"ผมเคยได้ร่วมประชุมและร่วมสนทนา กับท่านพลตรีนพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4 หลายครั้ง
ท่าทางท่านดูเข้มแข็ง มีลักษณะผู้นำอย่างชายชาติทหาร พูดจาเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจังกับการทำงาน เป็นสุภาพบุรุษ สมาร์ท ใบหน้าผ่องใส
แต่เมื่อวันท่ี 13 สิงหาคม 2559 ท่านมาตรวจตราและให้ความช่วยเหลือชาวอำเภอปาย ท่ีได้รับความเสียหายจากอุทกภัย แม่นำ้ปายเอ่อท่วมท้นบ้านเรือนราษฎรและทรัพย์สินเสียหาย
ส่วนผมกำลังให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบความเสียหายอีกท่ีหนึ่งไม่ไกลจากท่ีท่านอยู่มากนัก
ท่านได้โทรศัพท์มาว่าขอพบนายอำเภอปาย ผมจึงเดินทางไปพบท่านเวลาประมาณ 16.30 น.
ครั้นได้พบท่าน แรกเห็นเสมือนท่านตรากตรำทำงานหนักพักผ่อนไม่เพียงพอ หน้าตาท่านสีเข้มคล้ำ แลดูไม่สดชื่น ดวงตาคล้ำคล้ายกับดวงตาขาดนำ้ตาหล่อเลี้ยง ริมฝีปากแห้งมาก มีสีแดงคล้ำและมีคราบสีขาวท่ีมุมปากทั้งสองข้าง
ผมพูดเหมือนจะเกินความจริงเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่งในขณะท่ีผมได้สนทนากับท่าน
ผมเกือบจะทักท่านแล้วว่าท่านไม่สดชื่น แต่เนื่องจากท่านเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ผมเลยไม่กล้านำเรียนท่านโดยตรง โดยเกรงว่าจะเป็นการไม่เหมาะสม
ซึ่งในระหว่างท่ีผมสนทนากับท่านเกี่ยวกับความเสียหายท่ีประชาชนได้รับและแนวทางท่ีจะแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืนนั้น ท่านผู้ว่าฯนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทรศัพท์เข้าเครื่องโทรศัพท์ผม เพื่อท่ีจะขอเรียนสายกับท่านพลตรีนพพรฯ
และท่านผู้ว่าฯพูดเปรยกับผมว่าช่วงนี้อากาศปิด ท่านพลตรีนพพรฯไม่ต้องไปอำเภอปางมะผ้า ก็ได้ ผมจึงนำโทรศัพท์ไปให้ท่านและก่อนท่ีผมจะยื่นโทรศัพท์ให้ท่าน
ผมพูดกับท่านว่า"ท่านผู้ว่าฯขอเรียนสายกับท่าน ท่านผู้ว่าฯเป็นห่วงเนื่องจากอากาศปิด"
เมื่อผมยื่นโทรศัพท์ให้ท่าน ท่านพูดกับท่านผู้ว่าฯว่า ท่านยืนยันจะไปอำเภอปางมะผ้า และนัดพบกับท่านผู้ว่าฯที่อำเภอปางมะผ้า ซึ่งท่านผู้ว่าฯกำลังปฎิบัติภาระช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอยู่
เมื่อท่านคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วท่านยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ผม แล้วท่านพูดว่า "ทหารของพระราชาไม่กลัวตาย กลัวแต่ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่า"
นายธนกฤต ฉันทะจำรัสศิลป์
นายอำเภอปาย
15 สค.2559 เวลา 22.00 น.