• กก.ซิป้าเชียงใหม่ปรับกระบวนทัศน์ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 10 ก.ย. 50 เวลา 10:45:05 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
คณะอนุกรรมการบริหาร“SIPA”เชียงใหม่ชุดใหม่ปรับกระบวนทัศน์เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ หนุนเกิด ICT City แท้จริง เน้น Matching Fund และส่งเสริม SMEs ใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพตนเอง ยันบริหารต้องโปร่งใสเป็นผลรูปธรรม
ที่ห้องประชุม สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)หรือซิป้า(SIPA) สาขาเชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้ ดร.กระหยิ่ม ศานต์ตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สาขาเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หลังคณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้เข้ารับหน้าที่ต่อจากคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดิม โดยประเด็นสำคัญคือการปรับยุทธศาสตร์การทำงานและภารกิจเชิงรุกใหม่ให้เป็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ประธานคณะอนุกรรมการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สาขาเชียงใหม่ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การทำงานของคณะอนุกรรมการฯ ชุดใหม่นี้จะสานงานต่อจากคณะอนุกรรมการฯ ชุดเดิม พร้อมทั้งจะผลักดันการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายแผนงาน ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยมีแนวทางทำงานหลักคือจะเน้นไปใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.การ Matching Fund 2.การส่งเสริมให้ SMEs ได้มีโอกาสใช้ซอฟต์แวร์ในการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของตนเองให้ได้มากที่สุด และ 3.การทำให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ได้พัฒนาสินค้าจำหน่ายและบริการที่มีคุณภาพให้ได้มากที่สุด
ดร.กระหยิ่ม กล่าวอีกว่า คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้จะมุ่งเน้นวิธีการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน รวมทั้งจะคำนึงถึงการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนสามารถขอเข้ารับบริการได้อย่างเท่าเทียมกัน เพราะผ่านมาขาดการเชื่อมโยงปฏิสัมพันธ์กับสังคมและประชาชนไปมาก อีกทั้งหลายอย่างยังสับสนเดินผิดทางไปบ้าง ทททำให้งานไม่คืบหน้าในทางที่เกิดผลเชิงรูปธรรม ส่วนมากเน้นไปในเรื่องอบรมบุคลากร ซึ่งไม่ใช่เป้าประสงค์ที่แท้จริง ทั้งนี้ในส่วนการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์นั้น ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซิป้า สาขาเชียงใหม่ ได้วางรากฐาน ด้วยการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไปแล้วกว่า 1,000 คน แต่หลังจากนี้ไปจะให้บทบาทดังกล่าวเป็นของสถาบันการศึกษา โดยที่ซิป้าจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานให้ว่า เอกชนมีความต้องการบุคลากรที่มีคุณสมบัติอย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้ให้ซิป้า สามารถทำงานด้านอื่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้าน รศ.ชัยยศ สันติวงษ์ อนุกรรมการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) สาขาเชียงใหม่ กล่าวถึงยุทธศาสตร์ของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า สาขาเชียงใหม่ในช่วง 3 ปีข้างหน้าว่า ซิป้าจะต้องเป็นผู้กำหนดแผนแม่บท แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในอนาคตของพื้นที่ โดยประสานงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชนและสถาบันการศึกษา เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ แนวทางตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้ จะต้องให้ผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงเข้ามาพูดคุยกำหนดเป้าหมายร่วมกัน เพื่อให้ทิศทางการพัฒนาเป็นไปอย่างถูกต้อง
ขณะที่ ดร.รุ่งเรือง ลิ้มชูปฏิภาณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร และประธานอนุกรรมการ e-Indutry สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า จากการศึกษาศักยภาพการแข่งขันและความพร้อมในด้านการพัฒนา ICT ของประเทศต่างๆ โดยสถาบันที่น่าเชื่อได้ของโลก 3 แห่ง พบว่า ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในลำดับรั้งท้ายทุกเกณฑ์ ถูกทิ้งห่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซีย เนื่องจากมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ถูกจัดให้อยู่ในสถานะภาพที่แย่มาก เช่น การมีผู้มีความรู้ด้าน ICT อย่างพอเพียง การลงทุนด้านการสื่อสาร การพัฒนา ICT ให้สนองกับภาคธุรกิจ จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ความสามารถในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ คุณภาพระบบการศึกษา โครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ และการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้แนวทางการดำเนินการพัฒนา ICT ที่เหมาะสมของประเทศไทยนั้นเห็นว่า จะต้องพัฒนาจากมุมมองของโอกาสการสร้างรายได้จากเทคโนโลยีสารสนเทศไม่ใช่มุมมองจากการใช้จ่ายในด้านนี้ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานรัฐและประสิทธิภาพในการบริหารงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบให้มีความเข้าใจ ที่ถูกต้องในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศ พร้อมทั้งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานให้พอเพียงต่อการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสารสนเทศ เนื่องจากข้อมูลย้อนหลัง 6 ปี พบว่าประเทศไทยมีการลงทุนในด้านนี้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ มาก
นอกจากนี้ต้องปรับปรุงพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีคุณภาพในระดับสูง ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจร มีการเน้นการสร้างธุรกิจหลักเฉพาะทาง โดยมุ่งเน้นสิ่งที่ประเทศไทยมีความชำนาญเป็นพิเศษ เช่น Animation,Health Service และ Outsourcing เป็นต้น ทั้งนี้รัฐบาลควรมีมาตรการพิเศษในการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีการฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ในเทคโนโลยีชั้นสูง และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปมีการเรียนรู้ในด้านเทคโนโลยี และสาเหตุที่ต่างชาติไม่เข้าลงทุนด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศไทยมากอย่างที่มีการคาดหวังกันนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยยังไม่ดีเพียงพอ โดยยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาศักยภาพและความพร้อม รวมทั้งแก้ไขปัญหาในอีกหลายด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับของบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการศึกษา หากสามารถทำได้ดีพอก็จะสามารถดึงดูดการลงทุนเข้ามาได้โดยอัตโนมัติ
สำหรับจังหวัด ICT City นั้นที่ปรึกษา SIPA บอกว่า ยังไม่ต้องพูดถึงหากความพร้อมในการวางฐานยังเป็นเช่นนี้ แต่โดยศักยภาพที่พบนั้นความก้าวหน้าของงานด้านนี้ระหว่าง 3 จังหวัดนำร่องพบว่า ขอนแก่นน่าจะก้าวหน้าไปมากกว่าเชียงใหม่และภูเก็ต ที่ยังกำหนดทิศทางอะไรไม่ได้ เนื่องจากผ่านมามีรายงานคืบหน้าต่างๆ ดีมาก แต่ความเป็นจริงกลับตรงข้าม เห็นชัดจากที่กลุ่มทุนต่างประเทศไม่สนใจเข้ามาแต่มองที่เวียดนามแทน เนื่องจากไปเน้นการอบรมหลงทางไปนาน.
ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1588 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 10 ก.ย. 50
เวลา 10:45:05
|