• ระดมครูภาคเหนือร่วมเวิลด์ไดแด็ค |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 31 ส.ค. 50 เวลา 10:32:00 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
งานเวิลด์ไดเด็คเอเชีย 2007 ปลายพฤศจิกายนี้ ระดมครูภาคเหนือยกทัพโชว์และเพิ่มประสบการณ์เทคโนโลยีสื่อการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยเป็นที่ 1 ของอาเซี่ยน ชี้เป็นเวทีสำคัญยกระดับการศึกษาไทยสู่ฮับภูมิภาคเต็มสูบ
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นี้ ที่โรงแรมเซ็นทรัลดวงตะวัน เชียงใหม่ นายชัยณรงค์ ลิมป์กิตติสิน รองกรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป สำนักงานเวียดนาม บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัดพร้อมคณะได้มาจัดโรดโชว์เตรียมพร้อมการจัดงาน เวิลด์ไดแด็ค เอเชีย 2007 โดยกล่าวว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีนโยบายที่เน้นความสำคัญการพัฒนาประเทศไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์คิดวิเคราะห์การเรียนรู้ของเยาวชน เทคโนโลยีและสื่อสารการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพเป็นสิ่งที่บุคคลากรในวงการศึกษาควรให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งตลาดการศึกษาในภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก โดยเรื่องภาษาและวัฒนธรรมไม่ได้เป็นอุปสรรคในการนำเทคโนโลยีด้านการศึกษามาใช้ ขณะเดียวกันภาครัฐของประเทศในแถบอาเซียนใช้งบประมาณเกี่ยวกับด้านการศึกษาเพิ่มขึ้น โดยงบประมาณการศึกษาของประเทศไทยในปี 2549 เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2548 หรือประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้กำหนดจัดงานเวิลด์ไดแด็ค เอเชีย 2007 ที่เป็นงานแสดงสินค้าสื่อการเรียนการสอนและงานสัมมนาระหว่างประเทศด้านการศึกษาครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2550 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจัดต่อเนื่องอีก 3 ครั้งในปี 2552/2554 และปี 2556 ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการส่งเสริมสถานะของประเทศไทยสู่ศูนย์กลางทางการศึกษา (Educational Hub) ในภูมิภาคเอเชีย และเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้กับบุคคลากรทุกระดับในแวดวงการศึกษาจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าถึงงานแสดงเทคโนโลยี อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนระดับ World-class โดยเฉพาะครูที่เป็นบุคลากรหลักของไทยที่มีกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศก็จะได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพสู่พัฒนาการที่เจริญก้าวหน้าไปพร้อมด้วย
งานเวิลด์ไดแด็คฯ มีผู้เข้าร่วม 120 บริษัทจาก 22 ประเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสื่อการเรียนการศึกษา ในนามรัฐบาลจาก อังกฤษ เยอรมนี จีน เกาหลี และบริษัทต่างประเทศที่เกี่ยวข้องในแวดวงการศึกษาและการเรียนรู้ เช่น ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ฮ่องกง อินเดีย อิสราเอล อิตาลี ไต้หวัน สหรัฐฯ และไทย เป็นต้น โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้ร่วมชมงาน 12,000 คน และคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 1 พันล้านบาท ในงานนี้ยังมีการจัดประชุมผู้นำการศึกษาแห่งชาติ ภายใต้แนวคิด มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางการศึกษา ด้วยข้อการประชุมที่หลากหลาย ใช้ชื่อว่า National Education Leaders Forum ภายในงานดังกล่าว ได้มีการจัด Business Match Makeing โดยการนำซับพลายเออร์ที่ต้องการหาพันธมิตรในเชิงผู้ใช้และต้องการนำไปประกอบธุรกิจ และผู้ซื้อเช่นบริษัทที่ต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายรวมถึงสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งถ้าหากไทยสามารถทำเอ็กซิบิชัน ฟอร์รั่ม สร้างโมเดลในเชิงการแลกเปลี่ยนทำธุรกิจการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ไทยก็จะวางตำแหน่งเป็นฮับได้ในทางการศึกษาได้
ผู้บริหารบริษัทฯ รายนี้กล่าวอีกว่า ได้มีการเตรียมจัดโรดโชว์ยังประเทศใกล้เคียง ทั้งในเวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ และทั่วทุกภาคของไทย เพื่อกระตุ้นบุคคลากรในวงการศึกษาให้เข้าร่วมชมงาน งานขยายขึ้นเพราะการตอบรับที่ดีในครั้งที่ผ่านมา ที่สำคัญถ้ามองแนวโน้มขณะนี้ทางผู้ผลิตต้องการที่จะมาขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในการจัดงานจึงขายแต่ประเทศไทยอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องขายความเป็นภูมิภาคโดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง ซึ่งทิศทางการของตลาดสื่อการเรียนการสอนทั่วโลกนั้น ผู้ผลิตสื่อระดับแนวหน้าของโลก ได้แก่ สหภาพยุโรป อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สหรัฐฯ แคนาดา ฯลฯ มีการเติบมากขึ้น ในขณะที่บริษัทสื่อการเรียนการสอนในจีนนั้นเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาด สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มองว่าเวียดนามเป็นตลาดที่สำคัญเนื่องจากรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้งบประมาณด้านการศึกษาสูงขึ้น โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
“ไทยจะเป็นฮับในมุมของการอัพเดทเทคโนโลยี ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร ที่จะใช้ประกอบการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเด็กให้เกิดการเรียนรู้ ประเด็นสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไม่ได้อยู่เฉพาะแค่สื่อแต่สิ่งสำคัญอยู่ที่บุคคลากร สิ่งที่อยากให้รัฐบาลไทยคำนึงถึงก็คือ การเปิดกว้างทางความคิดและตระหนักถึงเงินลงทุนในนโยบายด้านการศึกษา แต่สิ่งสำคัญควรเพิ่มเติมและกระตุ้นให้เด็กไทยเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อการเรียนการสอนทันสมัย" นายชัยณรงค์ กล่าว
ขณะที่นายพิชิตพล สุทธิสานนท์ หัวหน้าศึกษานิเทศน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่เขต 1 บอกว่า จะเป็นโอกาสที่ดีที่บุคลากรการศึกษาในพื้นที่จะได้ไปร่วมแสดงศักยภาพและเรียนรู้กับพัฒนากรรที่เจริญก้าวหน้าไป ซึ่งจะได้มาพัฒนาระบบการเรียนการสอนของไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นและทัดเทียมกับนานาชาติ แม้จะเป็นมาตรฐานระดับนานาชาติแล้วก็ตาม โดยเฉพาะเชียงใหม่นั้นมีโรงเรียนนานาชาติและมีสถานศึกษาที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง อีกทั้งการปรับใช้สิ่งที่เรียนรู้สู่ยุคไอทีที่กำลังเป็นจุดหลักของการพัฒนาการศึกษาเวลานี้และจะเป็นเวทีสำคัญที่จะผลักดันคุณภาพมาตรฐานการเรียนการสอนไปสู่ฮับการศึกษาในภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น เพราะครูไทยก็มีศักยภาพสูงแต่ผ่านมาไม่มีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้เด็กไทยอ่อนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และอังกฤษ เวทีนี้ก็จะเป็นโอกาสที่จะนำมาส่งเสริมการสอนเพิ่มทักษะให้เด็กต่อไป.ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1311 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 31 ส.ค. 50
เวลา 10:32:00
|