| • วอนสื่อต้องพอดีเสนอข่าวนร.เกเร |
|
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 03 ต.ค. 50 เวลา 10:21:38 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ
จาก cmprice.com
VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ติงสื่อต้องพอดีกับการเสนอข่าวพฤติกรรมเด็กนักเรียนเกเรก้าวร้าว เพราะเป็นดาบสองคมทำให้เลียนแบบได้ เด็กกลายเป็นแพะและเพิ่มปัญหามากกว่าแก้ไข อย่านึกเอาแต่มันหรือสร้างเรดติ้ง ด้านรัฐมนตรีเสมา“วิจิตร”สนใจฟื้นโรงเรียนดัดสันดานหนุนแนวคิด “คุณหญิงกษมา”ตั้งสถานศึกษาเพื่อสอนเด็กที่มีปัญหา แต่ยันไม่ฟื้นระบบไม้เรียวกำราบเด็ก หวั่นครูจะเป็นผู้กระทำความรุนแรงเสียเอง เรียกประชุมคณะทำงานแก้ปัญหาปัญหาเด็ก ห่วงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงหลังคลิปตบแหลกนักเรียนลำพูนอาละวาดและการรับน้องโหดจะกลายเป็นการเลียนแบบ ชี้สื่อสำคัญต้องตระหนัก
จากเหตุการณ์นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ลำพูน ยกพวกรุมตบตีทำร้ายรุ่นน้องจนได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนานนับสัปดาห์ รวมทั้งการรับน้องของโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งจนต้องหามส่งโรงพยาบาล รวมทั้งหลายๆ กรณีที่เกี่ยวกับพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กที่ถ่ายเป็นคลิปวีดิโอแพร่ไปตามสื่อและอินเตอร์เน็ตต่างๆ และที่สำคัญสื่อโทรทัศน์ที่เป็นรายการวิเคราะห์หรืออ่านข่าวจะนำมาพูดและเน้นย้ำกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดภาพสะท้อนเรื่องของพฤติกรรมเลียนแบบ และเป็นตราบาปของนักเรียนเฉพาะพื้นที่
ในเรื่องดังกล่าวนักวิชาการการศึกษาที่ดูแลเรื่องพฤติกรรมเด็กนักเรียน นักศึกษาหรือสารวัตรนักเรียนเดิมนางเรณู ทวิชศรี มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนสำหรับเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดเป็นปกติตั้งแต่อดีต ทั้งนี้ต้องร่วมกันแก้ไขและมองให้ทะลุกับสาเหตุปัญหาเพราะอาจจะไม่มีเป็นแบบอย่างเดียวกันในการแก้ไข ที่สำคัญการให้ความสำคัญที่เกินพอดีมีผลทำให้เกิดปัญหามากขึ้นและสร้างตราบาปกับเด็กได้ โดยเฉพาะบทบาทสื่อมวลชนที่ถือว่า สำคัญมากที่ไปตอกย้ำหรือให้ความสำคัญเกินพอดีไป ไปเน้นย้ำและสร้างกระแสให้เกินปกติ ซึ่งมีผลต่อทั้งการแก้ไขและเรื่องของธรรมชาติการเลียนแบบ เนื่องจากหากเด็กหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าใจมองเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดหรือทำก็ดี แต่หากบางกลุ่มกลับมองเป็นโอกาสในการสร้างการยอมรับให้ตนเองตามธรรมชาติวัยรุ่น จะยุ่งกันใหญ่เพราะไปเลียนแบบตามสื่อที่เสนอ เช่นเดียวกันการฆ่าตัวตาย
ดังนั้นจึงมองว่า สื่อเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างปัญหามากว่าการแก้ไขได้ เพราะเป็นดาบสองคม อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวทราบว่า ทางคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียดังกล่าว จ.ลำพูน นี้ว่า ขณะนี้ในโรงเรียนระดับมัธยมมีระบบดูแลพฤติกรรมนักเรียนในโรงเรียนอยู่แล้ว แต่อาจต้องมีโครงการใหม่รองรับเด็กที่มีปัญหาซึ่งกระจายตัวอยู่ตามโรงเรียนต่างๆ โดยอาจจัดให้มีสถานที่สำหรับอบรมระยะสั้น หรือเป็นโรงเรียนแบบกึ่งวิถี เพื่อปรับนิสัยนักเรียน เป็นสถานที่ที่ให้เด็กได้พักพิงชั่วคราว ให้การดูแลแบบครูดูแลศิษย์ด้วยความรัก ความเข้าใจ ให้เด็กมีความสำนึก เปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อยุติปัญหาก่อนกลับมาเรียนอีกครั้ง เนื่องจากเด็กเกเรมีจำนวนมาก ซึ่งเกินกำลังที่ครูจะดูแลได้ เพราะครูไมได้รับการอบรมเรื่องการแก้ปัญหาสังคม
อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้ จะต้องคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งไม่เหมือนกับสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เนื่องจากสถานเด็กที่จะเข้ามาอบรมปรับพฤติกรรม จะเป็นเด็กที่มีปัญหา มีพฤติกรรมเกเร แต่ไม่ได้กระทำความผิดกฎหมายร้ายแรงเหมือนกับสถานพินิจ
“ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องขณะนี้ หากมีระบบดูแลที่ดีในโรงเรียนก็น่าจะช่วยได้ อย่างไรก็ตาม คงไม่ได้สะท้อนว่านโยบายส่งเสริมคุณธรรมในสถานศึกษาไม่ได้ผล เพราะเด็กที่มีปัญหา นโยบายอย่างเดียวคงแก้ไขไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาสังคมด้วย เพราะเด็กเหล่านี้เป็นผลพวงจากสังคม ซึ่งหากดูประวัติส่วนใหญ่จะมีปัญหามีความรุนแรงในบ้าน หรือถูกทอดทิ้ง ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยการนำสิ่งดีๆ เข้าไปอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องแก้ปัญหาให้เด็กด้วย” เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ด้านนายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ก็ได้บอกถึงแนวคิดของเลขาธิการ กพฐ.ที่เสนอให้จัดตั้งสถานที่พิเศษขึ้นเพื่อดูแลเด็กที่มีปัญหาโดยเฉพาะ ว่า การจัดสถานที่ขึ้นมาดูแลเด็กมีปัญหาโดยเฉพาะเป็นแนวคิดที่ดี และโดยหลักการก็สามารถทำได้ เพราะเด็กบางกลุ่มโรงเรียนปกติอาจจะไม่สามารถให้การศึกษาได้ ก็ต้องแยกออกมา เหมือนในอดีตที่มีโรงเรียนดัดสันดาน เพื่อปรับพฤติกรรมของเด็ก ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในสถานศึกษาปกติทั่วไปได้ เช่นเดียวกับการแยกนักเรียนพิการไปเรียนในโรงเรียนเฉพาะ เนื่องโรงเรียนปกติไม่สามารถให้การดูแลได้ แต่ก็มีนักเรียนพิการบางส่วนที่สามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ เช่นเดียวกันถ้าต้องการปรับประพฤติของเด็ก โรงเรียนปกติอาจไม่มีขีดความสามารถที่จะทำได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการตั้งโรงเรียนเฉพาะขึ้นก็เป็นเหตุผลที่ดี แต่ต้องดูรายละเอียดให้รอบคอบ รวมถึงเด็กกลุ่มใดบ้างที่จะต้องเข้าข่ายต้องแยกออกมา ซึ่งตนก็จะได้นำข้อเสนอดังกล่าวนี้มาหารือในที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาและพัฒนาเยาวชนในสถานศึกษาด้วย
คำพูดตอนหนึ่งของ รมว.ศึกษาธิการฯ บอกว่า “โรงเรียนดัดสันดานในอดีตก็มีหลักการเดียวกันนี้ เพราะจะมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ไปเรียนในโรงเรียนธรรมดาที่ไหนไม่ได้แล้ว ซึ่งรุ่นผมจะกลัวกันมากว่าจะถูกส่งไปอยู่โรงเรียนดัดสันดาน จริงๆ ก็เหมือนกับหลักการของสถานพินิจฯ แต่ต่างกันที่สถานพินิจฯ รับเด็กที่ทำผิดทางอาญาเข้าไปเพราะไม่สามารถใช้กฎหมายปกติลงโทษได้ จึงมีวิธีพิเศษสำหรับเยาวชน แต่กรณีนี้ไม่ใช่เด็กที่ทำผิดกฎหมายอาญา เพียงแต่ต้องการปรับพฤติกรรมบางอย่าง ที่โรงเรียนปกติไม่สามารถพัฒนาหรือให้การศึกษาได้” นายวิจิตร กล่าวและว่า หากทุกฝ่ายคิดว่าเหมาะสมก็ต้องดู แต่คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนจะเรียกชื่ออย่างไรนั้น ส่วนตัวแล้ว สพฐ.มีหน้าที่ในการจัดการศึกษา จะเรียกชื่ออย่างไรก็เป็นสถานศึกษาประเภทหนึ่งอยู่ดี
สำหรับข้อเสนอให้รื้อฟื้นระบบการใช้ไม้เรียวมาช่วยครูดูแลพฤติกรรมของเด็กเกเรนั้น เหตุการณ์เหล่านี้ในยุคไม้เรียวก็เคยเกิดขึ้น เป็นปกติ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องคิดให้ดี ไม่เช่นนั้นความก้าวร้าวรุนแรงกลายไปเป็นพฤติการณ์ของครูแทน และไม่มั่นใจว่าจะช่วยลดปัญหาความก้าวร้าวรุนแรง หรือยิ่งเป็นการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นไปอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ครูจะอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ได้ผลก็ต่อเมื่อทำด้วยความเมตตาปราณี ใส่ใจกับเด็ก จนเด็กเกิดความเคารพ ไม่ใช่เพราะกลัวเกรง จนเป็นความกดดันอื่นเพิ่ม เพราะปีๆ หนึ่ง เกิดเหตุเรื่องนี้เป็นปกติเกือบทุกวัน แต่หากเป็นข่าวก็มีทั้งแง่บวกและลบไปพร้อมกันด้วย
ปัญหาเร่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามแก้ไขหาทางออกว่าทำอย่างไรเด็กๆ เหล่านี้ถึงไม่มีพฤติกรรมหรือลดพฤติกรรมลงในที่สุด หลายภาคส่วนต้องตระหนักและทำในแนวทางที่เหมาะสม โดยเฉพาะสื่อที่ถือว่าสำคัญต่อการเปลี่ยนทัศนะของคน ก็อย่าคิดเพื่อเอามันหรือสร้างเรดติ้งของสื่อเองเกินไปจนลืมความพอดีพอเหมาะ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นการเพิ่มปัญหามากกว่าแก้ไขปัญหา.
ข่าวจาก ไทยนิวส์
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1815 |
|
| แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 03 ต.ค. 50
เวลา 10:21:38
|
