• แก๊งวิ่งราวจนมุมตำรวจ ผบก.ชม ชมชุดจับ |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 11 มิ.ย. 51 เวลา 19:39:03 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ตำรวจสายตรวจแม่ปิงและจราจร สร้างผลงานเยี่ยมหลังเกิดเหตุ คนร้ายวิ่งราวทรัพย์ นำกำลังเข้าสกัดจับได้ทันควัน ผบก.ภ.เชียงใหม่ ยิ้มแก้มปริชื่นชม ศักยภาพการทำงาน ของผู้ใต้บังคับบัญชา
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 10 มิ.ย. 2551 เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นำโดย ร.ต.อ.อำนาจ ธรรมสร รองสวป.สภ.แม่ปิง ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดสายตรวจ จับกุม นายกิตติพงศ์ อินทะวงศ์ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/1 ถนนทุ่งโฮเต็ล ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และนายแดง (นามสมมติ) อายุ 19 ปี อยู่ตำบลเดียวกัน พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ สีบรอนซ์-ดำ หมายเลขทะเบียน คษล-641 เชียงใหม่ นำตัวมอบให้ พ.ต.ท.อุทัย คาดชะดาคำ สารวัตรเวร สภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านั้นเมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 10 มิ.ย.2551 เจ้าหน้าที่ วิทยุ 191 ภูธรเชียงใหม่ ได้แจ้งเหตุ มีคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง ของ นางกันตินันท์ วรรณฤทธิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ถ.บ้านใหม่ ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่โดยผู้เสียหายจำตำหนิรูปพรรณคนร้ายได้ และแจ้งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้ายที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ มาตามถนน เชียงใหม่ -ลำพูนและจ.ส.ต.อำนาจ เนียมจันทร์ และ ส.ต.อ.ยศกร พงตุ้ย เจ้าหน้าที่สายตรวจได้สกัดจับตัวผู้ต้องหาทั้งสองนี้ไว้ได้ บนสะพานข้ามทางรถไฟ ถนนมหิดล พร้อมรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ทราบชื่อคนร้ายรายนี้ต่อมาว่า นายสานิตย์ อายุ 19 ปี เป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ถอดป้ายทะเบียนออกซ่อนไว้บริเวณใต้เบาะรถ และมี นายกิตติพงศ์ เป็นคนซ้อนท้าย และเป็นผู้ก่อเหตุกระชากสร้อยผู้เสียหาย หลังจากก่อเหตุแล้วได้หลบหนีมาตามถนนสายเชียงใหม่ - ลำพูน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รอง ผกก.จร.ภ.จว. เชียงใหม่ ได้ขับรถผ่านบริเวณเส้นทางดังกล่าวพอดี และได้ยินวิทยุสกัดจับกุมคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ผ่านมาเส้นทางดังกล่าว จึงได้ช่วยสกัด กระทั่งพบคนร้ายขับรถผ่านมาจึงได้ไล่ติดตามไปจนถึงบริเวณสะพานข้ามทางรถไฟ และมีเจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้ไล่ติดตามมาเช่นกัน จึงได้ร่วมกันจับกุมตัวได้สำเร็จ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาให้ นางกันตินันท์ ผู้เสียหายชี้ตัวและยืนยัน ว่า เป็นคนร้ายที่ก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำหนัก สองสลึงไปจริง เมื่อมีหลักฐานชัดเจนจึงได้ควบคุมตัวผู้ตัองหาสองคนพร้อมด้วยของกลางทั้งหมดนำส่งสารวัตรเวร สภ.แม่ปิง ดำเนินคดีดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา ผบก. ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นการแสดงศักยภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการร่วมกันทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ซึ่งหลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ ก็ได้มีการขยายผลการจับกุมไปถึงเพื่อนร่วมแก๊งว่ามีอยู่หรือไม่ ซึ่งทางผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ครั้งในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการคุมประพฤติเรื่องคดียาเสพติดด้วย แต่มาก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์อีกครั้ง กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว สำหรับเพื่อนร่วมแก๊งของผู้ต้องหานั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทราบข้อมูลและให้ผู้ต้องหาบอกชื่อมาหมดแล้ว โดยเบื้องต้นตนได้ให้ทางผู้ต้องหาติดต่อไปยังโทรศัพท์ของเพื่อนร่วมแก๊งและได้พูดคุยกันว่า ให้มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที หากไม่มาก็จะดำเนินคดี แต่หากมาแล้วก็จะไม่ดำเนินคดีในข้อหาใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่ต้องการให้มาพบเพื่อที่จะได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะให้รับการอบรมและพัฒนากล่อมเกลาจิตใจ ให้กลับเนื้อกลับตัว ดื่มน้ำสาบานว่าจะไม่กระทำผิดกฎหมายอีก จึงจะปล่อยตัวไป ซึ่งหลังจากนี้ก็ได้มีการมอบหมายว่าหากมีการจับกุมผู้ต้องหาในกรณีอย่างนี้อีก ก็ให้ขยายผลไปถึงผู้ร่วมแก๊งหรือเพื่อนของผู้ต้องหาว่ามีใครบ้าง แล้วให้เรียกตัวมาทั้งหมดเพื่อมาเข้ารับการอบรมในโครงการกล่อมเกลาจิตใจดังกล่าว ซึ่งครั้งแรกของการเริ่มโครงการนี้จะรวบรวมเพื่อนหรือขบวนการของผู้ต้องหาในคดีต่างๆ มาอบรมจำนวน 150 คน เพื่อให้มีการเปลี่ยนใจกลับมาเป็นคนดี
พล.ต.ต.สุเทพ กล่าวต่อไปอีกว่า การที่จะจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งของผู้ต้องหาให้หมดเลยนั้นก็ถือว่าเป็นผลดี แต่หากให้กลุ่มคนพวกนี้กลับเนื้อกลับใจน่าจะเป็นผลดีมากกว่า ซึ่งก็จะไม่ทำให้ประวัติของเด็กเสียด้วย จึงคิดริเริ่มโครงการอบรมกล่อมเกลาจิตใจดังกล่าว เพราะเท่าที่ทราบปัญหาจากกลุ่มผู้ต้องหาว่าทำไมถึงก่อเหตุก็รู้มาว่าเด็กส่วนใหญ่จะมีปัญหากับทางครอบครัว พ่อแม่หย่ากัน อาศัยอยู่กับญาติ พ่อแม่ไม่ดูแลเอาใจใส่ลูกหลาน อย่างนี้เป็นต้นซึ่งโครงการดังกล่าวหากสำเร็จด้วยดี ก็มั่นใจว่าจะลดอาชญากรรมต่างๆในตัวเมืองเชียงใหม่ได้
สำหรับการป้องกันด้านอาชญากรรมในตัวเมืองเชียงใหม่นั้น ก็จะมีการประสานข้อมูลไปยังทุกท้องที่ โดยช่วงระยะหลังนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จะมีบทบาทมากขึ้นในการช่วยจับตัวผู้ต้องหา เพราะผู้ต้องหาส่วนใหญ่นั้นมักจะหลบหนีออกจากตัวเมืองไปยังรอบนอก แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำอยู่จุดที่ใกล้กับที่เกิดเหตุก็สามารถที่จะไล่ติดตามจับกุมคนร้ายได้ทันที่.
ข่าวจาก ไทยนิวส์
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1362 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 11 มิ.ย. 51
เวลา 19:39:03
|