ต้องสึกปาราชิก หลังแอบอยู่กินกับสาววัย 22 ปีนานแล้วกว่า 2 ปี โดยเปลี่ยนที่อยู่เรื่อยๆ จนมาถูกจับ ตร.นำไปบันทึกประจำวันก่อนปล่อยตัว...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 พ.ย.) ขณะที่ ร.ต.อ.ศักดา จันจี พนักงานสืบสวน สบ.1 สภ.เมืองอุตรดิตถ์ กำลังปฎิบัติหน้าที่ร้อยเวรอยู่บนโรงพัก ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนายอุดม ประคุณคงชัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านไผ่ล้อม-ขอนแก่น ต.น้ำริด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ว่า มีชายคนหนึ่งมีลักษณะศรีษะโล้นคล้ายพระภิกษุ มีพฤติกรรมต้องสงสัยขับรถเก๋ง และสวมหมวกปิดบังใบหน้าตลอดเวลา และหวั่นว่าอาจจะเป็นคนร้ายที่หลบหนีคดีมาหลบซ่อนตัว โดยมาเช่าอาคารพาณิชย์ อาศัยอยู่ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจาก จนท.ได้รับแจ้งแล้วจึงรุดไปยัง ที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ด.ต.สนั่น บุตรยา และ ด.ต.พายับ พุทธา เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยบริการประชาชนบ้านน้ำริด ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายบ้านน้ำริด-หัวดง แยกเข้าสำนักงานเทศบาล ตำบลน้ำริด พบชาวบ้านจำนวน 20 คน ได้เข้าปิดล้อมบริเวณหน้าอาคารพาณิชย์ดังกล่าว จากการตรวจสอบพบชายหญิงสองคนทราบชื่อภายหลังว่า ชื่อ นายภิรมณ์ เอี่ยมสอาด อายุ 28 ปี ชาว จ.อุตรดิตถ์ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำลายตุ๊กตา สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวสวมทับด้วยเสื้อยีนแขนยาวสีดำ สวมหมวกแก๊ปสีดำนั่งอยู่ภายในรถเก๋ง ยี่ห้อเรโน สีเหลือง หมายเลขทะเบียน กข-2010 อุตรดิตถ์ นั่งอยู่ในที่นั่งคนขับพร้อมด้วย น.ส.ชลธิดา โตธินา อายุ 22 ปี ชาว จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากบ้านหลังดังกล่าว เพื่อไปซื้อของในตลาดเมืองอุตรดิตถ์
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้ลงจากรถ และขอดูบัตรประชาชนทั้งคู่ ฝ่ายหญิงจึงแสดงบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ฝ่ายชายไม่มีบัตรประชาชนมาแสดงอ้างว่าไม่พกบัตรประชาชนมาแสดง และไม่มีใบอนุญาตขับขี่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจค้นภายในรถยนต์ เก๋งคันดังกล่าวโดยเชิญให้ทั้งคู่ลงจากรถ จากการตรวจค้นบริเวณเบาะหลังด้านคนขับพบจีวรพระสีเหลือง ผ้าสบง ผ้าประคตรัดเอว อย่างละ 1 ชิ้น ย่ามสีเขียวอ่อน ภายในย่ามมีหนังสือสวดมนต์พิธี ที่เป็นหนังสือท่องบทสวดมนต์ และพิธีกรรมทางศาสนา
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ ตำรวจยังได้ตรวจพบเอกสารสุทธิ หรือ สมุดคู่มือประจำตัวพระ สถานนะเดิมชื่อ นายภิรมณ์ เอี่ยมสอาด ฉายา พระภิรมณ์จิตตสังวโร อุปสมบทเมื่อวันที่ 9 เดือน ก.ค.2549 ณ วัดวังกะพี้ ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ เมื่ออายุ 27 ปี โดย พระครูพิศาลจริยธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์พระใบฏีกาสมจิตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดสมบัติ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ซึ่งนายภิรมณ์ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่า ตัวเองเป็นพระลูกวัดวังกะพี้ มีตำแหน่งเป็นเลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ และเป็นพระนักเทศชื่อดังในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยเทศนาเกี่ยวกับพระคุณพ่อ และพระคุณแม่เป็นหลัก เกิดรักใคร่ชอบพอกับสีกามานาน จึงได้ลักลอบแอบมีสัมพันธ์กันมานานกว่า2 ปีแล้ว
นายภิรมณ์ กล่าวว่า ได้ให้น.ส.ชลธิดาไปหาบ้านเช่าพักอยู่อาศัย โดยจะแอบไปหา และนอนอยู่ด้วยในช่วงเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และในวันธรรมดาหลังช่วง 4 ทุ่มไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ได้มีการเปลี่ยนบ้านเช่ามาโดยตลอด เนื่องจากหวั่นว่าญาติโยมจะจับได้ เมื่อเสร็จภาระกิจแล้วก็จะขับรถคันดังกล่าว กลับออกจากบ้านเช่ามาถึงที่วัดในตอนเช้ามืด โดยที่พระในวัดวังกะพี้ก็ไม่ทราบว่าตัวเองไปไหนมา และจะออกเดินบิณฑบาตรตามปกติ เหมือนพระสงฆ์ทั่วไปเป็นประจำทุกวัน ส่วนเงินที่ได้จากการเทศนาธรรม ก็จะแบ่งให้สีกาใช้เป็นประจำตลอดจนกระทั่งมาถูกจับได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวพระภิรมณ์จิตตสังวโร ไปส่งมอบให้กับพระเทพปริยัติวิธาน เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่วัดคลองโพธิ์พระอารามหลวง พร้อมแจ้งปัญหาเรื่องราวให้ได้รับทราบ โดยทางเจ้าคณะจังหวัดได้ระบุว่า พระภิรมณ์ จิตตสังวโร เลขานุการเจ้าคณะอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ พระนักเทศชื่อดังของอุตรดิตถ์ ได้ขาดจากการเป็นพระแล้วด้วยเหตุปาราชิกแล้ว เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับสีกาด้วยการเสพเมถุน เป็นศิลข้อห้ามในศีล 227 และเป็นศีลต้องห้ามที่ต้องปาราชิก โดยที่ไม่จำเป็นต้องจับมาลาสิขาบทต่อหน้าพระสงฆ์ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวไปทำบันทึกประจำวันก่อนที่จะทำการ ปล่อยตัวกลับไป
ข่าวจาก ไทยรัฐ