• เศรษฐกิจ51น่าห่วง สาเหตุพิษน้ำมันแพง |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 27 พ.ย. 50 เวลา 10:38:01 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
“สมคิด” อดีตรองนายกฯ และ รมว.คลัง ชี้ผู้ประกอบการ SMEs เป็นกระดูกสันหลังเศรษฐกิจไทย แต่ยังขาดการส่งเสริมพัฒนาเท่าที่ควร ฝากรัฐบาลใหม่ให้สนับสนุนทั้งยุทธศาสตร์และงบจริงจัง ขณะเดียวกัน คาดพิษน้ำมันแพงส่งผลภาวะเศรษฐกิจไทยปี 51 ลำบาก แนะผู้ประกอบการ “ควบคุมรายจ่าย-เพิ่มรายได้” เตรียมพร้อมรับมือ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มาปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ความท้าทายของ SMEs ปี 51” ซึ่งจัดขึ้นโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเร็วๆนี้ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยอดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการปาฐกถาพิเศษว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEs ประมาณ 2.3 ล้านราย ทำให้เกิดการจ้างงานประมาณ 9 ล้านคน ขณะที่จากจำนวนผู้ส่งออกประมาณ 2.5 หมื่นราย ก็เป็นผู้ประกอบการ SMEs ถึงประมาณ 2.2 หมื่นราย จึงถือได้ว่า SMEs เป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากมองเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบมูลค่าการผลิตส่วนใหญ่มาจาก SMEs ทั้งสิ้น ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาส่งเสริม SMEs เท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ SMEs ถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหากมีความเข้มแข็งแล้วก็จะไม่ต้องหวั่นเกรงปัญหาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤติทางเศรษฐกิจปี 2540 ที่ผ่านมา
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญของ SMEs ในประเทศไทยนั้น มีสาเหตุมาจากการที่ทัศนคติของคนส่วนใหญ่นิยมที่จะเป็นลูกจ้างมากกว่าที่จะเป็นผู้ประกอบการ ส่วนผู้ประกอบการที่มีอยู่ก็มักจะมีปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับเงินทุนและการขอสินเชื่อ และมักพบว่า SMEs ส่วนใหญ่มักจะเป็นธุรกิจครอบครัวทำให้การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เกือบทั้งหมดมีการนำเทคโนโลยี การวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม มาใช้ในการปรับปรุงพัฒนาธุรกิจน้อยมาก ทั้งๆ ที่สามารถนำสิ่งเหล่านี้รวมทั้งภูมิปัญญามาใช้เพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและผลิตภัณฑ์ได้ รวมทั้งมีการแสวงหาหรือพยายามที่จะทำการตลาดในต่างประเทศน้อยมาก ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการพัฒนาปรับปรุง ทั้งโดยการพัฒนาตัวเองของผู้ประกอบการและภาครัฐให้การสนับสนุน
นายสมคิด กล่าวด้วยว่า การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้มีความเข้มแข็งของหน่วยงานภาครัฐถือว่า มีปัญหาพอสมควร เพราะที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนา SMEs โดยเฉพาะ แต่จะเป็นการทำงานที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ทำให้การทำงานมักจะไปคนละทิศทาง ซึ่งเห็นว่าการจะพัฒนา SMEs ให้มีความเข้มแข็งได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแผนการส่งเสริมพัฒนาที่ชัดเจนและเป็นแผนระยะยาว อยากจะฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นหลังการเลือกตั้ง 23 ธ.ค.2550 ว่า ควรจะให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs อย่างแท้จริง โดยน่าจะต้องมีการประกาศแผนพัฒนา SMEs ระยะ 10 ปี รวมทั้งต้องมีการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน เช่น การไม่เก็บภาษีหรือสนับสนุนสินเชื่อสำหรับ SMEs เป็นต้น ซึ่งการส่งเสริม SMEs นั้นรัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุนทั้งทางด้านยุทธศาสตร์และงบประมาณอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้นายสมคิด ยังแสดงความเห็นด้วยว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2551 น่าจะเป็นภาวะที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เห็นว่าผู้ประกอบการสามารถที่จะเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้ ด้วยการวางระบบการบริหารจัดการและวางแผนธุรกิจให้ดี โดยยึดหลักการควบคุมรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองแต่เพียงเฉพาะการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ในปี 2551 เท่านั้น แต่อยากให้มองไปถึงการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพสู่การเป็นผู้ประกอบการที่เข้มแข็งในอนาคตด้วย.
ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 2568 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 27 พ.ย. 50
เวลา 10:38:01
|