขปัญหาอุทกภัยตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นเวทีแรก โดยมีประชาชนในจ.ลำพูน และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงพื้นที่เป้าหมายให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟัง และสังเกตการณ์นับ 2,000 คน จากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้เพียง 800 ค
ทั้งนี้การรับฟังความคิดเห็นประชาชนในครั้งนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นต่อกรณีโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตั้ง บริเวณต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ซึ่งเป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว ความจุปริมาณในการใช้งาน 6.38 ล้านลบ.ม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีการรับฟังความคิดเห็นในภาคเช้าเริ่มตั้งแต่เวลา 9:00 น.ประกอบไปด้วยกล่าวเปิดเวที การฉายวีดีทัศน์โครงการการบริหารจัดการน้ำฯ ของโครงการโดยภาพรวม กระทั่งเวลาประมาณ 10:40 จึงเปิดให้มีการประชาชนซึ่งได้แจ้งชื่อไว้เสนอความเห็นรายละ 3 นาที จนถึงเวลา 12:00 น. ขณะที่ภาคบ่ายเป็นการแบ่งกลุ่มย่อยตามห้องต่างๆ เพื่อระดมความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่เป้าหมายของโครงการ
น.ส.ธัณย์จิรา ธนานนท์ขันธชัย ชาวบ้านวังหลวง ต. อ.บ้านโฮ่ง จ. ลำพูน กล่าวภายหลังการรับฟังความคิดเห็นว่า หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่เคยลงมาให้ข้อมูลกับชาวบ้านเลย ในเวทีมีทั้งคนแสดงความคิดเห็นอยากได้น้ำ และไม่อยากได้น้ำ แต่ประเด็น คือ ชาวบ้านวังหลวงได้รับความเดือดร้อน เราไม่ได้รับการชี้แจงเลยว่า เมื่อสร้างเขื่อนไปแล้วจะกินพื้นที่เท่าไหร่ น้ำอยู่ในระดับไหน พอมาวันนี้การชี้แจง หรือแสดงความคิดเห็นก็แตกประเด็นไปต่างๆนานา โดยมีประเด็นหลักอยู่ที่คนอยากได้น้ำกับไม่อยากได้น้ำ ทั้งที่จริงเราอยากรู้รายละเอียดมากกว่านั้นว่า เขื่อนจะกระทบอะไร และคนที่เขาอยากได้น้ำจะรับประโยชน์อย่างสูงสุดจริงหรือเปล่า เราอยากให้เขาชี้แจงในประเด็นนี้มากกว่า
น.ส.ธัณย์จิรา กล่าวอีกว่า ตนและชาวบ้าน ไม่สามารถเตรียมตัวได้ทัน เพราะว่าหน่วยงานราชการส่งหนังสือไปทางผู้ใหญ่บ้านเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ผู้ใหญ่บ้านแจ้งให้ลูกบ้านทราบวันที่ 4 จึงมีเวลาไม่มาก จนทำให้เตรียมข้อมูล และไม่รู้จะทำอย่างไร จนกระทั่งเมื่อวานตอนเย็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่งเข้าไปแจงว่าจะมีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นแบบนี้
"พอมาวันนี้ก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่า ขั้นตอนเป็นอย่างไร มีการทำ EIA ไหม ถ้าทำหรือไม่ทำจะมี กระบวนการอย่างไรต่อ คือเราอยากได้คำตอบนี้มากกว่า ถ้ามองให้เป็นกลางที่สุด คนที่เขาอยากได้น้ำ ก็จะได้นำข้อมูลตรงนี้เก็บไปคิดว่า สุดท้ายแล้ว บ้านเขาได้รับผลประโยชน์จริงหรือเปล่า แต่วันนี้ไม่ได้ชี้แจงในประเด็นนั้น ตอนแรกก็บอกว่าเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วเป็นการนำเสนอว่าชาวบ้านอยากได้น้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค ทุกคนไม่ได้มองไปที่ปัญหาอุทกภัยเลย อันนี้คือความไม่ชัดเจน"
ตัวแทนชาวบ้านวังหลวง กล่าวต่อไปว่า "ขณะนี้ในหมู่บ้านก็เสียงแตก มีการปล่อยข่าวลือว่าจะได้เงินชดเชยบ้านละล้านบาทหากยอมย้ายออก จนเยาวชนในหมู่บ้านกลับมาจากปิดเทอมและช่วยกันหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต พบว่า คนที่ถูกเวนคืนพื้นที่บ้านมีแต่คนเรียกร้องค่าชดเชยทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นคนบ้านนี้ เราต้องเอาข้อมูลมาให้ชาวบ้าน พอเขารับรู้ก็จะเตรียมตัวรับมือได้ทัน เพื่อมาชั่งน้ำหนักกับกระแสข่าวลือที่ปล่อยออกมามันใช่หรือไม่ และมานั่งคุยกันว่ากิจกรรมหลักของหมู่บ้านมีอะไรบ้าง หนึ่งล้านบาทแลกกับการย้ายออกไป เราจะทำอาชีพเดิมได้ไหม การจัดสรรที่ดินให้เราใหม่ กรณีที่เขื่อนมาจริง จะเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ที่จะสามารถเก็บเห็ด หน่อไม้ ผักหวานขายได้ไหม เราไม่มีข้อมูลตรงนี้เลย"
"ถ้าจะประชาพิจารณ์ ควรจะลงไปในพื้นที่ก่อน ปรับกลยุทธ์ ใช้ภาษาที่ชาวบ้านเข้าใจได้ง่าย ลงไปหาชาวบ้าน ลงไปดูในพื้นที่ ศึกษาผลกระทบก่อน แล้วค่อยมาจัดประชุม เรายินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ทั้งคนที่ต้องการน้ำ คนที่ไม่ต้องการน้ำ เพียงแต่ว่าตอนนี้ คุณก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเรามาเลย ไม่ได้ตอบข้อมูลอะไรที่ชัดเจนเลย มันไม่ได้เป็นไปตามกระบวนการ ชาวบ้านย่อมต้องหวาดระแวงอยู่แล้ว ถ้าหลังจากวันที่ 15 นี้ไป ใครจะยืนยันได้ว่าจะไม่มีการขนเครื่องไม้ เครื่องมือเข้าไปสร้างเขื่อน เพราะสิ่งที่นำเสนอมานั้นระบุชัดว่าอ่างเก็บน้ำห้วยตั้งเป็นโครงการที่ไม่ต้องทำอีไอเอ ถ้ามีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนมันจะไม่วุ่นวายอย่างนี้ จะชัดเจนและตรงประเด็น คนที่ต้องการน้ำก็จะได้รู้ว่าการสร้างเขื่อนห้วยตั้งมันตอบโจทย์ชีวิตเขาไหม" ตัวแทนชาวบ้านวังหลวง กล่าวย้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ รายละเอียดของโครงการที่ไม่ชัดเจน ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ตลอดจนความคุ้มค่าของการลงทุนโดยเปรียบเทียบกับโครงการจัดการน้ำอื่นๆ ในพื้นที่จ.ลำพูนที่ชาวบ้านมีความต้องการ ซึ่งสำหรับความคิดเห็นที่น่าสนใจนั้น สำนักข่าวประชาธรรม จะเรียบเรียงนำเสนอในลำดับต่อไป
ผศ.ดร.วสันต์ จอมภักดี โครงการวิศวกรรมเพื่อชุมชนและการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะคณะผู้ดำเนินจัดการรับฟังความคิดเห็นฯ กล่าวว่า นี่เป็นโอกาสดีที่สังคมไทยจะได้เรียนรู้ข้อขัดแย้งในการสร้างเขื่อนตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เขื่อนภูมิพล ไม่ว่าจะพื้นที่น้ำท่วม หมู่บ้านถูกย้าย วัดถูกทุบ ปัญหาเหล่านั้นก็มีถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ต้องพิจารณาในเชิงวิชาการ รวมทั้งประเด็นเรื่องความเป็นธรรมจากการเสียสละเพื่อการพัฒนา ทำอย่างไรที่สังคมนี้จะอยู่บนพื้นฐานของการให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกัน ดีใจที่การรับฟังในวันนี้ประชาชนให้ความสนใจตื่นตัว แต่จุดสำคัญต้องแสวงหาความรู้
"กระบวนการในวันนี้ไม่ใช่การตัดสินใจชี้ขาดว่าจะเอาหรือไม่เอาเขื่อน แต่เป็นการให้และรับฟังข้อมูล ขั้นตอนต่อไปทางรัฐบาลก็จะมีการนำผลประชาพิจารณ์ไปศึกษาความเป็นไปได้ของประเด็นที่นำเสนอต่างๆ ซึ่งตามกฎหมายก็ระบุว่าหากโครงการมีผลกระทบทางสุขภาพ สิ่งแวดล้อม หรือผลกระทบต่อประชาชนก็ต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดยิ่งขึ้น หากไม่มีวิธีการเยียวยาหรือป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโครงการนั้นๆ ก็ต้องหยุดหรือเลิกไป"
ด้านนายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนคณะกรรมการคัดค้านเขื่อนแม่แจ่ม คณะกรรมการคัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น ยมบน ยมล่าง เครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดดารน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย ) สภาลุ่มน้ำท่าจีน นครปฐม ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนโป่งอ่าง จ.เชียงใหม่ และสถาบันอ้อผะหญา อ่านแถลงการณ์ เวทีแรกของการรับฟังความคิดเห็นน้ำ 3.5 แสนล้าน ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบไม่เห็นด้วย กบอ. ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ณ บริเวณองค์พระประธานโรงเรียนจักรคำคณาทรความว่า
ประเด็นแรก การให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนเอกสารประกอบการรับฟังเป็นเอกสารเดิมๆที่มีการแจกในการจัดนิทรรศการมาแล้ว มีการระบุเพียงสั้นๆ ถึงจุดสร้างเขื่อน ตั้งอยู่ที่ไหนความจุเท่าไหร่ ซึ่งไม่ได้พูดถึงลักษณะของผู้ได้รับผลกระทบ ตามระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นประชาชน พ.ศ. 2548 ข้อ 7(7) ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่ในสถานที่ที่จะดำเนินโครงการและพื้นที่ใกล้เคียง และประชาชนทั่วไป รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อนหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบดังกล่าว การให้เอกสารมีเพียงคู่มือการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแจกช่วงลงทะเบียนในช่วงเช้าเท่านั้นไม่ได้มีการจัดส่งเอกสารให้กลุ่มเป้าหมายล่วงหน้าก่อน 15 วัน จึงไม่มีโอกาสทำความเข้าใจในเอกสารก่อนร่วมเวที
ประการต่อมากลุ่มเป้าหมาย ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงมีจำนวนน้อย ไม่อยู่ในกลุ่มลงทะเบียนเข้าร่วมจึงถูกผลักไปอยู่ในกลุ่มประชาชนทั่วไป ไม่ได้เข้าร่วมอยู่ในห้องประชุมหลัก ขาดโอกาสในการแสดงความคิดเห็น และกระบวนการรับฟังได้กำหนดเวลาให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเพียงคนละ 3 นาที จึงไม่สามารถอธิบายเนื้อหาได้ครบถ้วน
ประเด็นที่สาม สถานที่จัดไม่เหมาะสม ไม่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ทั้งหมดในห้องเดียวกัน จึงทำให้ผู้เข้าร่วมขาดโอกาสในการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นนี้ไม่น่าจะสอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 57(2)ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็น
นายหาญณรงค์ กล่าวอีกว่า จากบรรยากาศเวทีโดยรวมเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อมูลตามโมดูลต่างๆอย่างครบถ้วนและผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ในเวทีจังหวัดลำพูนไม่เห็นด้วยกับโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยตั้ง ดังนั้น กบอ.ต้องเอาข้อสรุปจากเวทีนี้ ฉะนั้นการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ สรุปได้ว่า การรับฟังเวทีคราวนี้ ไม่ได้ดำเนินตามหลักการรับฟังแผนการจัดการน้ำอย่างทั่วถึงตามที่ศาลมีคำพิพากษา ว่าจะมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง เพราะมีการรับเพียงจังหวัดละครั้ง หนึ่งวัน จะเรียกว่าฟังอย่างทั่วถึงหรือไม่ ทางเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านจะติดตามการดำเนินการรับฟังของหน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไป
อนึ่ง โครงการรับฟังความคิดเห็นฯจะดำเนินการในระยะเวลา 2 เดือน โดยเริ่มต้นเวทีแรกในวันที่ 15 ต.ค. ที่จ. ลำพูน และสิ้นสุดในเวทีสุดท้ายในวันที่ 6 ธ.ค.2556 ที่ จ.จันทบุรี และกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่เป้าหมาย 35 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำ 9 จังหวัด พื้นที่กลางน้ำ 14 จังหวัด และพื้นที่ปลายน้ำ 4 จังหวัด โดยการดำเนินการในพื้นที่ต่างๆจะมีการดำเนินการร่วมกับสถานศึกษาในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ คาดว่าจะมีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการรับฟังความคิดเห็นประมาณ 4 หมื่นคน.
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2144 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 16 ต.ค. 56
เวลา 15:09:27
|
